ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 436

หน้ากากเฟยอิงเว่ย? ได้แล้วทิ้งงั้นหรือ? และก็ยังมีเรื่องระหว่างที่กำลังเข้าช่วยเหลือชิงฮวน อยู่ ๆ นางก็โพล่งถามคำถามแปลกออกมากะทันหันตอนนั้นอีก หรือว่าสำนักแม่ชีหนานชาน!”

อยู่ ๆ สมองของมู่หรงฉีเหมือนจะระเบิดออก เต็มไปด้วยความว่างเปล่าไปชั่วขณะ

เรื่องระหว่างตัวเองกับเหลิ่งชิงหลางเขาไม่เคยบอกกับชิงฮวนมาก่อน แล้วนางรู้ได้อย่างไร?

และยังการตั้งครรภ์ของนาง สำหรับมู่หรงฉีแล้วเรื่องการนับคำนวณอายุครรภ์นั้น ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีสามัญสำนึกอย่างที่สามีพึงมี รู้เพียงแค่ว่าจะคลอดในเดือนสิบ แต่เมื่อนับรวมคร่าว ๆ แล้ว ช่วงเวลาในการตั้งครรภ์ก็เหมาะเจาะพอดี

ในคืนนั้นใต้ดอกจื่อเถิง ผู้หญิงที่ร่วมผ่านคืนวสันต์กับตัวเองตอนนั้นเป็นใครกันแน่?

ทำไมองครักษ์ถึงได้รายงานว่าคนที่ไปเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสำนักแม่ชีในคืนนั้นคือเหลิ่งชิงหลาง?

สัญลักษณ์ปานบัวแดงอย่างเดียวที่ตัวเองจำได้ก็มีแต่เหลิ่งชิงหลางคนเดียวที่มี แต่หน้าอกด้านหน้าของชิงฮวนขาวจั๊วะดังหยกไร้ตำนิ ไม่มีสิ่งดังกล่าวสักนิด

ไม่มีทางเป็นชิงฮวนไปได้เลย?

เขาจี้ถามฉีจิ่งอวิ๋นทีละคำ พยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ “สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”

ฉีจิ่งอวิ๋นมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ “ท่านไม่รู้หรอกหรือ? หรือว่าพี่สะใภ้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับท่านเลยหรือ? หรือว่าข้าถูกหลอกอีกแล้วงั้นหรือ? พี่สะใภ้จอมลวงโลก พูดจาไร้สาระเชื่อถือไม่ได้ ทำไมถึงเป็นข้าคนเดียวที่ถูกหลอกด้วยเล่า?”

ประโยคหลังที่เอ่ยพูดมู่หรงฉีไม่อยากจะฟังแล้ว เขาต้องการรีบกลับไปที่จวนอ๋องโดยด่วน เพื่อไปถามให้กระจ่างด้วยตัวเอง!

เขากลับมาที่จวนอ๋องมาด้วยความร้อนรน แต่เหลิ่งชิงฮวนยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา ยังนอนหลับสบายใจเฉิบ ช่างไม่รู้เลยว่ามู่หรงฉีรู้สึกอึดอัดมากขนาดนี้มันลำบากแค่ไหน

ก่อนอื่นเขาสั่งให้คนไปเรียกแม่จ้าวซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายของเหลิ่งชิงหลางมาเข้าพบ

แม่จ้าวไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงนั่งคุกเข่าลงตรงปลายเท้าของเขาอย่างตัวสั่น

มู่หรงฉีเอ่ยถามอย่างเย็นชา “ในเดือนสามปีนี้ ก่อนที่เหลิ่งชิงหลางจะแต่งเข้ามาที่จวนอ๋อง ได้เคยไปที่สักการบูชาที่สำนักแม่ชีหนานชานและพักค้างแรมใช่หรือไม่?”

แม่จ้าวพยักหน้า “มีเรื่องนี้จริง ๆ”

“คนที่เดินทางไปด้วยกันมีใครบ้าง?”

“เวลานั้นบ่าวยังเป็นคนของตระกูลจิน ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในจวนมหาเสนาบดี ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก”

“ถ้างั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหลิ่งชิงหลางและฟังผิ่นจือล่ะ เจ้าจะบอกความจริงด้วยตัวเองหรือจะให้ข้าสั่งให้คนมาทรมานเจ้าทีละเล็กทีละน้อย?”

ร่างกายของแม่จ้าวสั่นสะท้าน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังรู้สึกประหม่า

นางรู้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีวันนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าเหลิ่งชิงหลางจะหนีพ้นวันพระ แต่หนีไม่พ้นในวันเพ็ญ พระสนมฮุ่ยเฟยได้มีคำสั่งแล้ว ให้หยุดการสืบสวนเรื่องนี้ต่อไป แต่ท่านอ๋องกลับมาพูดถึงเรื่องนี้โดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมการอะไรไว้

นางไม่สามารถพูดได้ พูดไม่ได้เด็ดขาด การปิดบังและปกปิดเรื่องที่เจ้านายของตนเองไปเป็นชู้กับคนอื่น รับรู้แต่ไม่รายงาน มีความผิดโทษถึงตายแต่เพื่อรักษาหน้าตาของเชื้อพระวงศ์ คงหนีไม่พ้นการถูกฆ่าปิดปากเป็นแน่ แต่ถ้าหากไม่ยอมสารภาพออกไป อย่างน้อยก็ยังพอมีโอกาสรอด

แม่จ้าวกัดฟันแน่น “บ่าวไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านอ๋องถามหมายความว่าอย่างไร? เรื่องนี้พระสนมฮุ่ยเฟยได้ตรวจสอบกระจ่างชัดเจนแล้วและมีจินซ่างซูเป็นพยานว่าเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเท่านั้น บ่าวไม่รู้จักฟังผิ่นจืออะไรนั้นเลยเจ้าค่ะ”

มู่หรงฉีไม่มีความอดทนที่จะรอนาง “ข้าจะนับถึงสาม หากเจ้าไม่ยอมรับสารภาพ ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่มีโอกาสที่จะได้เอ่ยปากอีกต่อไป”

ไม่ต้องรอให้มู่หรงฉีเอ่ยปากนับ แม่จ้าวตกใจกลัวจนวิญญาณกระเจิงเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว แต่ยังคงกัดฟันแน่น “ต่อให้ท่านอ๋องโบยบ่าวจนตาย บ่าวก็ไม่สามารถเอ่ยปากใส่ร้ายพระชายารองได้เจ้าค่ะ เจ้านายของบ่าวถูกใส่ความ มีใครบางคนกำลังพยายามแต่งเรื่องใส่ความอยู่ใช่หรือไหมเจ้าค่ะ?”

มู่หรงฉีไม่เปลืองน้ำลายพูดให้มากความ ขมวดคิ้วอย่างเบื่อหน่าย “ใครอยู่บ้าง รีบเข้ามาลงทัณฑ์ซะ!”

“ไม่นะเจ้าค่ะ ท่านอ๋อง ท่านกำลังพยายามให้หม่อมฉันยอมรับผิดด้วยวิธีทรมานไม่ได้นะเจ้าค่ะ ท่านจะปฏิบัติต่อพระชายารองของบ่าวเช่นนี้ไม่ได้ อย่างน้อยพวกเราก็เป็นคนของจวนมหาเสนาบดี...”

ยังไม่ทันพูดหมดประโยค องครักษ์ที่เข้ามาก็ลงมือสลับกันตบปาก เสียงร้องครวญครางดังขึ้น การตบครั้งนี้ทำให้แม่จ้าวถึงกลับสับสน มึนงง สมองเบลอไปหมด แต่ยังคงกัดฟันแน่นไม่ยอมรับสารภาพ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา