ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 412

จิ่นอวี๋นอนอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบเป็นเวลานานจนกระทั่งร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว ก่อนจะพยายามลุกขึ้นมา แล้วหยิบเสื้อนวมที่ขาดรุ่งริ่งมาสวม ขดตัวอยู่ตรงประตูที่กำบังลมเอาไว้ ขบฟันแน่น พยายามข่มความกลัวและความคับแค้นในใจของตน

แสงอรุณยามเช้าของวันถัดไปสาดส่องมาเล็กน้อย นางลุกยืนขึ้นมาด้วยความยากลำบาก พิงไม้ ใช้ดินโคลนป้ายหน้าแล้วเดินหลังค่อมเหมือนพวกขอทานที่งอตัวด้วยความหิวโหยทั้งหลายในเมืองแห่งนี้ เดินตามท้องถนนอย่างเที่ยงตรงโปร่งใส ตรงไปทางประตูเมือง

ระหว่างทาง นางเจอกับขอทานที่ทำให้นางมีมลทิน ผมเผ้ารุงรัง ห่อหุ้มด้วยขนสุนัขจิ้งจอกและเสื้อคลุมยาวราคาแพงกำลังถูกกลุ่มทหารแห่งมั่วเป่ยคุมตัวไปยังศาลาพักม้า

นางซ่อนตัวอยู่หลังฝูงชน เห็นคนผู้นั้น ใบหน้าค่าตาสกปรกจนมองมิเห็นผิวเดิมแล้ว หนวดเครารุงรังเป็นสังกะตัง และยังสูดน้ำมูกยาวๆ สองครั้ง ทำท่าทางต่างๆ กับทหารที่คุมตัวตนเอง อธิบายที่มาของเสื้อผ้าบนร่างกายอย่างไร้กำลัง

“นังผู้หญิงตัวหอมนั่น ผิวของของนางลื่นมือ ทั้งหอมทั้งนุ่ม มิต้องพูดถึงเลยว่ามันสนุกแค่ไหน...”

จิ่นอวี๋พยายามซ่อนตัวของตนอย่างสุดกำลัง รู้สึกเสียใจในภายหลังที่เห็นภาพนี้ ชายผู้นี้จะเป็นฝันร้ายของนางไปชั่วนิรันดร์ หน้าตาท่าทางสกปรกโสมมที่สุดจะทนนั่น จะตราตรึงอยู่ในสมองของตนตลอดไป

ถ้าหากมิเห็นมัน ฝันร้ายนี้ก็คงมิสมจริงและสุดที่จะทนได้

จนกระทั่งวินาทีนี้ นางยังคงกังวลใจว่าเรื่องนี้จะแพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวงและเข้าไปถึงหูของมู่หรงฉีหรือไม่

นางออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆ สิ้นเนื้อประดาตัวและหิวกระหาย เดินทางไปอย่างยากลำบากทั้งวัน รู้สึกว่าตนกำลังจะตายด้วยความเหน็ดเหนื่อย เมืองหลวงก็ยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อม เหมือนกับมิมีทางไปถึง

บางทีตนอาจจะล้มพับไปข้างทางเมื่อไหร่ก็ได้ มิตื่นขึ้นมาอีกตลอดไป และถูกคนโยนลงไปในสุนัขกิน

นางหยุดขบวนรถที่กลับมาจากไปส่งลูกดอกมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง

ชายชาตรีผู้เป็นหัวหน้าอยู่บนหลังม้า แสดงแส้ม้าในมือให้นางเห็น

“ใคร? บังอาจมาหยุดรถสำนักคุ้มภัยเปียเก๊กของเรา!”

จิ่นอวี๋เช็ดโคลนบนใบหน้าของนางออก พยายามยกยิ้มมุมปากและเผยอกขาวที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าอยากไปเมืองหลวง ขอร่วมขบวนของเจ้าไปด้วยได้หรือไม่”

ชายชาตรีเหล่านั้นจ้องมองไปที่คออันสวยงามของนาง รับรู้ได้ว่าภายใต้เสื้อผ้าที่สกปรกขาดรุ่งริ่งนั่น จะต้องมีของสวยๆ งามๆ อย่างแน่นอน และแล้วลูกแกะตัวอ้วนก็กระโดดเข้าไปในกับดัก

ชายชาตรีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะโบกมือ “ขึ้นรถ!”

จิ่นอวี๋ตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปบนรถม้า

ณ จวนอ๋องฉี

เหลิ่งชิงหลางนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงมาหลายวันแล้ว โชคดีที่ปกป้องทารกในครรภ์ไว้ได้ นางจึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ปกติแล้วมิเคยออกนอกบ้านไปไหน พักอยู่ที่เรือนจื่อเถิงเพื่อพักผ่อนอย่างสบายใจ หากมีเรื่องอันใด ก็จะส่งแม่จ้าวและคนรับใช้ใกล้ตัวไปธุระแทน

เรื่องของเหลิ่งชิงเฮ่อและตระกูลฉู่ นางก็รู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงข่าวลือ นางยังคงมิเชื่อเล็กน้อย จึงส่งแม่จ้าวกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อถามว่าเกิดอันใดขึ้นด้วยตนเอง

แม่จ้าวกลับไปถามหาความเป็นมาเป็นไปที่ชัดเจนจากคนรับใช้ที่คุ้นเคย ก่อนจะกลับไปที่จวนอ๋องฉี และระหว่างทางก็ถูกใครบางคนหยุดเอาไว้

ผู้มาเยือนในชุดคลุมสีดำผ้าเนื้อหยาบปิดบังศีรษะและปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง มองหน้าตามิออกว่าเป็นผู้ใด เพียงแต่ว่ารูปร่างที่ผอมเพรียวนั่นทำให้เห็นได้ชัดว่านางเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง

นางโบกมือไปทางแม่จ้าว และเอ่ยปากเรียก “แม่จ้าว” เพื่อเป็นสัญญานให้นางเดินไปข้างหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา