มู่หรงฉีมองดูซ้ำไปซ้ำมาอย่างงงงวย “นี่คืออะไร?”
“เหมือนจะเป็นคำสาปแช่งเพคะ” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยอย่างจริงจัง “แช่งให้สามีภรรยาไม่ลงรอยและเกลียดกัน”
“แค่เขียนบนแผ่นไม้ไผ่นี่จะได้ผลเหรอ? เจ้าเชื่อเรื่องไม่มีอยู่จริงพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ของไร้สาระแบบนี้เจ้าไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
หากว่าเธอไม่รู้ที่มาที่ไปของยายหลิง เธอก็คงจะไม่คิดแบบนี้
เหลิ่งชิงฮวนพูดอย่างจริงจัง “มันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่หม่อมฉันกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเมื่อไม่กี่วันก่อน หม่อมฉันเพิ่งได้ยินจากเซวียอี๋เหนียงว่าไม้ไผ่ฮวงจุ้ยหน้าสุสานของหม่อมฉันถูกทำลายและถูกตัดขาดไปสองต้น ซ้ำวันนี้ยังมาขุดเจอสิ่งนี้ไหนจะห่อผ้าสีแดงอีก หม่อมฉันก็อดคิดมาไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คาถาอาคมใครจะทำอะไรแบบนี้?”
มู่หรงฉีไม่ได้จริงจังกับมันเลย “เจ้าสงสัยว่ามีใครบางคนในจวนกำลังใช้คาถาอาคม? ไม่ต้องพูดถึงการแกะสลักแผ่นไม้ไผ่ แต่การยั่วยุเจ้าและข้าอย่างโจ่งแจ้งจะมีประโยชน์อะไร? ข้าเชื่อว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ แยกเจ้าและข้าออกจากกันได้ รวมทั้งความยากจนและภัยพิบัติที่เจ้าว่า ชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแม้แต่ก้าวเดียว หากเจ้าคิดมากก็เผามันทิ้งไปซะ หรือไม่ก็…”
“ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันคิดมาก หม่อมฉันไม่สนใจว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่ เหตุผลหลักคือคนคนนี้มีเจตนาไม่ดี” เหลิ่งชิงฮวนรีบอธิบาย “หรือว่าท่านไม่คิดว่ามีคนแอบโจมตีหม่อมฉันหรือ? รวมถึงในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ไห่ตงชิงตัวนั้นและแผ่นไม้ไผ่ที่อธิบายไม่ได้นี้ แม้ว่าวิธีจะแตกต่างกันแต่ทั้งหมดมันน่ารังเกียจและน่ากลัว ซ้ำยังยากจะป้องกัน นี่ไม่ใช่กลอุบายของสตรีในจวนซึ่งมันทำให้หม่อมฉันหวาดกลัว”
มู่หรงฉีส่งเสียง “อืม” ในลำคอ “วันนั้นข้ายังสั่งให้ตรวจสอบคนรับใช้ที่ตามเข้าไปในพระราชวังเพื่อรับใช้อย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่พบคนที่น่าสงสัย มีราชวงศ์มากมายที่เลี้ยงเหยี่ยวเลี้ยงหมา แต่พวกมันไม่ฟัง ใครที่ฝึกเหยี่ยวได้นั้นหาไม่ง่ายเลย”
“คงไม่ใช่องครักษ์อินทรีหรอกใช่ไหมเพคะ” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ย
มู่หรงฉีชะงัก ก้มหน้ามองเธอ “เจ้ารู้จักองครักษ์อินทรีได้อย่างไร?”
เหลิ่งชิงฮวนรู้ว่าตัวเองหลุดปากจึงอธิบายว่า “หม่อมฉันคิดว่าคนที่บุกเข้าไปในค่ายทหารต้องมีแผน เมื่อหม่อมฉันฉีจิ่งอวิ๋นจึงเอ่ยถาม และเขาก็บอกเพคะ”
มือของมู่หรงฉีค้าง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม “เขาบอกอะไรเจ้า? เจ้าเป็นฝ่ายถามหรือเขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา”
เหลิ่งชิงฮวนสงสัยว่าทำไมปฏิกิริยาของเขาถึงรุนแรงนัก ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย “ตอนที่หม่อมฉันว่าง หม่อมฉันวาดภาพหน้ากากนกอินทรีบิน วันหนึ่งหม่อมฉันบังเอิญไปเจอมันตกอยู่บนถนนจึงหยิบขึ้นมา เขาก็จำได้ทันที และบอกหม่อมฉันว่าองครักษ์อินทรีเป็นองค์กรลึกลับที่เชี่ยวชาญการสอดแนมเรื่องส่วนตัวของเหล่าขุนนาง นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้แล้วเพคะ”
“ฝีมือวาดภาพของเจ้านี่ไม่กล้าเอ่ยปากชม แต่เขากลับสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็ว นับว่าเขามีสายตาที่ดี”
สำหรับการดูแคลนของมู่หรงฉีนั้น เหลิ่งชิงฮวนย่อมไม่ยอม เธอเคยชนะสตรีที่ขึ้นชื่อว่ามีความสามารถที่สุดของเมืองหลวงมาแล้วนะ
“เรากำลังคุยกันเรื่องไห่ตงชิงนะเพคะ ท่านช่วยตั้งใจหน่อยได้ไหม? อยู่ๆ ก็มาทำตัวเช่นนี้ไปได้”
ตอนที่ตำหนิสายตาก็หวั่นไหว เต็มไปด้วยความรู้สึกท่วมล้น ทำให้ผู้ที่ได้มองต้องใจสั่น
มู่หรงฉีหัวเราะเบาๆ “ข้าก็สนใจเรื่องนี้มาตลอด แต่ทำไมเจ้าถึงได้นึกถึงเรื่องไห่ตงชิงขึ้นมาล่ะ”
“แค่สตรีบ้านนอกที่มีความรู้มากว่าสตรีในเมืองหลวงนิดหน่อย หรือว่ายังมีอะไรแปลกอีกงั้นหรือ?” เธอไม่ต้องการสนทนาในหัวข้อนี้ต่อจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “หรือว่าท่านรู้ถึงการมีอยู่ขององครักษ์อินทรีหรือเพคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...