สรุปเนื้อหา ตอนที่ 435 ข้าตายตาไม่หลับ – ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล
บท ตอนที่ 435 ข้าตายตาไม่หลับ ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉลิมพล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
พระสนมฮุ่ยเฟยผู้เป็นเสด็จแม่แท้ๆยังเอ่ยซ้ำเติม “เกือบจะถึงช่วงสุดท้ายอยู่แล้ว แต่เจ้ายังทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก ทำไมถึงได้ทำอะไรที่ทำให้คนอื่นๆต้องไม่สบายใจอย่างนี้ด้วย?”
ในใจของมู่หรงฉีก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย ตัวเองได้ออกคำสั่งให้คนไปค่อยเฝ้าดูนาง ไม่ให้นางออกไปไหนได้ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ใครจะไปรู้ว่านางจะแอบออกไปเล่า?
พูดให้ถูกก็คือเป็นตัวเองนั่นแหละที่ไม่ดี ถ้าหากไม่ไปยั่วให้นางโมโห ก็คงไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
สุดท้ายฮ่องเต้และคนอื่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยท่าทางที่โมโห “ถ้าหากชิงฮวนเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆละก็จะไม่มีทางให้อภัยเจ้าอย่างแน่นอน!”
มู่หรงฉีรู้สึกเสียใจจนใจจะขาดตายอยู่แล้ว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเหลิ่งชิงฮวนขึ้นมาจริงๆ ตัวเขาเองก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเองได้เช่นกัน
เหลิ่งชิงฮวนหลับไปครั้งนี้ นอนหลับสนิทอย่างมาก
พระสนมฮุ่ยเฟยนั่งอยู่หน้าเตียงของนาง สายตาจับจ้องไปที่ท้องของนางอย่างละเอียด จากนั้นก็วางมือลงบนท้องของนาง และก็บ่นพึมพำกับตัวเอง จ้องมองอยู่ตั้งนาน ในที่สุดเจ้าตัวเล็กที่อยู่ข้างในก็พลิกตัวยกบั้นท้ายกระดกขึ้นมาแล้ว
นางดีใจจนเด้งตัวลุกขึ้นมา “เด็กขยับแล้ว ๆ หัวใจของแม่ลูกเชื่อมต่อกัน ขอเพียงเด็กขยับตัว ชิงฮวนก็จะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนเด็กในท้องจะสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นและความสุขของผู้ใหญ่รอบตัว จึงเตะขาอีกครั้งเพื่อแสดงถึงการรับรู้ได้ของตัวเอง
สิ่งนี้ทำให้มู่หรงฉีซาบซึ้งจนเกือบน้ำตาจะไหลเอ่อล้นออกมาจากดวงตา
พวกหมอหลวงต่างแสดงความคิดเห็นตามมากันยกใหญ่ “ชีพจรของพระชายาดูสงบ ครรภ์ก็ปกติดีมาก น่าจะ อาจจะ เป็นไปได้ว่า หรือดูเหมือนว่าเมื่อเร็วๆนี้มีเรื่องให้ต้องอกสั่นขวัญแขวนจนเกิดอาการเพลีย พอตอนนี้สามารถผ่อนคลายจิตใจลงได้อย่างกะทันหัน จึงตกอยู่ในภาวะนอนหลับลึก”
ทุกคนล้วนรู้ดีว่านี่เป็นคำพูดที่ไร้สาระทั้งเพ แต่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ คิดซะว่าเป็นคำพูดปลอบประโลมทางจิตใจก็แล้วกัน
ฮ่องเต้และคนอื่นพากันกลับวังไป ทุกคนล้วนแต่ยุ่ง หากหลานชายหัวแก้วหัวแหวนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
จวนกั๋วกง จวนมหาเสนาบดี และยังมีจวนอ๋องรุ่ยต่างก็ส่งคนมาสอบถามสถานการณ์กันทั้งสิ้น เมื่อเห็นมู่หรงฉีมีใบหน้าอ่อนเพลียและดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ทุกคนล้วนปลอบประโลมใจไม่กี่คำก็จากออกไป
เขาเองก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน
ทุกคนล้วนรู้ดีว่า หลายวันมานี้ที่เหลิ่งชิงฮวนหายตัวไป มู่หรงฉีไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างหนักเพื่อออกตามหาข่าวคราวของเหลิ่งชิงฮวน
ผู้ชายจะรักหรือไม่รัก ไม่ได้อาศัยแค่คำพูดเพียงลมปากเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องดูจากการกระทำด้วย
พวกเขาต่างต้องการเวลาส่วนตัว ต้องการพักผ่อน
มู่หรงฉีเฝ้าอยู่ข้างๆเหลิ่งชิงฮวนไม่ห่างกายแม้แต่ก้าวเดียว เขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย และนอนตะแคงลงอยู่ข้างๆ มือข้างหนึ่งของเขาวางไว้บนท้องของนาง เพื่อที่จะสัมผัสถึงสิ่งชีวิตที่อยู่ภายใน ทำให้เขารู้สึกว่าปลอดภัยและมีชีวิตชีวาขึ้น
เป็นเพราะง่วงนอนมากจริงๆ จึงค่อยๆหลับตาลง
ในวันรุ่งเช้าของวันถัดมา เขาลืมตาขึ้นมาด้วยความคาดหวัง หวังว่าเหลิ่งชิงฮวนจะตื่นขึ้นมาแล้ว และกำลังนอนอยู่บนหมอนมองตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างเบิกบาน
แต่นางยังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าเล็กๆของนาแดงก่ำ นอนหลับอย่างไร้เดียงสาราวกับเด็กทารกแรกเกิด
น่าเสียดายที่ดูไม่มีชีวิตชีวาและไม่เคลื่อนไหวอะไรใด ๆ
ความรู้สึกเริ่มจากในตอนแรกที่เต็มไปด้วยการรอคอยอย่างคาดหวัง รู้สึกตื่นเต้น สุดท้ายก็มาจบลงด้วยความสิ้นหวัง หัวใจดวงนั้นแปรเปลี่ยนไปโดดเดี่ยวและอ้างว้างในทันที
ที่แท้ก็เคยชินกับการมีนางอยู่ข้างกายตัวเองสินะ เหมือนเช่นดวงดาวดวงหนึ่งที่มีเหลี่ยมมุม คอยเปล่งประกายระยิบระยับ แต่อยู่ดีๆก็เกิดเหงาหงอยขึ้นมา ตอนที่ดวงดาวได้ดับแสงลงอย่างมืดหม่น ตัวเองก็ไม่มีความสุขและเศร้าใจอย่างมาก
เขาอยากจะนอนอยู่แบบนี้ตลอดไป โอบกอดเหลิ่งชิงฮวนเอาไว้ในอ้อมแขน และไม่ยอมปล่อยมือนางไปไหนตลอดกาล
คนรับใช้ในตำหนักฉาวเทียนต่างก็ทำงานกันอย่างเบามือ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดัง กลัวว่าจะเป็นการไปรบกวนการฝันหวานของพวกเขาทั้งสองคน
ความเศร้าโศกจางๆเข้าปกคลุมตำหนักฉาวเทียนเอาไว้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นด้วยตาแต่ก็สามารถสัมผัสได้
ในที่สุดก็มีองครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามาข้างในเพื่อแจ้งข่าวที่น่าตื่นเต้นให้กับทุกคนทราบ “ฉีจิ่งอวิ๋นฟื้นแล้วขอรับ!”
บางทีอาจเป็นเพราะยาของพวกหมอหลวงออกฤทธิ์ได้ผล หรืออาจเป็นเพราะฉีจิ่งอวิ๋นเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์จึงมีจิตใจและกำลังที่เหนือกว่าเหลิ่งชิงฮวนเล็กน้อย ดังนั้นจึงได้สติตื่นขึ้นมาก่อน
“ตึง” มู่หรงฉีลุกขึ้นยืน และสั่งให้โตวโตวกับแม่นมเตียวดูแลชิงฮวนให้ดีๆ ส่วนตนเองจะออกจากจวนตรงไปที่เรือนจำ
ฉีจิ่งอวิ๋นเอนหลังพิงกรงอย่างอ่อนแรง “ครืน ๆ” เสียงโซ่เหล็กบนข้อมือส่งเสียงดังขึ้น
คำพูดนี้ค่อนข้างยั่วโมโหอยู่เล็กน้อย มู่หรงฉีทำเสียงไม่พอใจเบา ๆ “นางยังคงสลบอยู่”
“นางสลบ?”
“ใช่แล้ว” มู่หรงฉีตอบคำถาม “ข้าอยากรู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเจ้าทั้งสามคนจึงสลบลงไปกะทันหัน? ใครเป็นคนวางยาพิษนี้กันแน่?”
ฉีจิ่งอวิ๋นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ใครเป็นคนวางยาพิษนี้กันแน่ ยังจำเป็นต้องเอ่ยถามอีกหรือ? นอกจากพระชายาของท่านแล้ว ยังมีใครที่มีความสามารถแบบนี้อีกเล่า? ดังนั้นข้าจึงงงงวยอยู่นี้ไง ทั้งที่นางอยู่ในกำมือของข้าแล้วแท้ ๆ ข้าก็ค้นข้าวของที่ติดตัวนางทุกซอกทุกมุมในร่างกายของนางแล้ว ตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ แต่พิษเหล่านี้ถูกนางซ่อนเอาไว้อยู่ที่ไหนกันแน่? หลังจากถูกสกัดจุดไปแล้วทำยังไงถึงยังวางยาพิษได้อีก? ข้าคิดตั้งนานคิดยังไงก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำเอาข้าตายตาไม่หลับจริงๆ”
แม้ว่ามู่หรงฉีเองก็ไม่รู้ว่ายาที่เหลิ่งชิงฮวนเอาออกมาใช้นั้นมาจากไหน แต่เขาก็เห็นบ่อยจนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
ในเมื่อเป็นชิงฮวนเป็นคนวางยาพิษเอง ถ้าเช่นนั้นก็สบายใจได้แล้ว ตัวนางทำอะไรรู้จักหนักเบา
มู่หรงฉีหันหลังเดินออกไป
“ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าควรอธิษฐานให้ชิงฮวนไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่มีทางแสดงความเมตตาต่อเจ้าแน่ฉีจิ่งอวิ๋น”
“ท่านพี่!” ฉีจิ่งอวิ๋นเรียกเขาให้หยุดจากทางด้านหลัง “ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรพี่สะใภ้ถึงได้ตามจับพวกเราชาวเฟยอิงเว่ยไม่ปล่อย?”
“เฟยอิงเว่ยทำเรื่องกบฏต่อฟ้าดิน ทุกคนสมควรได้รับโทษถึงตาย”
ฉีจิ่งอวิ๋นหัวเราะ “เหอะ ๆ” ด้วยใบหน้าเอ้อระเหยลอยชาย “พี่สะใภ้บอกว่า นางต้องการฆ่าคนปิดปาก ฆ่าคนที่สวมหน้ากากนกอินทรี คนที่ได้แล้วทอดทิ้งนางไป”
ฝีเท้าของมู่หรงฉีหยุดชะงักลงกะทันหัน และหันหน้าไปด้วยความตกใจ “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ท่าทีการตอบสนองของเขาทำให้ฉีจิ่งอวิ๋นประหลาดใจเล็กน้อย
“ตอนที่พี่สะใภ้พูด ข้าเองก็ไม่เชื่อสักคำ แต่ตอนนี้เมื่อลองมองย้อนกลับไปคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครั้งนั้นระหว่างทางที่ไปที่บ้านพักบนภูเขาได้ลองเชิงนางดู จากนั้นก็รู้สึกว่าบางทีคำพูดแปลกๆพวกนั้นที่นางเอ่ยออกมาอาจจะเป็นความจริงก็ได้
ข้าอยากรู้นัก ผู้ชายที่รนหาที่ตายคนนั้นเป็นใครกันแน่? มายั่วโมโหใครไม่ดูตาม้าตาเรือ กลับมายั่วโมโหพี่สะใภ้เสียได้ ข้าตายอย่างไม่ยุติธรรม จะถูกฆ่าไปโดยที่ไม่ทราบสาเหตุแบบนี้ไม่ได้ ต่อให้ต้องตายก็ต้องฉีกไอสารเลวที่มีตาหามีแววไม่ผู้นั้นให้ละเอียดเป็นชิ้น ๆ ก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...