ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 295

เสียสติไปแล้ว!

ซื่ออี๋เหนียงที่เป็นเบี้ยล่างมาโดยตลอดกล้าแม้แต่คิดจะฆ่าคน

แต่ผลสุดท้ายแล้วกลับต้องยอมจำนนต่ออำนาจของเหลิ่งชิงหลาง ถือว่าชดใช้หนี้บุญคุณที่ตระกูลจินมีให้แล้วกัน หลังจากนี้ถือว่าลืมๆมันไปก็แล้วกัน

เธอเคยเป็นนักแสดงหญิงที่รับบทบู๊มาก่อน เธอจึงมีกำลังมาก การคิดจะฆ่าใครเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆสักที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนก็ไม่ใช่เรื่องที่เปลืองแรงอะไร

จือชิวรนหาที่ตายเองชัดๆ

เธอก็เหมือนกับนายพรานที่หลบอยู่ในเงามืดและจ้องจะตะครุบเหยื่อ และรอคอยโอกาสที่สุดในการลงมือ เมื่อได้หยกพกของแหลิ่งชิงเจียวมาไว้ในครอบครองแล้วก็ตื่นตัวรีบใช้ผ้าเปียกชุบน้ำมารัดคอจือชิวจนสิ้นใจตายไป จากนั้นก็ขโมยหยกพกแล้วเอาจือชิวไปโยนทิ้งในน้ำทำเหมือนว่าเธอได้จมน้ำไป

เธอนึกไปเองว่าในที่สุดตัวของเธอก็หลุดพ้นแล้ว แต่ใครจะคิดว่าปัญหาจะเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ

ขอเพียงแค่เหลิ่งชิงหลางรักษาคำสัญญาละปล่อยลูกของเธอไป เพื่อให้เธอได้มีครอบครัวที่ดี แค่นี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

ด้านหลังมีเสียงดัง “แซ่ก” ขึ้นจนทำให้ความคิดของเธอหยุดชะงักไป

เธอหันไปก็เห็นว่าเหลิ่งชิงหลางเดินออกมาจากห้องของเหลิ่งชิงเจียวและมีท่าทีว่าง่ายขึ้นมาก

“ชิงเจียวบอกว่าเขาไม่ได้พูอะไรกับเหลิ่งชิงฮวนเลย ทั้งหมดเป็นการคาดเดาไปเองของเหลิ่งชิงหลางและไม่รู้เลยว่าคนที่ลงมือเป็นเจ้า ข้ากำชับกับเขาแล้วว่าหลังจากนี้ให้อยู่ห่างจากเหลิ่งชิงฮวนหน่อย เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึกตื่นกลัวไป ถ้าทำตัวมีพิรุธจะทำให้คนอื่นสงสัยเอาได้”

ซื่ออี๋เหนียงพยักหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี”

“ข้าอยู่ในหมูบ้านชนบทที่ห่างไกล ต่อให้เหลิ่งชิงฮวนจะมาสงสัยข้า แต่นางก็ไม่มีหลักฐานอะไร ต่อให้สืบเจอมาถึงเจ้า...”

ซื่ออี๋เหนียงกำลังทำสงครามประสาทกับนางอยู่ “บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นความคิดของบ่าวเองที่มีปัญหากับจือชิวมาโดยตลอด วันนั้นที่เจอกันก็ได้มีปากเสียงกัน พอเกิดโทสะจึงได้พลั้งมือไป”

เหลิ่งชิงหลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ซื่ออี๋เหนียงเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายเสียจริง ไม่กี่วันก่อนเพิ่งล้อเล่นกับเจ้าไป เจ้าก็อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ แม่เลี้ยงของลูกสาวคนโตของเจ้าข้าได้หาครอบครัวร่ำรวยและซื่อตรงเอาไว้ให้นางแล้ว ส่วนเรื่องสินสอดก็จัดการไว้หมดแล้ว ค่อยแต่งกันในฤกษ์มงคลเดือนหน้า พอถึงเวลานั้นแล้วเจ้าก็ไม่ต้องทำเรื่องสกปรกอีก”

ซื่ออี๋เหนียงเงยหน้าขึ้น “งั้นบ่าวขอไปดูสักครั้งได้ไหมเจ้าคะ ผ่านมาหลยปีแล้วบ่าวยังไม่เคยเห็นนางตอนที่โตเป็นสาวแล้วได้อย่างเต็มตาเลยสักครั้ง”

“เจ้าอยากรู้จักนาง?”

“ไม่เจ้าค่ะ ไม่เจ้าค่ะ ขอแค่นางมีชีวิตที่ดี จำเป็นต้องสร้างเรื่องอีกครั้งหรือเจ้าคะ” ซื่ออี๋เหนียงปฏิเสธอออกมา

ราวกับว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่เหลิ่งชิงหลางได้คำนวณเอาไว้ทั้งหมดแล้ว “รอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วอะไรก็คุยง่าย”

จู่ๆภายในใจของซื่ออี๋เหนียงก็มีความหวังขึ้นมา เพียงแต่ว่าถึงอย่างไรจึงจะเรียกว่าเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว

ซื่ออี๋เหนียงกลับไปรายงานกับมหาเสนาบดีเหลิ่ง ภายในมือของมหาเสนาบดีเหลิ่งมีบทละครอยู่ม้วนหนึ่ง เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาเขาก็ส่งสิ่งนี้ให้กับเธอ

“เซวียอี๋เหนียงเพิ่งให้คนเอามาให้ เพื่อให้ข้าตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหากว่าเจ้าไม่ติดอะไร ตอนบ่ายเจ้าคณะจะพาคนเข้ามาในจวนแล้วสร้างโรงละครขึ้นมา ข้าเองก็ไม่ได้ถนัดอะไรที่คร่ำครึพวกนี้ เซวียอี๋เหนียงบอกว่าเจ้าเชี่ยวชาฐเรื่องพวกนี้ ข้าเลยเอามาให้เจ้าดู”

ซื่ออี๋เหนียงรู้สึกผิด โดยเฉพาะเมื่อเซวียอี๋เหนียงได้ยินคำว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งครั้งสองครั้งนั้นเป็นอะไรที่บาดหู จนทำให้เธอรู้สึกกลัวว่าเซวียอี๋เหนียงจะรู้อะไรบางอย่างเข้า

เธอยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ แล้วหยิบบทละครนั้นมาดูอย่างผ่านไ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้

“ข้าเองก็เคยได้ยินมาเจ้าค่ะว่าฝีมือของเจ้าคณะท่านนี้นั้นธรรมดามาก ไม่สามารถแบกเสาของเวทีได้ และไม่ได้ยอดเยี่ยมมาก นางเองก็เป็นถึงนักแสดงหญิงที่มีเสียงอันไพเราะ โดยเฉพาะเรื่อง “หยางกุ้ยเฟยร่ำสุรา” ที่มีชื่อเสียงในเมือง”

มหาเสนาบดีหลิ่งเลิกคิ้ว “ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าแต่แรกล่ะ”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซวียอี๋เหนียงเป็นคนจัดการ ตัวข้าจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมามากเจ้าค่ะ ทำได้แค่พูดออกมากับท่านเท่านั้น”

มาหาเสนาบดีเหลิ่งจริงจังขึ้นเล็กน้อย “พอถึงเวลานั้นแล้วก็จะมีแขกข้างนอกมา พวกเราควรที่จะดูให้ดีหน่อย อย่าให้ใครมาว่าอะไรเราได้ ถ้าคณะนี้ไม่ดีก็เปลี่ยนเสียเดี๋ยวข้าจะไปบอกกับเซวียอี๋เหนียง อย่างไรเสียก็ไม่ต้องลงแรงอะไรมาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา