ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 304

สรุปบท ตอนที่ 304 ไต่สวนเหลิ่งชิงหลาง: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอนที่ 304 ไต่สวนเหลิ่งชิงหลาง – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอนนี้ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย โรแมนติคทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 304 ไต่สวนเหลิ่งชิงหลาง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนลูกเขยของตนทำหน้าที่ไต่สวนลูกสาว เสนาบดีเหลิ่งรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

เขาเบือนหน้าไปหนี และซักถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “วันที่ซื่ออี๋เหนียงเกิดเรื่อง นางไปทำอะไรในลานบ้านของเจ้า อธิบายมาตามความจริง อย่าโกหก”

เหลิ่งชิงหลางใจเต้นตึกตัก และลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยอย่างฉับพลัน “ไม่ได้พบกันนาน จึงพูดคุยเรื่องเก่าๆ กันสักพักหนึ่งเพคะ”

ใบหน้าของเสนาบดีเหลิ่งขรึมลงทันที “เซวียอี๋เหนียงไปถามมาอย่างชัดเจนแล้ว เจ้ายังจะเถียงอีกหรือ หาหญิงสาวจากหอนางโลมมาปลอมตัวเป็นคนอื่น และหลอกเอาทรัพย์สินเงินทองของซื่ออี๋เหนียง แท้จริงแล้วเพราะอะไรกันแน่”

เหลิ่งชิงหลางคิดไม่ถึงว่าเซวียอี๋เหนียงจะรับมือยาก เรื่องเล็กแบบนี้ยังโดนนางขุดคุ้ยอย่างละเอียด และม้วนตัวออกมาได้

ในเมื่อหาหญิงสาวจากหอนางโลมคนนั้นเจอแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง นางเตรียมข้อแก้ต่างไว้แล้ว

“ข้าหาคนมาปลอมตัวเป็นลูกสาวที่ซื่ออี๋เหนียงให้กำเนิดก่อนที่จะเข้ามายังจวนมหาเสนาบดี ซื่ออี๋เหนียงบอกว่าอยากจะเจอนาง เพื่อจัดการเรื่องที่เก็บไว้ในใจ ข้าไม่ใจแข็งพอที่จะปฏิเสธ จึงส่งคนปลอมตัวมา ใครจะคิดว่านางจะรู้ว่าข้าหลอกลวงนาง ดังนั้นจึงมาหาข้าและถกเถียงอย่างรุนแรง หลังจากทะเลาะกันสองสามประโยคนางก็จากไป”

เสนาบดีเหลิ่งเข้าใจเรื่องราวก่อนที่ซื่ออี๋เหนียงจะเสียชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง เซวียอี๋เหนียงสารภาพเกี่ยวกับมูลเหตุที่ทั้งสองคนทะเลาะกันออกมาต่อหน้าเขาอย่างตรงไปตรงมา

“เจ้ารู้ว่าลูกสาวของซื่ออี๋เหนียงอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ”

“ตอนนั้นลูกสาวของนางคลอดออกมาก็เสียชีวิตแล้ว ท่านแม่ของข้าไม่อยากให้นางเสียใจ จึงหลอกนางโดยบอกว่าส่งไปให้ครอบครัวเกษตรกรเลี้ยงดู”

ข้อแก้ต่างสมบูรณ์แบบมาก

พอเซวียอี๋เหนียงพบว่าเรื่องที่ตนไปสอบถามมาอย่างยากลำบากโดนนางสี่ตำลึงปาดพันชั่ง โดยการเล่นละครตบตาอย่างง่ายๆ นางจึงไม่ยอมอยู่แล้ว

“พูดได้น่าฟังเสียจริงๆ พวกเจ้ารวมหัวกันหลอกเอาทรัพย์สินของซื่ออี๋เหนียงไม่ใช่หรือ”

“ซื่ออี๋เหนียงกังวลว่าลูกสาวจะใช้ชีวิตได้ไม่ดี ดังนั้นจึงยืนยันที่จะส่งทรัพย์สมบัติส่วนตัวบางส่วนไปให้เป็นของขวัญ ข้าก็แค่ทำตามสถานการณ์เท่านั้น”

พอเหลิ่งชิงฮวนซึ่งไม่พูดอะไรมาตั้งแต่ต้นได้ยินนางพูดแก้ตัว จึงถามอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “แค่นี้หรือ”

เหลิ่งชิงหลางพูดออกมาด้วยความมั่นใจว่า “พวกท่านคงจะไม่ได้ปัดความผิดเรื่องการตายของซื่ออี๋เหนียงมาให้ข้าใช่ไหม ท่านแม่ของข้ามีบุญคุณกับนาง ทุกอย่างล้วนหวังดีกับนาง นางขอบคุณพวกเรายังสายเกินไป แล้วจะขัดแย้งกับพวกเราได้อย่างไร”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “เมื่อพูดเช่นนี้ ทำไมนางถึงเกลียดเจ้าถึงขั้นอยากให้เจ้าตายด้วยเล่า”

“เหลวไหล!”

“ถ้าเช่นนั้นรอยฟกช้ำบนคอของเจ้ามาจากไหน ไม่ได้ถูกกระแทกมาใช่ไหม”

ผิวพรรณของเหลิ่งชิงหลางขาวผ่อง พอมีมลทินจึงสะดุดตาเป็นอย่างมาก สองวันมานี้นางปกปิดอย่างมิดชิดตลอดเวลา ใครจะคิดว่าสายตาของเหลิ่งชิงฮวนจะแหลมคม มองแวบเดียวก็เห็นมัน

นางไม่โต้เถียงอย่างไร้ความหมาย “ทันทีที่ซื่ออี๋เหนียงได้ยินว่าลูกสาวของตนก็คือหญิงสาวจากหอนางโลม จึงเกิดความเข้าใจผิด นางตื่นเต้นชั่วขณะ และเค้นถามความจริงๆ กับข้า ดังนั้นจึงลงมือหนักไปหน่อย”

เหลิ่งชิงฮวนไม่รีบร้อน น้ำเสียงของนางราบเรียบ “ทุกคนต่างก็รู้กันว่าซื่ออี๋เหนียงเป็นคนอารมณ์ดี นิสัยอ่อนโยน ก้มหน้าเชื่อฟังจินอี๋เหนียงและพวกเจ้าสองพี่น้องมาโดยตลอด นอกจากจะมีความแค้นฝังใจ นางคงไม่มีทางลงมือหนักแบบนี้หรอก”

เหลิ่งชิงหลางกระวนกระวายใจทันที “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าหมายความว่าอย่างไร ทุกคนรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าทำไมซื่ออี๋เหนียงถึงปล่อยวางไม่ได้ ข้ารู้ว่าเจ้ากับเซวียอี๋เหนียงสนิทสนมกัน เจ้าคงอยากจะกำจัดข้าจนแทบรอไม่ไหวเหมือนกัน แต่นำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาพูดแบบนี้ ทั้งยังเอาการตายของซื่ออี๋เหนียงมาปรักปรำข้าอย่างแข็งกร้าว มันเลวทรามเกินไปแล้ว”

“ท่านพ่อ วันนี้ท่านได้เห็นแล้วว่าตอนลูกอยู่ภายในจวนท่านอ๋อง ลูกถูกนางรังแกและถูกนางทำร้ายจนตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร ท่านพ่อต้องจัดการให้ลูกนะเพคะ”

“ท่านอ๋องฟังใครพูดจามั่วซั่วมาหรือเพคะ จือชิวเป็นเด็กรับใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันต้องฆ่านาง และทำไมต้องทำเรื่องซับซ้อนให้ยากลำบากแบบนี้ด้วย”

“มูลเหตุที่แท้จริง คงต้องถามตัวเจ้าเอง”

คำพูดของมู่หรงฉี ทำให้ทุกคนภายในเหตุการณ์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ยกเว้นเหลิ่งชิงฮวน

มู่หรงฉีบอกว่านางมีครรภ์ จึงไม่เหมาะที่จะทำงานหนักรวมถึงเปลืองความพยายามทางร่างกายและจิตใจมากเกินไป เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา จะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก

นางไม่ได้นำมาใส่ใจเลยสักนิด แต่นึกไม่ถึงว่ามู่หรงฉีจะนำมาใส่ใจ

ในเมื่อวันนี้ถือโอกาสนำเรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผยต่อหน้าเสนาบดีเหลิ่งแล้ว เขาไม่มีทางกระทำการโดยไร้จุดหมายอย่างแน่นอน เขาต้องมีหลักฐานอยู่ในมือแน่

เหลิ่งชิงหลางก็ตะลึงเช่นกัน เพราะว่าการคาดเดาของมู่หรงฉีเข้าใกล้ความจริงแล้ว นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมู่หรงฉีรู้เรื่องราวมากแค่ไหน วันนี้มีการเตรียมตัวมาใช่หรือไม่

นางไม่ยอมรับแน่นอน จึงกล่าวปฏิเสธว่า “หลายวันมานี้ชิงหลางฝึกจิตใจและปฏิบัติตนอยู่ในหมู่บ้านชนบทตลอดเวลา ไม่ออกไปไหนเลย จึงไม่ทราบเรื่องราวภายในจวนท่านอ๋องและจวนมหาเสนาบดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการฆ่าจือชิวอย่างไม่มีเหตุผล นางเป็นเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกับหม่อมฉัน ดีกว่าพี่น้องเสียอีก ไม่ทราบว่าท่านอ๋องไปฟังคำพูดให้ร้ายคนอื่นมาจากใคร ใส่ร้ายชิงหลางเช่นนี้ นางมีหลักฐานหรือเพคะ”

นี่คือการชี้ต้นหม่อนแต่ด่าต้นไหว ซึ่งหมายถึงเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนไม่พูดแก้ตัว แต่กลับยกถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย จิบเบาๆ หนึ่งคำ เพื่อทำให้ชุ่มคอ

ความรู้สึกบนใบหน้าของมู่หรงฉีเรียบเฉยเป็นอย่างมาก ไม่เห็นความรู้สึกใดๆ เลย ยิ่งความเข้าใจยากปรากฏมากขึ้น จึงทำให้คนคาดเดาไม่ได้ว่าเขามีภาพต้นไผ่อยู่ในใจ หรือว่าแกล้งทำให้คนอื่นสับสนกันแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา