ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 393

เหลิ่งชิงฮวนทานอาหารกลางวันกับโฉวซือเส่า เมื่อกลับมาถึงจวนฉีอ๋อง รอจนฟ้ามืด มู่หรงฉีก็กลับมาจากค่ายทหาร

เธอรีบบอกเรื่องที่ตัวเองสงสัยกับมู่หรงฉี แต่ไม่ได้พูโถึงเรื่องสำนักแม่ชีหนานซานเลยแม้แต่คำเดียว

มู่หรงฉีตอบอย่างเรียบเฉย “เรื่องนี้ข้าสงสัยมานานแล้ว แอบสืบหาเบาะแสมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้ปล่อยข่าวออกไป เพื่อไม่ให้เจ้าสำนักคนนั้นระมัดระวังตัว มีการเตรียมป้องกัน”

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับค่ายทหารหรือในวังหลวง แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่าง เวลาที่มู่หรงฉีคุยเล่นกับเธอ ไม่เลี่ยงใช้คำเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เรื่องเกี่ยวกับองค์รักษ์อินทรีเท่านั้น ที่ไม่รู้ว่าทำไมทำให้เหลิ่งชิงฮวนมีความรู้สึกว่ามู่หรงฉีนั้นไม่แย้มพรายความลับกับตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยเป็นฝ่ายกล่าวถึง

รวมไปถึงครั้งนี้ด้วย โฉวซือเส่าเป็นกังวลว่าองค์รักษ์อินทรีจะตามมาล้างแค้นตนเอง จึงเตือนด้วยความหวังดี ทำไมเขาถึงไม่เอ่ยถึงเลยนะ?

เหลิ่งชิงฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกไป “รู้สึกว่า จะเกี่ยวข้องกับองค์รักษ์อินทรี ท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่หรือเปล่าเพคะ?”

มู่หรงฉีอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “ไม่ต้องคิดมาก ข้าเองก็สงสััย เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐาน ไม่สามารถพูดพล่อยๆได้ สุดท้ายแล้ว เรื่องใหญ่สำคัญ สามารถมีโทษตายทั้งตระกูลได้ รอจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเปิดเผยออกมาถี่ถ้วน ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง”

มู่หรงฉีมีคนที่สงสัยแล้วงั้นเหรอ?

เป็นใครกัน ที่ทำให้เขาห่วงหน้าพะวงหลังอย่างนี้? แค่จับคนนั้นมาสอบสวน ไต่สวนเพียงไม่กี่คำก็ปรากฎไม่ใช่หรือไง?

มู่หรงฉีไม่อยากที่จะพูดถึง เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้ซักไซร้ถามต่อ สําหรับวิธีการอยู่ร่วมกันระหว่างคนทั้งสอง เธอยึดมั่นในหลักการหนึ่งเสมอว่าต้องเว้นพื้นที่ว่างให้กันและกันและไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

ทั้งสองพูดถึงเรื่องของเหลิ่งชิงเฮ่อและฉู่รั่วซี มู่หรงฉีพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับลูกเล่นกลั่นแกล้งของเหลิ่งชิงฮวน โน้มน้าวนางให้พอเหมาะพอดี เพื่อไม่ให้มีปัญหาแทรกขึ้นมาอีก

เหลิ่งชิงฮวนไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว เธอมั่นใจว่าด้วยอารมณ์ของฉู่รั่วซี ไม่มีทางยอมยุติเรื่องราว นางยิ่งไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านโลกภายนอก ที่ประสบความพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อยก็จะเป็นจะตาย

แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดเลยก็คือ เรื่องต่างๆจะเกิดขึ้นแทรกขึ้นมา

ในฐานะที่เหลิ่งชิงเฮ่อเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในวังหลวง คนจับจ้องอยู่ไม่น้อย คิดอยากที่จะดองเป็นญาติกับเสนาบดีเหลิ่ง ครอบครัวที่จะให้แต่งงานกันก็มีไม่น้อย

เหลิ่งชิงฮวนพูดว่าต้องการที่จะให้เหลิ่งชิงเฮ่อแต่งกับเครือญาติ ก็เพื่อที่จะวางมาดใหญ่โตข่มขู่ตระกูลฉู่ ใครจะไปรู้ ว่าจะมีข่าวลือปล่อยออกไปจริงๆ ในราชสำนัก ก็มีคนจับจ้องอยู่แล้ว

คนๆนี้กับเสนาบดีเหลิ่งนั้นมีเพียงมิตรภาพเพื่อนเก่าสมัยเรียน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งขุนนางเจิ้งขั้นสาม เพราะไม่มีหน้าที่ คอยแต่ประจบเสนาบดีเหลิ่งอยู่ตลอด ย้ายท่ีอยู่ก็ดี

ที่บ้านของเขาก็มีบุตรที่รักใคร่โปรดปราน รูปโฉมงดงามสะโอดสะอง ได้รับการเลี้ยงดูอบรมมารยาทมีการศึกษา ไม่ยอมให้นางแต่งงาน เลือกแล้วเลือกอีกก็หาตระกูลที่เหมาะสมไม่ได้ ทำให้ล่าช้าไปแล้ว

เขาเองก็ไม่รู้ว่าข่าวลือไปได้ยินมาจากไหน จึงรีบหาข้ออ้างเชิญเสนาบดีเหลิ่งมาดื่มเหล้าที่จวน จากนั้นก็หาโอกาส ให้เสนาบดีเหลิ่งเจอกับลูกสาวของตัวเอง

เสนาบดีเหลิ่งมองดู สาวน้อยคนนี้อ่อนหวานนุ่มนวล งามจนแม้แต่ปลายังลืมว่ายน้ำ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยดี ยังดีกว่าสาวน้อยน่าเป็นห่วงที่จวนตัวเองไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่า มองปราดเดียวก็ถูกใจแล้ว

ทั้งสองเพิ่งดื่มเหล้ากันเสร็จ สาวน้อยที่อยู่ด้านข้างถือการ้อน ทำงานคล่องแคล่วว่องไว ทั้งยังละเอียดอ่อน ไต้เท้าท่านนี้ชมสาวน้อยของตัวเองน้ำไหลไฟดับ สาวน้อยทั้งอายทั้งดีใจ ใบหน้าแดงระเรื่อ แต่งเติมสีสันความงาม

อย่างไรเสียเสนาบดีเหลิ่งยิ่งมองก็ยิ่งถูกใจ แม้ว่าชาติตระกูลจะต่ำกว่า แต่ก็เป็นคนดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา