ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 302

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกตื่นตระหนก แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คงจะป่วยตายสิเพคะ ทำไมถึงต้องไปรบกวนจิงจ้าวอิ่นด้วยล่ะ”

“นางถูกคนเอาดาบแทงที่หน้าอกแล้วโยนลงไปในน้ำ วิธีการโหดร้ายมาก ดังนั้นข้าจึงต้องแจ้งคดีไป”

“งั้น นางเป็นใครกันเพคะ สืบชัดเจนแล้วหรือยัง”

แม่นมเตียวถืออาหารเข้ามาภายในห้อง ราวกับมู่หรงฉีไม่อยากจะพูดอะไรออกมาอีก จึงพูดออกมาว่า “จะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เจ้าประเมินความสามารถในการทำงานของจ้าวจิ่นอีสูงเกินไปแล้ว พวกเขาเองก็ต้องทำตามกระบวนการ จะแก้คดีได้ไหมนั้นก็เป็นเรื่องของฟ้าแล้ว เขาไม่ใช่คนฉลาดเหมือนหลินเฟิง”

“งั้นทำไมท่านอ๋องถึงไม่ให้เสิ่นหลินเฟิงเป็นคนสืบล่ะเพคะ”

ตัวเธอเองก็ถือโอกาสในการลองถามดู

มือของมู่หรงฉีที่กำลังม้วนแขนเสื้ออยู่ก็ชะงักไป “คดีฆ่าทหารครั้งก่อนยังคาราคาซังอยู่ หลินเฟิงเองก็ยุงมาก เรื่องเล็กแค่นี้ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนเขา”

เหลิ่งชิงฮวนก็เกรงใจที่จะถามต่อไป เธอกลัวว่ามู่หรงฉีจะสงสัยในตัวเธอ หลังจากที่มู่หรงฉีรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าเขาน่าจะไม่ได้นอนมาทั้งคืน

ในเวลาบ่าย เด็กรับใช้จากหอหงปินก็มาถึงเพื่อนำภาพเหมือนของผู้นำลัทธิอินทรีทองคำมาให้กับเหลิ่งชิงฮวน

เรื่องทักษะการวาดภาพของเจ้าของร้านนั้นไม่ต้องพูดเลย ภาพวาดแต่งแต้มไปด้วยสีสันจนทำให้รู้สกถึงอารมณ์ของคนที่อยู่ในรูป

เป็นดังที่เด็กรับใช้พูด คนคนนั้นสวมหน้ากากเผยให้เห็นเพียงคางและริมฝีปากบางของเขา มองแค่นี้ทำให้เห็นใบหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก

เขาอยู่ในชุดรัดรูปสีดำและเสื้อคลุมสีดำ มองดูแล้วเป็นคนสูงและมีรูปร่างที่ดี ในมือของเขาถือดาบเอาไว้และบนนิ้วหัวแม่มือของเขาก็สวมแหวนหยกขนาดใหญ่เอาไว้ เจ้าของร้านยังใส่ใจถึงรายละเอียดสี ที่แท้มันก็คือสีหายากอย่างสีน้ำเงินขนนกยูง

เมื่อมองดูตรงอื่นอย่างละเอียด ทั้งปิ่นปักผม รองเท้าบูท และส่วนอื่นๆก็ไม่มีส่วนไหนที่มีลักษณะพิเศษ

แต่ก็มองออกได้ว่ารายละเอียดพวกนี้ทำออกมาได้อีกมาก หากได้เห็นสักครั้ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้มากถึงขนาดนี้ เช่นลักษณะเด่นเล็กน้อยที่อยู่บนปิ่นปักผม

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเก็ยภาพวาดนั้นแล้ววางมันลงไปในกล่องเครื่องประดับ

หลังจากที่มู่หรงฉตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้อีก เหลิ่งชิงฮวนเองก็กลัวจนไม่กล้าถาม

อย่างไรเสียใครกันจะมาสนใจเรื่ององครักษ์อินทรีอย่างไม่มีสาเหตุกันล่ะ ถ้ามู่หรงฉีถามขึ้นมา เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร

มู่หรงฉีนวดขมับเบา เขายังคงไม่ได้สตินัก และไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขายุ่งเรื่องอะไรมา

เหลิ่งชิงฮวนหยิบขวดน้ำมันลมออกมาจากในแหวนแล้วเปิดฝาออก จากนั้นก็ถูกไปบริเวณขมับของเขาเพื่อให้สมองของเขาตื่น

มู่หรงฉีมองไปยังขวดแก้วขนาดเล็กที่ถูกทำอย่างประณีตในมือของเธอ และถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า “เจ้าว่านางฟ้าจากสวรรค์แต่งให้กับคนธรรมดา นางจะอยู่บนโลกมนุษย์ได้นานแค่ไหนกัน”

เหลิ่งชิงฮวนยืมแขนเสื้อของเขามาปิดเอาไว้แล้วเก็บขวดน้ำมันลมเข้าไปในแหวนอีกครั้ง “ไม่แน่หรอกเพคะ ถ้าหากว่าพ่อสามีไม่มีเหตุผล ก็เหมือนกับเทพธิดาต่งหยงและเทพธิดาเจ็ดที่อยู่ด้วยกันเพียงร้อยวัน ถ้าหากว่าแม่สามีไม่เหตุผลก็เหมือนกับหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่ได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขหลายปี และมีลูกสาวลูกชายด้วยหัน ถ้าหากว่าพี่ชายของภรรยาไร้เหตุผลงั้นก็เหมือนกับซานเซิ่งหมู่กับหลิวเยี่ยนชาง แต่ถ้าหากผู้ชายคนนั้นเป็นคนเลว...”

“ทำไม?”

“ก็เหมือนกับเรื่องนางงูขาวไป๋ซู่เจินกับสวี่เซียน”

มู่หรงฉีนวดไปที่ขมับของเขาอีกครั้ง “ไม่มีที่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไปงั้นหรือ”

“ไม่มีทางเลือกเพคะ ใครให้ผู้ชายพึ่งพาไม่ได้กันล่ะ ในช่วงเวลาที่สำคัญ ไม่สู้ให้หม่อมฉันเลี้ยงลูกตัวคนเดียวเสียดีกว่าเพคะ ดีร้ายอย่างไรหาก่ทานถูกก้อนหินทับไว้หรือต้องถูกขังในเจดีย์ยังมีคนจำไดว่าต้องไปช่วยท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา