ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 275

เหลิ่งชิงฮวนรู้ว่าสองคนนี้คือบุตรีที่หรูอี้พาไปที่จวนอ๋องครั้งล่าสุด ไม่รู้ว่าพวกนางอยู่จวนของใคร นางทำใบหน้าเคร่งขรึมก่อนจะเม้มริมฝีปากจ้องมองทั้งสองคนอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะเข้ามาคำนับเหลิ่งชิงฮวนอย่างหวาดกลัว

“ตบปาก” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยเสียงเรียบ “พวกเจ้าจะตบเองหรือจะให้ข้าเรียกบ่าวมาตบให้”

ทั้งสองคนมึนงง เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนขู่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาก่อนจะรีบคุกเข่าลงกับพื้น “พระชายาโปรดอภัย พวกเราแค่ทวงความยุติธรรมให้ท่าน ท่านอาจจะไม่รู้ว่าองค์หญิงหรูอี้ใส่ร้ายอะไรท่านลับหลัง ครั้งก่อนที่แม่นางฉู่…”

“หุบปาก!” เหลิ่งชิงฮวนขัดพวกนาง “ความสัมพันธ์ของพวกข้าสองคนพวกเจ้าเข้ามาสอดได้หรือ? ข้าว่าพวกเจ้าคงไม่อยากเหลือลิ้นไว้กินข้าวแล้วถึงได้กล้าพูดจาเสื่อมเสียต่อองค์หญิงแบบนี้”

ทั้งสองคนรู้ดีก่อนจะยกแขนขึ้นมาตบด้านตัวเอง “พวกเราไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนส่งเสียงในลำคอ “หากมีครั้งหน้าข้าจะไม่ปราณีแน่ ไสหัวไป!”

ทั้งสองลุกขึ้นก่อนจะรีบวิ่งออกไป

เหลิ่งชิงฮวนพูดด้วยความโกรธ “ศักดิ์ศรีในตอนที่ต่อล้อต่อเถียงกับข้าหายไปไหนแล้ว? ถูกนินทาลับหลังเช่นนี้ยังไม่กล้าจะโผล่หน้าออกมา”

หรูอี้รู้ว่าเหลิ่งชิงฮวนกำลังพูดถึงตัวเอง ดังนั้นนางจึงเดินออกมาจากด้านหลังเสา “วันนี้ข้าโชคไม่ดีถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ แล้วข้ายังจะต้องขอบคุณเจ้าอีกหรือ? อย่าคิดว่าเจ้าออกหน้าแทนข้าแล้วข้าจะรู้สึกซาบซึ้ง”

เหลิ่งชิงฮวนจ้องมองนางอย่างจริงจัง “โชคไม่ดีที่เจ้าว่าก็เกิดจากการกระทำของตัวเจ้าเอง เจ้าเลือกราชบุตรเขยตามความต้องการของเจ้าแต่เจ้ากลับไม่สนใจสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทั้งสองฝ่ายต้องยินยอม”

“ดังนั้นต่อให้คุณชายจินซานไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าก็ไม่อาจไม่แต่งกับเจ้า ถึงได้ทำให้พวกเจ้าทั้งสองคนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”

“เหตุผลเดียวกัน พี่ชายของข้ายังไม่หายจากอาการป่วยแต่เขาก็ทุ่มเทกับงานราชการและประเทศชาติ หากเขาต้องกลายเป็นราชบุตรเขยก็เท่ากับทำลายอนาคตของเขา ความคับแค้นใจและความเหนื่อยหน่ายจะสะสมไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับเจ้าในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?”

“ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะเกลียดข้า โทษข้า หรือใส่ร้ายฉู่รั่วซีเพื่อทำลายข้าจนพาลมาถึงคนในตระกูลข้า แล้วยังจะมามีเหตุผลอะไรอีก? เจ้าคิดว่าข้าอยู่ในฐานะพระชายาอ๋องฉีแล้วจะทำอะไรไม่ได้หรือ? หากข้าคิดแค้นกับเจ้าจริง เรื่องเอะอะโวยวายในวันนี้ก็เพื่อให้เหล่ญาติพี่น้องลำบากใจหรือ”

หรูอี้ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่ก่อความวุ่นวายไปทั่ว แม้ว่านางจะรู้ว่าตัวเองทำผิดแต่ก็ยากที่จะถอนตัว หากนางยอมรับผิดก็เท่ากับว่านางยอมแพ้

ดังนั้นนางจึงตะคอกอย่างไม่พอใจ “วันนี้เจ้าได้ทีขี่แพะไล่ จงใจมาสมน้ำหน้าข้าใช่ไหม”

“แล้วแต่เจ้าจะคิด หากคิดว่างานสมรสของเจ้าเป็นเรื่องตลกแล้วทำไมถึงไม่คิดจะหาวิธีแก้ปัญหาล่ะ”

หรูอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถลึงตาจ้องมองเธอ “แก้? แก้อย่างไรล่ะ? ทูลขอหย่ากับเสด็จพ่องั้นเหรอ? ข้าไม่ได้หน้าด้านที่ยอมให้คนนินทาได้แบบเจ้า!”

“ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะอยู่ดี แล้วทำไมถึงไม่เลือกทำให้ตัวเองมีความสุขล่ะ”

หรูอี้ชะงัก ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร

เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก บางคนรู้ว่าอะไรดี แค่ชี้ทางก็จะไปถูก แต่กับบางคนที่ดื้อรั้น การจะให้เปลี่ยนมาสันติคงจะเป็นเรื่องยาก

เธอเดินกลับเข้าไปในงานโดยไม่สนใจหรูอี้

แม้ว่างานเลี้ยงอายุหนึ่งเดือนนี้จะเรียบง่าย แต่จวนอ๋องรุ่ยกลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คน บรรยากาศครึกครื้น มีแขกมากมาย แขกชายหญิงก็ห่างกันเพียงฉากกั้น

เมื่อตอนที่งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น อ๋องรุ่ยก็วิ่งเข้ามาทางฝั่งของแขกผู้หญิงก่อนจะเอ่ยกับพระชายารุ่ยอย่างตื่นเต้น “นักพรตเต๋าแห่งสำนักหอดูดาวกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว ซ้ำยังอยู่ในงานด้วย ข้าจะอุ้มลูกไปให้เขาดูอักษรแปดตัวให้สักหน่อย”

แต่พระชายารุ่ยกลับไม่ยินยอม “เด็กยังร่างกายอ่อนแอ การคำนวณแบบนี้จะทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้เพราะอาจจกระทบกับชะตากรรมของเด็กได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา