เหลิ่งชิงหวนเต้นแร้งเต้นกาอย่างเดือดดาล พลางต่อว่า พลางทุบตีเตะต่อย ใช้คำพูดที่รุนแรงใส่
มู่หรงฉีที่ถูกเตะไปทั่วทั้งตัวนั้น จำใจต้องปล่อยมือ
เหลิ่งชิงฮวนหายใจหอบ รู้สึกว่าตัวเองตีโพยตีพาย เหมือนกับหญิงบ้า
มู่หรงฉีจ้องเธออย่างดุดัน เส้นเลือดปูดที่ขมับ ขบฟันกราม “ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อย่าให้ข้าหาหลักฐานได้ก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายกระดูกกระจายเถ้าถ่านเจ้าแน่นอน”
เมื่อโยนคำพูดจาแรงใส่ มู่หรงฉีก็หันหลังเดินสะบัดแขนเสื้อออกไป
ประสาท!
เหลิ่งชิงฮวนเท้าสะเอว โมโหจนจะประทุขึ้นฟ้า เตะเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างจนล้ม แต่ก็ยังขจัดความโกรธออกไปไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ในหัวมีแต่ขี้เลื่อย! คนอย่างเหลิ่งชิงหลางไม่ทำร้ายฉันก็เป็นพระคุณอย่างมาก แล้วฉันจะไปทำร้ายนางได้ยังไง? อีกอย่างจินเอ้อร์เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆของฉัน หรือว่าฉันยังสามารถร่วมมือทำเรื่องชั่วกับจินเอ้อร์?
เสี่ยวเอ้อร์ที่หลบอยู่ไกลๆ มองดูทั้งสองคนเถียงกันอย่างกลัวหัวหด หลังจากนั้น คิดไม่ถึงว่าคุณหนูท่านนี้ยังกล้าเตะต่อยเทพเจ้าแห่งสงครามอย่างฉีอ๋อง ด่าสาดเสียเทเสีย เขาหดหัวหลังเคาท์เตอร์ ไม่กล้าโผล่หน้าออกมา กลัวว่าหากไม่ระวัง อาจถูกฆ่าปิดปากเอาได้
จนกระทั่งมู่หรงฉีเดินสะบัดออกไป เขาจึงเดินตรงไปหาเหลิ่งชิงฮวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างระแวดระวัง
เหลิ่งชิงฮวนดื่มสมุนไพรจีนสามชามต่อกัน จึงฝืนใจระงับไฟโกรธไว้ หันไปถามสถานการณ์ของโรงน้ำชากับเขา
ถึงรู้ว่า จินเอ้อร์นั้นกลัวการควบคุมดูแลของจินซ่างซู ไม่ค่อยพักค้างแรมที่โรงหญิงโสเภณี จึงย้ายที่เที่ยวเล่นมาที่โรงน้ำชาของตัวเอง มักจะพาพวกกลุ่มเพื่อนที่ชอบเที่ยวผู้หญิง เล่นการพนันมามั่วสุมกันที่นี่ ไล่แขกที่มาดื่มชาออกไปจนหมด ปิดโรงน้ำชา เรียกพวกสาวๆจากหอนางโลมข้างๆมาอยู่เป็นเพื่อน สังคมที่เลวทรามป่าเถื่อน ไม่อาจทนดูได้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ธุรกิจโรงน้ำชาตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว รายรับไม่เพียงพอต่อรายจ่าย จินซื่อเองก็ไม่มีวิธีที่จะคุมหลานชายตัวเอง ก็เลยยกโรงน้ำชาให้เป็นสินเดิมแก่เหลิ่งชิงฮวน
หลายวันก่อน จินซื่อมาตรวจสอบบัญชี บังเอิญเจอกับจินเอ้อร์ที่นี่ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ก่อนที่หลินซื่อจะกลับก็ได้บอกเจ้าของร้าน ในอนาคตจินเอ้อร์ก็เป็นเจ้าของโรงน้ำชาแห่งนี้ ต่อไปให้ทำตามคำสั่งของเขาก็พอ
สำหรับเหลิ่งชิงหวน พวกนางแน่ใจแล้วว่านางจะต้องถูกไล่ออกมาจากจวนท่านอ๋อง สินสอดเดิมนี้ก็เลยถูกที่บ้านยึดกลับคืนไป ฝ่ายราชการเองก็ตัดสินเรื่องในบ้านไม่ได้
เหลิ่งชิงฮวนปวดหัวแทบจะระเบิด มีหลายเรื่องที่ตัวเองคิดตื้นเกินไป ถ้าหากว่าตัวเองออกจากจวนฉีอ๋องจริงๆ อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับโตวโตวนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกร้านค้าเหล่านี้ที่เป็นของตนเอง ถ้าหากจินซื่ออยากที่จะเอามันกลับคืนไป ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย
เธออยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออกจริงๆ หลังจากเวลาผ่านไป มีเรื่องให้ว้าวุ่นใจอยู่เรื่อยๆ ไม่มีเวลาที่ตัวเองจะได้คลายความกังวลเลย
โรงน้ำชาแห่งนี้ยังคงดำเนินกิจการต่อไปตามสภาพที่เป็นอยู่ ขาดทุนทุกวัน อยากที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิด ต้องการที่จะเปลี่ยนแผนการจัดบริการใหม่ จำเป็นต้องมีเงินทุนตั้งต้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเปลี่ยนเจ้าของกิจการในอนาคตอีกด้วย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆเลย
ตอนนี้ มีทางออกอยู่สองทาง
หนทางแรก ฉวยโอกาสที่จินซื่อยังไม่ได้ฮุบร้านค้าและทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองไป รีบขายแล้วเก็บเป็นเงินสด แล้วตัวเองก็แอบไปซื้อที่ดินอื่นไว้ทำนา
หนทางที่สอง หาขาใหญ่สักขาที่ทั้งหนาและแข็งแรง กอดเอาไว้ให้แน่น ในอนาคตแม้ตัวเองจะตกอับ ก็ยังพอมีที่พึ่ง จะได้ไม่ต้องถูกใครเขากดขี่ข่มเหง
คนที่พอหมดธุระแล้วทำเป็นไม่รู้จักคนอื่นอย่างมู่หรงฉีนั้นหวังพึ่งไม่ได้แน่นอน เสี่ยคนไหนขาดผู้ติดตามกันนะ?
มู่หรงฉีกลับมาถึงจวน ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะไปที่ไหน จิตใจสับสนวุ่นวาย อยากด่าคน ไม่ อยากฆ่าคนต่างหาก
ตั้งแต่ออกมาจากจวนท่านเคานต์ มองไปที่ประตูที่ว่างเปล่า ก็นึกขึ้นได้ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่มีรถม้า ดังนั้นจึงจูงม้า ไม่ได้ไปที่ไหน ยืนลังเลอยู่ที่ประตูจวนชั่วขณะ
ถึงแม้จะรังเกียจผู้หญิงคนนี้ แต่นับได้ว่าวันนี้นางช่วยเหลือตัวเองหนึ่งครั้ง แขกผู้ชายหลักๆที่นั่งอยู่นั้นต่างก็เป็นคนมีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมากในราชสำนัก วันนี้เหลิ่งชิงฮวนช่วยชีวิตพวกเขา ช่วยกอบกู้หน้าพวกเขา ก็เท่ากับช่วยตัวเองดึงคนเหล่านั้นมาเป็นพวกเดียวกัน
นี่ถือว่าเป็นน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ ตัวเองก็ฝืนใจทำในสิ่งที่ยากลำบาก จึงรอเธออยู่สักพักหนึ่ง
ตรงข้ามจวนท่านเคานต์มีร้านค้าที่ขายสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือโดยเฉพาะ ด้านในมีสินค้าสวยงามวางขายอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังมีกล่องใส่หนังสือที่พวกบัณฑิตถือด้วย
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าปิ่นโตไม้ไผ่ที่เหลิ่งชิงฮวนถือเมื่อสักครู่นี้ และสายตาประหลาดของผู้คนที่พากันมุงดู ทำให้คนจวนฉีอ๋องอับอายเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าพระชายาผู้สง่างามแม้แต่กล่องยาที่ดูดีก็ยังไม่มี กลับใช้ปิ่นโตราคาถูกใส่ยา
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เขาก็ผูกม้า แล้วเดินเข้าไปในร้าน มองแวบเดียวก็ถูกใจกับกล่องไม้เรียบหรู ข้างในยังมีช่องลับสําหรับเก็บของ มีน้ำหนักเบา
เนื้อไม้เหล่านั้นค่อนข้างดี อย่างเช่นไม้จันทน์แดงอย่างดี แม้ว่ากล่องหนังสือที่ทำมาจากไม้จันทน์หอมจะโด่งดังและล้ำค่า แต่มีน้ำหนักเยอะ ถือแล้วเปลืองแรงอย่างมาก ข้อมือเล็กๆบางๆของเธอ ที่ดูเหมือนแค่งอเบาๆก็สามารถหักได้ จะมีแรงได้ยังไง
ประจวบพอดีกับเวลานี้ ที่ด้่านนอกประตูห้องหนังสือมีเสียงเครื่องประดับหยกกระทบ เหลิ่งชิงหลางถามองค์รักษ์ที่ประตูอย่างเสียงหยาดเยิ้ม “ท่านอ๋องทรงพักผ่อนอยู่เหรอ”
เมื่อมองดูท้องฟ้าด้านนอก ก็สายมากแล้ว มู่หรงฉีตอบเสียงหนักแน่น “เข้ามา!”
ประตูห้องหนังสือถูกผลักเปิดออก เหลิ่งชิงหล่างในชุดสีขาวพริ้ว ผมยาวเกือบถึงเอว ถือปิ่นโตเดินเข้ามาอย่างอรชรอ้อนแอ้น กลิ่นหอมของดอกไม้กลบกลิ่นของหมึกในห้องหนังสือทันที
“หม่อมฉันได้ยินว่าท่านอ๋องเสด็จกลับจวนแล้ว ก็ไม่วางใจ เลยแวะมาเยี่ยมเพคะ ร่างกายของท่านดีขึ้นแล้วหรือ?”
มู่หรงฉีพยักหน้า “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“หม่อมฉันเข้าครัวทำกับแกล้มหลายอย่าง แล้วทำซุปมาให้ท่านด้วย มาดื่มเป็นเพื่อนท่านอ๋อง”
มู่หรงฉีรีบจัดการกับความคิดที่วุ่นวายและลุกขึ้นยืน “บาดแผลของเจ้าเพิ่งจะหายดี เรื่องพวกนี้สั่งให้พวกบ่าวใช้ทำก็ได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องลงแรงทำเองเลย”
เหลิ่งชิงหลางเก็บกวาดเศษกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะหนังสือ ก็หยุดทำ เอียงคอชำเลืองมอง จากนั้นก็เงยหน้ายิ้มหวานให้เขา “ท่านอ๋องทรงชอบดอกจื่อเถิงมากเลยเหรอเพคะ?”
บนกระดาษนั้น คือภาพวาดสีหมึก ช่อดอกจื่อเถิงปกคลุมเป็นร่มเงาสลัว พวงของดอกจื่อเถิงห้อยลงมาเป็นชั้นเหมือนพวงกระดิ่งลม ดอกไม้ใบหญ้าที่สวยงามปราณีตเหมือนดังเดิม เป็นเพราะปลายพู่กันที่เฉียบขาดของเขา ทำให้บรรยากาศดูเปลี่ยนไปอีกทั้งยังเป็นอิสระ
มู่หรงฉีมองใบหน้าของเธออย่างแวววาว “หรือว่า เจ้าไม่ชอบ?”
เหลิ่งชิงหลางจัดรวมไว้ข้างๆอย่างไม่ลวกๆ หยิบกับแกล้มสองสามอย่างและจอกเหล้าออกมาจากปิ่นโต “ขอเพียงท่านอ๋องชอบ ชิงหลางก็ชอบด้วยเช่นกัน”
นัยต์ตาของมู่หรงฉีค่อยๆเปลี่ยนเป็นดำสนิทลุ่มลึก ดึงมือของนางมาไว้ที่ฝ่ามือของตนเอง “แต่ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินแบบขอไปทีนะ”
เหลิ่งชิงหล่างพริ้วไหลเหมือนน้ำ เอนเข้าไปซบเขา “ท่านอ๋องชอบดอกจื่อเถิง จึงให้หม่อมฉันเรือนจื่อเถิง เห็นได้ชัดแจ่มแจ้งว่าท่านนั้นโปรดปรานหม่อมฉันเป็นที่สุด หม่อมฉันดีใจเป็นที่สุดเลยเพคะ”
“งั้นเจ้าก็รู้สินะ ว่าเหตุใดข้าถึงให้เจ้าเข้าไปอยู่ที่เรือนจื่อเถิง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...