ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 389

ระเบิดฟ้าคำรณและสายฟ้าฟาดนั้นไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ แต่ในยุคราชวงศ์ซ่งเหนือนั้นได้มีการนำไปใช้ในสงครามแล้ว ทว่าได้รับผลกระทบจากกําลังการผลิตและเทคนิคการหลอมรูปในตอนนั้น รวมไปถึงเหตุปัจจัยในการวางแผนและกำหนดวิธีการของราชสำนัก จึงได้ยับยั้งการพัฒนาของมัน

เหลิ่งชิงฮวนก็เคยได้เห็นพลังของระเบิดฟ้าคำรณโบราณกับตาของตัวเอง รองแม่ทัพอวี๋ก็สามารถหนีรอดจากความตายในระยะประชิดได้ แสดงให้เห็นถึงพลังที่ไม่ได้รุนแรงเท่านี้

ไม่คิดเลยว่ามั่วเป่ยจะมีช่างฝีมือที่สามารถประดิษฐ์อาวุธที่มีอานุภาพทําลายล้างเช่นนี้ สําหรับประเทศที่ต้องการทำสงครามและการปล้นสะดมเพื่อขยายอาณาเขตและทรัพยากร จะต้องขยายฐานกำลังการผลิต และนำมันไปใช้ในสงครามในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน

เมื่อทุกคนมารวมตัวกันแล้ว องค์ชายอันต๋าที่ยังคงตกใจกลัว เวลาที่ทั้งสองถามไถ่กัน เหลิ่งชิงฮวนก็ใช้แสงจากไฟ ส่องหาร่องรอยที่หลงเหลือจากการระเบิดบนพื้น

นอกจากพวกเศษเลือดเนื้อแล้ว ก็ยังเจอเศษซากเหล็กด้วย

เหลิ่งชิงฮวนอยากที่จะคุกเข่าลงไปดูอย่างละเอียด ไต้เท้าหลู่ที่อยู่ข้างองค์ชายอันต๋าก็เดินมาข้างหน้า ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ “ที่นี่มีแต่คาวเลือดสิ่งสกปรก อย่าทำให้พระชายาหวาดกลัวเลย”

องค์ชายอันต๋ารอดชีวิตจากความตายมา ในฐานะผู้ดูแลเขา ยังมีเวลาว่างมาสนใจว่าจะทำให้คนอื่นตกใจกลัวหรือเปล่าอีก?

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอ่อนๆ ในใจนั้นรู้อย่างแจ่มแจ้งแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าไต้เท้าหลู่นั้นตั้งใจที่จะขวางตัวเองในการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด

เขาร้อนตัวแล้ว

หากองค์ชายอันต๋าใช้ระเบิดฟ้าคำรณธรรมดาจริงๆละก็ เขาก็คงไม่กังวลถึงขนาดนี้? ขนาดข้ออ้างที่จะมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองก็ยังไม่ได้คิดมาอย่างดี ท่ามกลางความตื่นตระหนก ถึงได้พูดจามีช่องโหว่แบบนี้

“ขอบคุณไต้เท้าหลู่ที่เป็นห่วง ข้าเองก็ไม่ใช่คนบอบบางอ่อนแอขนาดนั้น”

ไต้เท้าหลู่มองไกลออกไป “เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้องค์ชายอันต๋าของข้าน้อยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ยังต้องรบกวนพระชายาฉีช่วยไปตรวจดูหน่อยว่าเป็นอะไรมากหรือไม่”

ระดับเชาวน์เริ่มกลับคืนมา ข้ออ้างนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

เหลิ่งชิงฮวนมององค์ชายอันต๋าที่เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม ไม่น่าแปลกใจที่เขาเต็มใจที่จะเสี่ยงภัยเพื่อเป็นวีรบุรุษ ที่แท้ก็ไม่กลัวเพราะมีระเบิดพกติดตัวไปนี่เอง ต่อให้เสือโคร่งสองตัวจู่โจมเข้ามา ความตกใจกลัวก็สามารถทำเสือตกใจกลัวจนฉี่ราดได้

แต่จิ่นอวี๋ที่อยู่ข้างเขานั้น รอดตายมาได้สองครั้ง กลับไม่มีอาการตื่นตระหนกตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่อยู่ข้างองค์ชายอันต๋า ไม่พูดอะไรสักคำ ในเวลาปกติร้องไห้อย่างดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ขอให้มู่หรงฉีปลอบแล้ว

หรือว่าเปลี่ยนกลยุทธวิธีงั้นเหรอ เลิกเดินสายอ่อนปวกเปียก อย่างไรเสียไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจหรอก

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่ พูดกับไต้เท้าหลู่อย่างไม่มีทางเลือก “ที่นี่ไม่มียารักษา ทำได้เพียงออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ไม่ควรอยู่ที่นี่เป็นเวลานานจริง กลุ่มคนเริ่มอพยพออกไป

เหลิ่งชิงฮวนฉวยโอกาสที่ไต้เท้าหลู่ไม่ได้สนใจ ที่ชายกระโปรงตรงปลายเท้าเตะชิ้นส่วนเศษเหล็กให้มู่หรงฉี เมื่อมู่หรงฉีเห็นก็เข้าใจได้ในทันที เก็บเศษเหล็กไว้ในมือ ไม่ได้จริงจังอะไร เดินตามคนอื่นออกจากค่ายพยัคฆ์สิงห์ไป

น่ากลัวแต่ก็ไม่มีภัยอันตรายอะไร แต่ก็แยกกันอย่างไม่มีความสุข

ออกจากค่ายพยัคฆ์สิงห์ เหลิ่งชิงฮวนตรวจอาการองค์ชายอันต๋า ทว่าที่ไหล่มีแผลรอยถลอก ไม่เป็นอะไรมาก หยิบขวดยาม่วงออกมาจากกล่องอาหาร แล้วส่งให้ไต้เท้าหลู่

ไต้เท้าหลู่ไม่ได้ถามอะไร หยิบแล้วหันกลับไปใส่ยาให้องค์ชายอันต๋า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา