ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 42

จือชิวโยนตะกร้าลงกับพื้นจากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป “ถือว่าข้าเอาลิ้นจี่มาให้แล้ว จะรับหรือไม่ก็แล้วแต่คุณหนูใหญ่ เด็กรับใช้อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจ”

โตวโตวรีบเดินตามไปหยิบตะกร้าแล้วยัดใส่แขนของนาง “ขอบคุณคุณหนูรองสำหรับความเมตตา ลิ้นจี่นี้...”

ยังไม่ทันได้พูดจบจือชิวก็ปล่อยมือ ตะกร้าตกลงกับพื้นจนลิ้นจี่กระจัดกระจายกลิ้งกระเด็นกระดอนไปอยู่ใต้เท้านาง

จือชิวผงะก่อนจะขยี้ตาอย่างเสียใจ “คุณหนูของข้ามีเจตนาดี ทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นนี้เล่า? “

นางย่อตัวลงหยิบลิ้นจี่ที่หล่นใส่กลับเข้าไปในตะกร้าทีละลูก แล้วเดินร้องไห้ออกไป

โตวโตวด่าทออย่างโกรธเคือง “เจ้านายเป็นอย่างไรบ่าวก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน วันๆ เอาแต่ทำท่าอวดดี แล้วทีแบบนี้จะมาร้องไห้ให้ใครดูกัน”

เหลิ่งชิงฮวนยืนอยู่ข้างหลังนางถอนหายใจ

“แน่นอนว่าเพื่อให้ท่านอ๋องดู ไม่เช่นนั้นเหลิ่งชิงหลางจะสั่งให้นางเอาลิ้นจี่ที่เหลือกินมาให้หรือ? ท่านอ๋องต้องอยู่ที่เรือนจื่อเถิงของนาง นางถึงได้จงใจแสดงความรักใคร่ระหว่างพี่น้องสั่งให้คนนำมาส่งให้ แต่จือชิวตั้งใจพูดจารุนแรงและทำให้เจ้าโกรธเพื่อที่จะได้กลับไปฟ้องว่าพวกเราไม่แยกแยะถูกผิด”

โตวโตวผงะไปชั่วครู่ “บ่าวทำผิดหรือเจ้าคะ? บ่าวเพียงแค่โกรธ ของที่วังหลวงมอบให้ก็ควรจะให้ท่านที่เป็นพระชายา แต่ท่านอ๋องกลับนำไปมอบให้คุณหนูรอง นางจงใจทำให้คุณหนูอับอายนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่นางต้องการคือสิ่งที่ข้าไม่สนใจ ทำไมข้าต้องสนใจว่ามู่หรงฉีจะคิดอย่างไร ข้าแค่อยากจะเตือนเจ้าว่าจือชิวนางร้ายกาจมาก ลูกไม้นางมีมากกว่าเหลิ่งชิงฮวน คราวหลังเจ้าต้องระวัง เถียงกับนางไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หากจะตีก็ต้องตีให้ตรงจุด”

“แล้วจุดของนางอยู่ตรงไหนเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มตาหยี “ความทะเยอทะยาน”

“ทะเยอทะยานอะไรเจ้าคะ? “ โตวโตวถามอย่างไม่เข้าใจ

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “เจ้าไม่คิดว่ากระโปรงสีเขียวที่นางสวมใส่วันนี้ดูสวยงามหรอกหรือ? “

โตวโตวไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ทำไมคุณหนูถึงได้เปลี่ยนเรื่องล่ะ?

นางเกาหัวและเริ่มงุนงงมากขึ้น “ไม่สวยเลยเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่ามีเพียงพวกนางรำในสำนักสังคีตศิลป์เท่านั้นที่จะสวมใส่กระโปรงสีเขียวเช่นนี้”

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตา “หรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว ครั้งก่อนที่เรือนจื่อเถิงข้าเคยพูดว่ามู่หรงฉีชอบสีเขียว ตอนนั้นจือชิวเองก็อยู่ข้างๆ “

โตวโตวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าใจความหมายของเหลิ่งชิงฮวน

“คุณหนูหมายความว่าจือชิวกำลังคิดเอาอกเอาใจเพราะต้องการดึงดูดความสนใจของท่านอ๋อง!”

“ฉลาดมาก”

“แต่ทำไมบ่าวถึงไม่รู้สึกว่าท่านอ๋องชอบสีเขียว? สีมันสว่างมาก ใส่แล้วดูเหมือนหัวหอมเลยนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนถูจมูก ไม่ได้ตอบข้อสงสัยของโตวโตวเพียงแค่ยกยิ้ม เขาชอบที่ไหนกันล่ะ น่าจะเกลียดด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหมวกสีนี้

ณ เรือนจื่อเถิง

เหลิ่งชิงหลางกำลังปอกลิ้นจี่ให้มู่หรงฉี ปลายนิ้วเรียวยกขึ้น เล็บที่ทาด้วยสีดอกเทียนบ้านกรีดเปิดเปลือกลิ้นจี่สีแดงสดออกเผยให้เห็นเนื้อใสๆ ข้างใน ดูแล้วช่างเพลินตา

มู่หรงฉีปัดป้องลิ้นจี่ที่นางยื่นมาให้ “หวานเกินไป เจ้าชอบก็กินเถอะ”

เหลิ่งชิงหลางเปิดริมฝีปากสีแดงของนาง ยื่นปลายลิ้นสีชมพูออกมาและสอดลิ้นจี่เข้าไปในปากเล็กๆ ของนาง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งเรือนร่างของนางดูราวกับทำขึ้นมาจากหยดน้ำ

มู่หรงฉีตกตะลึง การเลี้ยงดูสตรีนางหนึ่งจะต้องมาจากภายในสู่ภายนอก แต่สตรีบ้าๆ บอๆ ที่ “ได้แล้วทิ้ง” อย่างเหลิ่งชิงฮวนคงไม่มีท่าทางสง่างามเช่นนี้

กิริยาหยาบคายของนางตอนที่หยิบเก้าอี้ฟาดคนเหมือนกับทุบแตงกวาผุดขึ้นมาในหัวเขาซ้ำๆ

ลิ้นจี่ในวันนี้เป็นของที่ฮ่องเต้ประทานให้กับเหลิ่งชิงฮวน แม้ว่าจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจนแต่เขาก็รู้ได้ เพราะว่าเหลิ่งชิงฮวนอยู่ในจวนท่านเคาท์ คำนึงถึงหน้าพวกขุนนางในราชสำนักแล้ว หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปจะไม่เป็นที่หัวเราะเยาะของประชาชนหรือ อำนาจของขุนนางจะเหลือเพียงใด?

แต่เมื่อเขากลับมาที่จวนและเดินไปที่ประตูแขวนดอกไม้ของเรือนหลัง เหลิ่งชิงหลางก็เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเขาเหมือนต้นหลิวล้อลมจากนั้นก็เหลือบมองตะกร้าในมือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา