ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 417

ทั้งสามค่อยๆ เดินวนไปรอบๆ แต่ก็มิพบเบาะแสอันมีค่าแต่อย่างไร จึงทำได้เพียงเดินออกมาจากสำนักแม่ชีและกลับไปยังทางเดิมที่เดินจากมา

หลังจากผ่านความวุ่นวายนี้ อารมณ์ของเหลิ่งชิงฮวนกลับมาสงบลงเล็กน้อย มิได้โมโหโวยวายอันใดอีก

เมื่อรอจนรถม้าเข้ามา โฉวซือเส่าเอ่ยถาม “อยากให้ข้าพาเจ้ากลับไปส่งที่จวนหรือไม่ ดูท่าเจ้าจะเหนื่อยจนแทบมิไหวแล้ว”

แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องอุ้มท้องอยู่ แต่หากจะให้มู่หรงฉีรู้ว่าตนมีความสัมพันธ์ลับๆ คอยเทียวไปเทียวมาอยู่กับโฉวซือเส่า มีหวังได้โกรธจนโดนจับต้มเป็นแน่

มีเรื่องน้อยก็ทุกข์ใจน้อยแหละหนา นางจึงทำได้เพียงบังคับตนเองให้หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง “มิเป็นไร ประเดี๋ยวข้ากลับเอง”

นางเลิกม่านรถม้าขึ้น ถอดเสื้อคลุมทิ้งไป ก่อนจะปัดฝุ่นจัดรอยยับบนเสื้อผ้า นางรู้สึกฉงนเล็กน้อย

“ในเส้นทางนี้ ข้าก็คิดตลอดนะว่าเหตุใดที่ทุกคราที่ข้าเคลื่อนไหว องครักษ์อินทรีถึงมักจะก้าวเร็วกว่าข้าหนึ่งก้าวเสมอกันเล่า คราก่อนที่ฮ่องเต้รับสั่งให้จับกุมเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ปรากฏว่าก็ถูกองครักษ์อินทรีชิงตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าหน้าที่เหล่านั้นมิตายก็หนีรอดไปได้ ได้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม พอมาครานี้ ก็จับได้เพียงความว่างเปล่า”

โฉวซือเส่าพูดอย่างลอยๆ ว่า “คราที่หนึ่ง หรือคราที่สอง อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หากแต่บังเอิญมากๆ เข้า นั่นก็แปลว่ามีไส้ศึกอยู่รอบกายของพวกเจ้า”

“ไส้ศึกงั้นรึ?” เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“องครักษ์อินทรีอาจจะจัดหน่วยสอดแนมเอาไว้อยู่รอบกายพวกเจ้า การเคลื่อนไหวของพวกเจ้าจึงถูกพวกมันควบคุมอยู่ในกำมือ ฉะนั้นในทุกคราจึงเร็วกว่าพวกเจ้าหนึ่งก้าวเสมออย่างไรเล่า”

“แต่เรื่องนี้น่ะเป็นความลับและสำคัญ นอกจากมู่หรงฉีและเสิ่นหลินเฟิงแล้ว ข้าก็มิเคยบอกใคร”

โฉวซือเส่าหัวเราะ “ฮิๆ ” “เจ้ามิเคยสงสัยเลยรึว่า อาจจะเป็นไปได้ที่มู่หรงฉีคือเจ้าสำนักอินทรีทองน่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนกระพริบตาปริบๆ “ยอมรับเลยว่าจินตนาการของท่านช่างล้ำเลิศยิ่งนัก ขายชาติบ้านเมืองของตนเอง แลกเปลี่ยนชาวหนานจ้าวเป็นเงิน เขาสมองนิ่มไปแล้วหรือ?”

“เจ้าคิดดูสิ การจับจุดอ่อนของพวกคนเหล่านี้ไว้ได้นั้น เขาจะสามารถบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้เชื่อฟังคำสั่งเขา และช่วยเขาแย่งชิงบัลลังก์มาได้ ส่วนการร่วมมือกับชาวหนานจ้าวนั้น ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่อธิบายได้ดีว่า มิใช่เพียงแค่จัดหน่วยสอดแนมหนานจ้าวไว้สองสามคน อย่างแย่ก็ส่งคนไปจับตาดูให้ไส้ศึกพวกนั้นมิสามารถทำอันใดได้ แม้ว่าจะเกิดสงครามขึ้น หากจัดการที่คนพวกนี้ก่อน ก็จะมิมีอันตรายแอบแฝงใดๆ”

ยอมรับเลยว่าการคาดเดาของโฉวซือเส่านั้นดูสมเหตุสมผลมาก มิเช่นนั้น เหตุใดมู่หรงฉีจึงต้องเก็บงำความลับขององครักษ์อินทรีเอาไว้กันเล่า?

นางส่ายหน้าไปมา “เมื่อคราวที่ใต้เท้าเว่ยแห่งกรมข้าราชการพลเรือนถูกทำร้าย มู่หรงฉีมิได้อยู่ที่เมืองหลวง แม้ว่าข่าวที่ฮ่องเต้รับสั่งให้กำจัดองครักษ์อินทรีในครานั้นจะรั่วไหลออกมาเสียก่อน เขาอยู่ไกลถึงติ้งโจวก็ออกจะไกลเกินเอื้อม เช่นนั้นคงมิใช่เขาเป็นแน่”

“เช่นนั้นก็คงจะเป็นเสิ่นหลินเฟิง จะมีคนสักกี่คนที่อยู่รอบๆ กายเจ้า”

“จวนกั๋วกงนั้นบริสุทธิ์และเที่ยงตรง ความคิดเดียวของเสิ่นหลินเฟิงคือการไขคดี ข้ายังเชื่อในคุณสมบัติประจำตัวของเขาว่ามิใช่คนที่เห็นแก่เงินเยี่ยงนี้”

โฉวซือเส่าครางฮึเบาๆ “รู้หน้ามิรู้ใจ เรื่องเยี่ยงนี้มันมิแน่มินอนเสมอไปเสียหน่อย เจ้าเองก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วย มิสำคัญหรอกว่าข้าจะได้เงินหรือไม่ แต่เจ้าอย่าขายให้ใครเข้าสักวันก็แล้วกัน ถึงครานั้นน้ำตาจะตอนข้าเอาได้”

“เรื่องนี้ข้าจะลองเอากลับไปคิดรวบยอดกับเสิ่นหลินเฟิง โดยเฉพาะกับเรื่องเมื่อคราก่อน ความลับนี้ถูกหารือกันภายในห้องตำราของฮ่องเต้ หากมีข่าวรั่วไหลออกไป ก็แปลว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติกับเขาเป็นแน่ ท่านรีบไปเถิด ข้ากลับล่ะ”

โฉวซือเส่าเหลือบมองไปที่ท้องของนาง “คนที่ใกล้จะคลอด ในเวลานี้หากเป็นคนอื่นก็คงต้องมีขบวนสาวใช้แห่ติดตามมาด้วย แต่เจ้ากลับดูสบายดี กระโดดขึ้นๆ ลงๆ ทุกวัน อยู่มิสุขเช่นเดียวกับพลุจรวด เรื่องนี้ปล่อยให้หน้าที่ของมู่หรงฉีของเจ้าแก้ปัญหามิดีกว่าหรือ เจ้าจะกังวลใจไปทำไมกัน? เช่นเดียวกับเจ้าสำนักอินทรีที่เล่นกับเจ้าแล้วก็ไป ต้องดึงศพเขาออกมาซักไซ้ไล่เลียงถึงจะคลายความแค้นได้น่ะ”

ชัดเจนเยี่ยงนั้นเลยหรืออย่างไร? นางจะเป็นห่วงบ้านเมืองและราษฎรโดยชอบธรรมมิได้หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา