ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 432

เหลิ่งชิงฮวนอยากจะถามเขาในตอนนี้จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำได้ดั่งใจ เพราะร่างกายยังถูกสกัดจุดเอาไว้อยู่

ยังดีที่ปากยังพอสามารถขยับได้อยู่

“มู่หรงฉี ปีนี้ตอนเดือนสาม เจ้าเคยไปสำนักแม่ชีหนานชานใช่หรือไม่?”

มู่หรงฉีกำลังคุยกับฉีจิ่งอวิ๋นเรื่องบ้านเรื่องเมืองอยู่ อยู่ ๆ มาถูกขัดจังหวะกะทันหัน และยังมาเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ จึงไม่เข้าใจเล็กน้อย “ใช่ ไล่ตามฉีจิ่งอวิ๋นไป”

เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันแน่น “เจ้าคนสารเลว วันนั้นเจ้าได้ทำเรื่องงามหน้าบางเรื่องที่สำนักแม่ชีหนานชานเอาไว้ด้วยใช่หรือไม่?”

ฉีจิ่งอวิ๋นดึงดาบยาวในมือออกแล้วก็หันมาจอที่หัวใจของเหลิ่งชิงฮวน “พี่สะใภ้ไม่ต้องแสดงละครหรอก ข้ารู้ว่าท่านอยากทำอะไร? ก็แค่จงใจยั่วยุพี่ชายของข้าให้รู้สึกรังเกียจ ไม่ให้เขาถูกข้าข่มขู่ใช่หรือไหม? ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้าดูสีหน้าของพี่ชายของข้าเสียก่อน ดูก็รู้ว่าหลายวันมานี้เขาเครียดมากแค่ไหน

อย่างไรเสียผู้หญิงดี ๆ อย่างพี่สะใภ้ นอกจากจะอารมณ์ร้ายนิดหน่อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรที่ต้องจู้จี้จุกจิกอะไร หากพลาดไปแล้วก็พลาดเลย ดังนั้นท่านพี่ เพื่อที่จะสามารถอยู่กับพี่สะใภ้ไปยันแก่เฒ่า และเพื่อช่วยให้ท่านบรรลุจุดมุ่งหมายอันยิ่งใหญ่ได้ ท่านก็ควรปล่อยผ่านไป และมอบป้ายผ่านด่านให้ข้า จากนั้นก็ส่งข้าออกจากเมืองฉางอันเสียเถอะ?”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับชิงฮวน” จิตใจของมู่หรงฉีเอาแต่กังวลถึงความปลอดภัยของนาง ไม่มีเวลาคิดให้ถี่ถ้วนถึงความหมายของคำพูดที่นางต้องการจะสื่อ จากนั้นเขาก็เอ่ยพูดเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ามีปัญหาอะไร เจ้าก็พุ่งมาที่ข้าได้เลย หากชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

“ถึงข้าโง่แค่ไหนข้าก็ไม่สู้กับท่านหรอก ตั้งแต่เล็กจนโตประลองวรยุทธ์กันทีไร ข้าก็ไม่เคยชนะท่านสักที แต่หากเทียบกันที่เล่ห์เหลี่ยมข้าไม่เคยแพ้มาก่อน ท่านรู้อะไรไหม เพราะเหตุใดท่านใช้เวลาตั้งนานแต่กลับยังหาหลักฐานเอาผิดข้าไม่ได้?”

“เพราะตอนที่เจ้าอยู่ต่อหน้าข้าระมัดระวังตัวมากเกินไป ข้าเองก็สงสัยจริง ๆ ว่าทุก ๆ ครั้งเป็นเพราะอะไรเจ้าถึงไม่ทิ้งหลักฐานอะไรเลยไว้ในที่เกิดเหตุ?”

ฉีจิ่งอวิ๋นแสยะยิ้มเล็กน้อย “นั่นเป็นเพราะว่าคนอย่างท่านอ๋องฉีไม่เคยสนใจที่จะไปที่หอคณิกาเลยนะสิ หากท่านไปกับข้าก็จะพบว่าบนเตียงของสาวงามเหล่านั้นมีกลไกที่เป็นทางลับซ่อนอยู่ เจ้าสำนักอินทรีทองที่ตายไปก็เป็นแค่ตัวตายตัวแทนของข้าก็เท่านั้น ตอนที่คนของท่านไล่ตามข้าและเฝ้าอยู่ข้างนอกห้องหอเพื่อแอบฟัง ข้าได้เดินลัดเลาะทางลับไปแล้ว ไม่เช่นนั้น หากสำมะเลเทเมาทุกคืน ร่างเล็ก ๆ ของข้าคงทนไม่ไหวจริงๆ”

มู่หรงฉียิ้มอย่างขมขื่น “พูดไปแล้ว คงเป็นข้าเองที่โง่เขลาเอาแต่ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองคาดเดามาตลอด”

ฉีจิ่งอวิ๋นถอนหายใจ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น? ท่านดูข้าสิ วันแรกที่เจอพี่สะใภ้ข้าก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้ แต่ข้ากลับเข้าไปยั่วยุนางและหวังว่าจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับท่านมากยิ่งขึ้นจากปากของนาง ผลลัพธ์ที่ได้กลับผิดคาด กลับเป็นตัวเองที่หลวมตัวเข้าไปเสียได้ ดังนั้นการใช้ชีวิตของพี่สะใภ้มาแลกกับชีวิตของตัวข้าเอง น่าจะไม่นับว่าเป็นการอกตัญญูหรอกใช่ไหม?”

ในขณะที่พูดอยู่ปลายดาบไม่ได้ชี้ไปตรงคอของเหลิ่งชิงฮวน แต่กลับชี้ตรงไปที่หัวใจด้านหลังของคนขับรถม้าที่อยู่ข้างหน้าเขา

เหลิ่งชิงฮวนตะโกนออกมาทันที “ระวัง!”

มันสายเกินไปแล้ว ตอนนั้นมันรวดเร็วมาก ปลายดาบของฉีจิ่งอวิ๋นพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าผ่า แต่คนขับรถม้าที่นั่งตัวตรงมาโดยตลอดทางคนนั้นดูเหมือนมีตาหลังก็ไม่ปาน เขาหยิบกริชสั้นหนึ่งเล่มออกมาจากใต้เสื้อคลุมหนังแกะ และปัดปลายดาบของฉีจิ่งอวิ๋นให้บินออกไป จากนั้นก็หันตัวกลับมาพุ่งตัวไปที่เหลิ่งชิงฮวน

“โฉวซือเส่า เป็นเจ้าจริงด้วย!”

ฉีจิ่งอวิ๋นยิ้มอย่างเย็นชา และก้าวขึ้นไปขวางข้างหน้าเหลิ่งชิงฮวนเอาไว้ ดาวกระจายเหล็กบินไปตรงไปยังหน้าโฉวซือเส่ากะทันหัน

โฉวซือเส่าทำอะไรไม่ได้จึงต้องหลบออกไปทางด้านข้าง

และฉีจิ่งอวิ๋นก็ฉวยโอกาสนี้นำดาบยาวไปวางไว้บนคอของเหลิ่งชิงฮวนได้อีกครั้ง

“ห้ามใครขยับทั้งนั้น!”

โฉวซือเส่าล้มเหลวในการเข้าช่วยเหลือ ดังนั้นจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก และเชื่อฟังไม่กล้าขยับเขยื้อนอีก เขาพบแล้วว่าฉีจิ่งอวิ๋นคนนี้ฉลาดแกมโกงมากอย่างที่มู่หรงฉีพูดเอาไว้ไม่มีผิด ตัวเองเผยไต๋ออกมาตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้

“พวกท่านสามารถฆ่าคนขับรถม้ากลางทางและแกล้งปลอมตัวเป็นเขาได้ แต่พวกท่านไม่รู้เลยว่า คนอย่างข้าไม่ชอบให้คนอื่นรู้ความลับของข้ามากเกินไป ดังนั้นคนขับรถม้าของข้าคนนี้จึงหูไม่ค่อยดีฟังไม่ค่อยได้ยิน”

ฉีจิ่งอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา “เมื่อครู่นี้ข้าหยอกล้อเล่นกับชิงฮวน แต่ท่านที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถกลับกลั้นหัวเราะเอาไว้ และไหล่สั่นไปมา ข้าก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา