ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 413

ตอนนี้จิ่นอวี๋อาศัยอยู่ในบ้านของผู้คุ้มภัยผู้นั้น และกลายเป็นนางบำเรอของเขา

ผู้คุ้มภัยเองก็เป็นชายโสดเช่นกัน กินอิ่มเพียงคนเดียว ทั้งครอบครัวมิต้องหิว เมื่อมองไปที่ความงามโดยธรรมชาติของจิ่นอวี๋ ก็คิดว่าวาสนาความรักของตนมาแล้ว

จิ่นอวี๋บอกเขาว่าตนหนีงานแต่งงานมา เพราะคู่แต่งงานใหม่เป็นคนโรคจิต มักจะทรมานตนด้วยวิธีต่างๆ ในทุกๆ วัน บ้านของนางอยู่ในเมืองหลวง แต่ในเวลานี้ นางมิกล้ากลับไป เพราะกลัวว่าแม่เลี้ยงผู้โลภมากจะส่งตนกลับไปหาชายโรคจิตผู้นั้นอีก

ดังนั้นจึงกลายเป็นคนไร้บ้าน

ผู้คุ้มภัยออกท่องยุทธจักรมาเป็นเวลานานแล้ว มีความระมัดระวังตัวสูงเช่นกัน แต่ก็มิสามารถผ่านสาวงามไปได้ จึงเลี้ยงดูนางที่บ้าน ทั้งสองก็เหมือนคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง

ดวงตาของจิ่นอวี๋ค่อยๆ ฟื้นตัวเป็นปกติ ผู้คุ้มภัยผู้นี้เป็นหนังหน้าไฟกลายเป็นหนูทดลองแรกในคาถาคุมจิตของนาง

ใช้คาถาคุมจิตผู้คุ้มภัยให้เชื่อคำพูดและปฏิบัติตาม มิต่างอันใดกับหลานชายที่บูชานางเหมือนบรรพบุรุษตลอดวันอย่าสุดจิตสุดใจ

ชีวิตที่ยากจนและโสมมนี้ มิใช่ว่าจิ่นอวี๋จะสามารถอยู่รอดได้ นางนอนมิหลับทั้งวันทั้งคืน คิดการวางแผนอย่างลับๆ ให้ไร้ข้อผิดพลาด

เหลิ่งชิงหลางเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญในการเข้าใกล้เหลิ่งชิงฮวนกับมู่หรงฉี หากอยากจะกำจัดเหลิ่งชิงฮวน จะขาดความช่วยเหลือจากนางมิได้

แต่ทว่าผ่านไปหลายวัน เหลิ่งชิงหลางก็มิได้เคลื่อนไหวใดๆ ดูเหมือนว่าจะใจเย็นเป็นอย่างมาก

จิ่นอวี๋คิดว่านางควรจะบีบบังคับเหลิ่งชิงหลาง มิให้นางข่มขู่ นางคงจะลืมฝีมือของตนไปแล้วจริงๆ

สีหน้าร้ายของนางคิดว่าจะต้องเอาสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมดเปิดเผยเรื่องของฟังผิ่นจือให้เหลิ่งชิงฮวนได้รับรู้ มีเพียงเหลิ่งชิงหลางเท่านั้นที่รู้ว่าเหลิ่งชิงฮวนข่มขู่นางได้ และเพื่อความอยู่รอด นางจะต้องร่วมมือกับตน

ณ จวนอ๋องฉี

มู่หรงฉีในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้นมิค่อยดีนัก

ฝันร้ายนั้นเริ่มต้นเมื่อเขากลับมาที่จวนพร้อมกับกระบองหนามโดยมีสายตาประชาชนจับจ้อง

เดิมทีเขารู้สึกว่าตนเชื่อฟังคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนเป็นอย่างดี กระบองหนามอันนี้เป็นเพียงแค่ของประดับเท่านั้น เป็นไปมิได้ที่แผนร้ายของชายชราผู้เป็นฮ่องเต้จะประสบผลสำเร็จ

ทว่าเหลิ่งชิงฮวนกลับแขวนมันไว้ที่ปลายเตียง ใช้มันป้องกันตัวอย่างเอาจริงเอาจัง

คนโง่เขลาย่อมรู้ว่า การป้องกันตัวบนตียง หรือจะป้องกันผู้ใด การใช้อาวุธที่โหดเหี้ยมเช่นนี้รับมือกับสามีของตน หากมิใช่การฆาตกรรมสามีตัวเองแล้วเรียกว่าอันใดกัน?

ค่ำคืนอันงียบเหงาและยาวนานเหลือทน มู่หรงฉีครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะกำจัดมันเยี่ยงไรดี ถึงจะได้ขึ้นไปครองเตียงและทำอันใดก็ได้ตามที่ต้องการอีกครั้ง เอาแต่มองไปที่ไม้ที่เต็มไปด้วยเหล็กแหลม ในสมองก็ต่างอดครุ่นคิดมิได้

วันนี้งานราชการค่อนข้างยุ่ง

เหลิ่งชิงฮวนกำลังพลิกหน้าตำราบนชั้นตำราไปมาอย่างเบื่อหน่าย

มู่หรงฉีตอบกลับจดหมายพลางหันไปมองภรรยาของตนอย่างอดมิได้ จึงรีบเขียนและยุ่งวุ่นวายกับการจัดการเรื่องเหล่านั้นให้เสร็จ กลับไปตำหนักฉาวเทียนกับนางจะเป็นการดีที่สุด

ทหารอารักขาเคาะประตูจากด้านนอก หลังจากได้รับอนุญาตแล้วจึงเข้ามา สองมือยื่นจดหมายให้ด้วยความเคารพนอบน้อม

“ตอนที่อยู่หน้าประตูจวนเมื่อครู่นี้ มีเด็กคนหนึ่งยืนจดหมายฉบับนี้ให้ข้าน้อย บอกว่าส่งให้พระชายาขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น และสงสัยเล็กน้อย “ให้ข้ารึ? ใครกัน?”

ทหารอารักขาส่ายหน้า “มีแค่เด็กคนหนึ่งที่โยนจดหมายมาให้เราแล้ววิ่งหนีไปขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนรับมันมาถือไว้ในมือ เปิดซองจดหมาย แล้วหยิบกระดาษจดหมายออกมา เมื่อเปิดอ่าน คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย

“เป็นอันใดไป?”

เหลิ่งชิงฮวนยื่นกระดาษจดหมายให้มู่หรงฉีและมิได้เอ่ยวาจาใดๆ

มู่หรงฉีชำเลืองมองอย่างมิได้สนใจใยดีนัก มองดูตัวอักษรยึกยือมิกี่ตัวอักษรบนกระดาษจดหมาย : แม่นางเสี่ยวจือแห่งจวนสกุลจินเป็นชายปลอมตัวมา

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ชัดเจนว่ามีผู้รู้ความจริงเผยข้อมูลนี้ให้ตนรู้ เพียงแต่ว่า นางมิรู้หรือว่าผู้ที่เรียกว่าแม่นางเสี่ยวจือตายแล้ว?

จริงๆ แล้วในใจของมู่หรงฉีรู้สึกมิพอใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้ว พวกผู้ชายที่ไหนชอบถูกสวมเขากัน? ความจริงทำให้เขารู้สึกรังเกียจ ในใจโกรธเหมือนมีไฟสุม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา