ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 437

สรุปบท ตอนที่ 437 ความจริงของสัญลักษณ์ดอกบัวแดง: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 437 ความจริงของสัญลักษณ์ดอกบัวแดง – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 437 ความจริงของสัญลักษณ์ดอกบัวแดง ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จู่ๆมู่หรงฉีก็ลุกขึ้นนั่งแล้วเดินมาด้านข้างของเหลิ่งชิงหลาง เขายื่นมือขึ้นมาแล้วหยุดลงที่คางของนาง จากนั้นก็ใช้สายตาอันดุดันกวาดมองใบหน้าของนาง

“ข้าได้สืบมาอย่างดีแล้วว่าแม่นางเสี่ยวจือคือฟังผิ่นจือ ฟังผิ่นจือก็คือแม่นางเสี่ยวจือ นางใช้ตำแหน่งของบ่าวรับใช้ตระกูลใหญ่เข้ามาในจวนอ๋องฉีอย่างง่ายดายและลอบติดต่อกับเจ้า แม่จ้าวรับสารภาพแล้วเจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ”

เหลิ่งชิงหลางอ้าปากค้างและเค้นคำพูดออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก “เป็นไปไม่ได้! คนสนิทของหม่อมฉันถึงกับหักหลังหม่อมฉัน!”

มู่หรงฉียิ้มเย็น “ถ้าหากว่าวันนี้ข้าไม่ไปไต่สวนด้วยตัวเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะทำเรื่องผิดต่อฟ้าดินลับหลังข้ามากมายเช่นนี้ เจ้าฆ่าจือชิวอีกทั้งยังบีบให้ซื่ออี๋เหนียงต้องฆ่าตัวตาย อีกทั้งยังมีเรื่องครรภ์ของเจ้า! แม่จ้าวบอกข้าว่าเจ้าเพิ่งมีอาการแพ้ท้องตอนที่เพิ่งถูกส่งไปยังที่ที่นา ตอนนั้นเจ้าก็ได้ตั้งครรภ์แล้ว

เหลิ่งชิงหลางเจ้าจงใจวางอุบายข้าโดยไม่เลือกวิธีการ ที่แท้เจ้าคิดเจ้าเลห์คิดจะคลอดลูกของเจ้ากับฟังผิ่นจืออกมาใช่หรือไม่”

เหลิ่งชิงหลางลังเลไปนาน ตัวของนางเย็นเฉียบราวกับนั่งอยู่บนแท่นน้ำแข็ง

จบสิ้นกันแล้ว มู่หรงฉีรู้ทั้งหมดแล้ว!

ตอนนี้สิ่งที่รอคอยนางมีอยู่เพียงหนทางเดียวนั่นก็คือความตาย!

พละกำลังทั้งหมดหายไปจากร่างของเหลิ่งชิงหลาง ตัวของนางสั่นเทิ้มกลัวจนพูดไม่ออก นางจึงทำได้เพียงแค่ดิ้นรนออกมาอย่างไรเหตุผล “ไม่ ไม่เพค แม่จ้าวพูดไรสาระ”

มู่หรงฉีตบนางจนตัวของนางเซไปอีกทางหนึ่ง

“เรื่องมาถึงวันนี้แล้วเจ้ายังจะอธิบายอยู่อีกหรือ”

เหลิ่งชิงหลางรู้ว่าตัวนางจะไม่ยอมรับอย่างเป็นอันขาด แบบนั้นแล้วยังจะพอมีทางรอด

“ไม่เพคะ หม่อฉันเปล่า ท่านน้ากับลูกพี่ลูกน้องของหม่อมฉันเป็นพยานให้หม่อมฉันได้ หม่อมฉันไม่รู้จักฟังผิ่นจือเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมท่านอ๋องถึงได้เชื่อคำโกหกของคนอื่นล่ะเพคะ เด็กในท้องของเหลิ่งชิงฮวนต่างหากที่เป็นของคนอื่น ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหนกันแน่ นางคงกลัวว่าหม่อมฉันจะให้กำเนิดลูกของท่านอ๋องและเพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ถึงได้เอาแต่ทำร้ายหม่อมฉันไม่หยุด ท่านอ๋องจะไม่แบ่งแยกถูกผิดเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะไม่ช่นนั้นเสียใจทีหลังก็คงจะสายไปแล้ว”

การดิ้นรนครั้งนี้ทำให้คอเสื้อเปิดออกมาครึ่งหนึ่งจนเผยให้เห็นลำคอขาวเนียนดุจหยก

สายตาของมู่หรงฉีหยุดชะงักไป เขาก้าวเข้าไปด้านหน้าและเลิกคอเสื้อของนางออกมาแล้วแข็งค้างไป

“สัญลักษณ์ดอกบัวแดงของเจ้าล่ะ?”

“สัญลักษณ์อะไรกันเพคะ?” เหลิ่งชิงหลางรีบปิดมันอย่างร้อนรน

“ข้าจำได้เป็นอย่างดีที่หน้าอกของเจ้ามีสัญลักษณ์ดอกบัวสีชาด ทำไมตอนนี้ถึงได้ไม่มีแล้ว?”

“ท่านอ๋องมองผิดไปแล้วกระมัง หม่อมฉันไปมีตอนไหนกันเพคะ”

สายตาของมู่หรงฉีเต็มไปด้วยโทสะ เขามองเหลิ่งชิงฮวนด้วยความโกรธจนแทบจะจับนางกิน เขาจับไปที่บ่าของนางแน่นพร้อมพูดว่า “ครั้งแรกที่พบเจ้าที่จวนมหาเสนาบดีเห็นชัดๆว่าที่หน้าอกของเจ้ามีสัญลักษณ์ดอกบัวแดงอยู่”

เหลิ่งชิงฮวนเริ่มลนลาน นางกัดฟันตอบไปว่า “นั่นคือสัญลักษณ์ดอกบัวแดงแห่งความบริสุทธิ์ของพวกเราบุตรสาวตระกูลเหลิ่งเพคะ!”

“สัญลักษณ์ดอกบัวแดงแห่งความบริสุทธิ์?” มู่หรงฉีชะงักไป “สัญลักษณ์ดอกบัวแดงแห่งความบริสุทธิ์อะไร? สัญลักษณ์ดอกบัวแดงแห่งความบริสุทธิ์ไม่ใช่ว่าควรจะเป็นจุดแต้มอยู่บนข้อมมือหรือ”

“คนในวังคนอื่นนั้นจะแต้มอยู่บนข้อมือด แต่บุตรสาวตระกูลเหลิ่งนั้นต่างออกไป พวกเราทุกคนจะถูกแต้มตรงหน้าอกและมีรูปร่างเหมือนกับดอกบัว อีกทั้งยังมีสีแดงดุจเลือดราวกับปานแดงอย่างไรอย่างนั้น หลังจากที่หม่อมฉันได้ผ่านค่ำคืนกับท่านอ๋องที่สำนักแม่ชีมันก็ได้หายไปแล้ว หม่อมฉันกลัวว่าคนอื่นจะซักไซ้ ดังนั้นจึงได้วาดมันเติมลงไปบริเวณหน้าอก ตอนนี้หม่อมฉันได้แต่งให้กับท่านอ๋องแล้วย่อมต้องไม่ปกปิดถึงมันอีก”

สัญลักษณ์ดอกบัวแดงจะหายไปเมื่อผ่านการร่วมรัก

บนร่างของเหลิ่งชิงหลาง ต่อให้เขาตาพร่าเขาก็จำได้ว่าเคยเห็นอยู่สามครั้ง ครั้งแรกหลังจากที่นางจงใจจมน้ำที่จวนมหาเสนาบดี

ครั้งที่สองคือตอนที่นางเพิ่งจะแต่งเข้ามาในจวนอ๋องตอนที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังดื่มเหล้ากันอย่างมีความสุข

ครั้งที่สามตอนที่นางลอบบุกเข้าไปในบ่อน้ำร้อนเพื่อจงใจยั่วยวนเขา

ในเวลานั้นสัญลักษณ์ดอกบัวแดงแห่งความบริสุทธิ์ยังอยู่ ครั้งสุดท้ายที่นางเสื้อผ้าหลุดลุ่ยต่อหน้าน่าจะเป็นบนรถม้าในคืนจงชิว แต่เป็นเพราะเป็นเวลากลางคืน มันมืดจึงทำให้มองไม่ชัด บวกกับความรำคาญจนกลายเป็นความโกรธจึงทำให้เขาไม่ได้สังเกต

มู่หรงฉีมองไปที่นางอย่างเยียบเย็น ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความดุร้าย เขาถามนางด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “คืนนั้นคนที่ผ่านค่ำคืนกับข้าไม่ใช่เจ้าเลยสักนิด ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักนางชีได้ บอกมา!”

เหลิ่งชิงหลางสูดหายใจด้วยความเจ็บปวด “เป็นหม่อมฉันเพคะ”

“ยังไม่ยอมรับ?” มู่หรงฉีพูดออกมาทีละคำอย่างเด็ดขาด “คืนนั้นคนที่อยู่กับข้าคือชิงฮวน ใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่!”

มู่หรงฉีกำมือแน่นขึ้น “คืนนั้นข้าถูกผงอภิรมย์ คนที่วางยาเป็นเจ้าจริงดังนั้นเจ้าถึงได้รู้เรื่องทั้งหมดแล้วสวมรอยเข้ามา ใช่ไหม?”

เหลิ่งชิงฮวนโง่งมไป นางคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายมาเป็นเช่นนี้ มู่หรงฉีเดาเรื่องทั้งหมดออกเอง

นางไม่รู้แล้วว่าควรจะแก้ตัวอย่างไร พูดอะไรออกไปก็เหมือนรนหาที่ตาย

มู่หรงฉีไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้ หัวใจของเขาเต้นรัว เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้รับคำตอบจากเหลิ่งชิงฮวน ความจริงทั้งหมดถูกเปิดดเผยออกมาแล้ว ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรเขาจะไม่เชื่ออีกต่อไป

“ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกผิดมาตลอดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นในชีวิตของเจ้า ตอนนี้ดูแล้วเรื่องทั้งหมดนั้นมีเหตุ เหลิ่งชิงหลางเพื่อที่จะให้ได้แต่งงานแทนพี่สาวเข้ามาในจวนอ๋องฉีเจ้าถึงกลับกล้าลงมือสกปรกวางยาเพื่อให้เหลิ่งชิงฮวนสูญเสียความบริสุทธิ์ และกลับยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ เอาแต่ยุแยงทำร้ายเหลิ่งชิงฮวนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เจ้ามีจิตใจคิดร้าย เลือดเย็น ตามกฎหมายของเมืองฉางอันแล้วโทษนี้ไม่สามารถลดทอนลงได้”

เขากัดฟันแน่นและออกคำสั่งออกไป “ใครก็ได้เอาพู่กันเข้ามาด้ามหนึ่งให้พระชายารองเขียนหนังสือยอมรับความผิดและลงชื่อเอาไว้ มอบรางวัลให้กับนางเป็นผ้าต่วนขาวให้นางได้ใช้เป็นทางเดินต่อไป!”

จากนั้นเขาก็สะบัดมือและทิ้งนางไว้อย่างไร้ค่า

เตียงนอนในห้องกระเพื่อมขึ้นอีกครั้ง

เหลิ่งชิงฮวนตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่! ท่านอ๋อง! ท่านทำแบบนี้ไม่ได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา