ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 440

สรุปบท ตอนที่ 440 ใช้คาถาอาคม: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 440 ใช้คาถาอาคม จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 440 ใช้คาถาอาคม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เรือนจื่อเถิง

เหลิ่งชิงหลางทรุดตัวกองกับพื้นน้ำตาของนางไหลอาบแก้ม น้ำเสียงของนางแหบพร่าและรู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่าหาเรื่องใส่ตัว

นางใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้แต่งเข้ามาในจวนอ๋องฉีและกลายเป็นพระชายาของมู่หรงฉีอย่างถูกต้อง

ในตอนนั้นเพื่อรักษาชื่อเสียงชองฮูหยินใหญ่ของตนเอาไว้จินซื่อได้ให้คนไร้ค่าอย่างสามคนแม่ลูกที่เข้ามาในเมืองเพื่อตามหาพ่อ สุดท้ายกลับรักษาฐานะลูกสาวที่เกิดจากภรรยาหลักเอาไว้ไม่ได้

จินซื่อได้ปลูกฝังความคิดอย่างหนึ่งกับนางก็คือเหลิ่งชิงฮวนได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของนางไปทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เหลิ่งชิงฮวนตำแหน่งพระชายาฉีต้องเป็นขของนาง

ดังนั้นจินซื่อจึงได้วางเผนการที่เกิดขึ้นที่สำนักแม่ชีหนานซานในคืนนั้นเพื่อที่จะกำจัดเหลิ่งชิงฮวน ของเพียงแค่ไม่มีเหลิ่งชิงฮวนแล้วตำแหน่งนั้นย่อมต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน

แต่ภายหลังจากที่แผนการล้มเหลวนางก็ใส่ร้ายเหลิ่งชิงฮวนและจงใจตกน้ำลงไปเอง หลังจากนั้นก็ขึ้นมาจากน้ำด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยเพื่อยั่วยวนมู่หรงฉ๊

ในตอนแรกทุกอย่างเป็นไปอย่างที่นางคาดหวัง แต่ใครจะรู้กันเล่าว่ามันจะกลายเป็นนางขุดหลุมฝังตัวเองและฝังกลบความสุขตลอดชิตของตัวเองไป

นางเข้าใจมาโดยตลอดว่าตัวเองอยากได้อะไรนางก็ต้องระมัดระวังและไม่เลือกวิธีการและวางแผนมาโดยตลอดจนมือของนางเหม็นกลิ่นคาวเลือด

วันนี้ความจริงปรากฏออกมาแล้ว มู่หรงฉีจากไปอย่างไร้เยื่อใย ดวงตาอันคมกริบของเขานอกจากความรังเกียจแล้วก็แฝงไปด้วยความเกลียดชัง เขาเกลียดนางมาเสียจนอยากจะบดขยี้นางให้เป็นศพไปในทันที

นางก็เหมือนกับหนอนแมลงที่กำลังดิ้นรนมีชีวิตที่ดิ้นอย่างไรความหวังสองครั้งก็ยอมแพ้ไป

ประตูถูกเปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามาอย่างน่ากลัวและพัดกระจายความอบอุ่นออกไปจนทำให้นางอดที่จะตัวสั่นไม่ได้ จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นอย่างเหม่อลอย

ภายใต้ม่านหมอกน้ำตานางก็เห็นติงเซียงบ่าวรับใช้ถือถาดใบหนึ่งเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้านาง ติงเซียงมองนางด้วยความสงสาร บนอาวุธขององครักษ์ที่ตามมาด้านหลังยังประดับไปด้วยผ้าไหมสีขาวที่ดูบาดตา

ติงเซียงกับองครักษ์ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “พระชายารอง โปรดเขียนหนังสือยอมรับความผิดเถอะ”

ในถาดมีพู่กันกับกระดาษอยู่

เรื่องในบ้านไม่ควรแพร่ออกไป เด็กที่นางอุ้มท้องอยู่เป็นลูกของคนอื่น เพื่อรักษาหน้าตาของราชวงศ์มู่หรงฉีจึงทำได้เพียงแค่มอบผ้าขาวให้กับนางก็จบ

แต่เขาเองก็ต้องมีคำตอบให้กับจวนมหาเสนาบดีและพระชายาฮุ่ยเฟย นางได้เขียนหนังสือยอมรับผิดและประทับรอยนิ้วมือเรียบร้อยแล้วก็เพื่อให้ความตายของนางเป็นคำอธิบาย

เหลิ่งชิงหลางมองไปยังผ้าต่วนสีขาวในมือขององครักษ์อย่างไม่ยินยอม ไม่ยอมที่จะแพ้ให้กับเหลิ่งชิงฮวน ไม่ยอมที่จะสูญเสียมู่หรงฉี ไม่ยอมที่จะตายไปทั้งแบบนี้

น่าเสียดายที่ตั้งแต่นางตีตัวออกห่างจากญาติ ข้างกายนางก็ไม่ญาติคนไหนที่สามารถช่วยนางได้อีก

นางตัวสั่นหยักกายขึ้น และเค้นน้ำเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “ได้ ข้าจะเขียน ส่งพู่กันมาสิ”

ติงเซียงวางถาดลงบนโต๊ะข้างตัว

ที่บนโต๊ที่เก็บเข็มเย็บผ้าเอาไว้อยู่ ในนั้นมีเสื้อผ้าของเด็กทารกที่ทำเอาไว้แล้วกว่าครึ่งวางอยู่ และกรรไกรทองแดงที่วางอยู่บนเสื้อผ้านั้น

ติงเซียงค้อมกายลงแล้วแผ่กระดาษออก เหลิ่งขิงหลางหยิบกรรไกรออกมาแล้วนาบไปที่ลำคอของติงเซียง

ติงเซียงไม่สามารถป้องกันตัวเองเอาไว้ได้เลยรู้สึกได้แต่เพียงความเจ็บปวดบนลำคอที่แท้นางก็ถูกกรรกไกทิ่มอยู่บนลำคอ นางตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ทั้งร่างของนางสั่นเทิ้มและไม่กล้าต่อสู้

องครักษ์อยู่ห่างจากทั้งสองคนค่อนข้างไกลจึงลงมือได้ไม่ทัน

เหลิ่งชิงหลางขบกรามแน่นและพูดเน้นออกมาทีละคำออกคำสั่งกับองครักษ์ “ไปบอกกับมู่หรงฉีว่าข้ามีเรื่องอยากพูดกับเขา ถ้าหากเขาไม่มาข้าจะฆ่าติงเซียงเสีย”

องครักษ์เห็นท่าไม่ดีจึงไม่กล้าลงมือทำอะไร และวิ่งรุดออกไปจากเรือนจื่อเถิงจากนั้นก็ตรงไปที่ตำหนักเฉาพเทียน

ที่ตำหนักเฉาเทียน เหลิ่งชิงฮวนยังไม่ฟื้น มู่หรงฉีคอยเฝ้านางไว้ไม่ห่าง

เมื่อเขาใช้ปลายนิ้วสากไล้ไปบนใบหน้าของนาง ในเวลานั้นเหลิ่งชิงฮวนก็ขมวดคิ้วและมีปฏิริยากลับ เชื่อว่าไม่นานนางจะฟื้นขึ้นมา นี่ทำให้เขารู้สึกรอคอย

องครักษ์กรูเข้ามาด้านใน “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง!”

เหลิ่งชิงหลางสะบัดมือเบาๆ ในแขนเสื้อของนางก็เผยให้เห็นกรรไกรวาววับที่มีเลือดเปื้อนอยู่

“บ่าวรับใช้คนหนึ่งท่านยังตื่นตกใจขนาดนี้ ข้าเป็นภรรยาของท่าแต่ท่านกลับไร้หัวใจกับข้า มูหรงฉีความจริงแล้วท่านหลายใจหรือรักใครไม่เป็นกันแน่”

มู่หรงฉีไม่คิดจะพูดอะไรกับนางอีกแม้แต่คำเดียว เลือดที่ติดอยู่บนกรรไกรทำให้เขาหุนหันเข้าไปตบหน้าเหลิ่งชิงหลาง เขาเข้าไปค้นด้านในและมองไปบนที่นอนและผลักมันออก

บ่าวรับใช้อยู่ในนั้นราวกับว่านางหมดสติอยู่อย่างไม่ฟื้น ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

มู่หรงฉีจับไหล่ของนาง “ติงเซียง ติงเซียง!”

“ติงเซียง” หันไปมอง นางลืมตาขึ้นแล้วดวงตาสองคู่ก็สบกัน

หัวใจของมู่หรงฉีสั่นไหว เขาเห็นคนที่ไม่สมควรจะอยู่ที่นี่ เขาตกใจจนเบิกตากว้าง

“จิ่นอวี๋?”

ดวงตาคู่หนึ่งส่องประกายราวกับแม่กุญแจที่สะกดสายตาของเขาเอาไว้ในพริบตา ภายในดวงตาคู่นั้นแวววาวราวกับดวงดาว ดวงตาคู่นั้นส่องแสงออกมาจนทำให้เขาหมดสติไปอย่างทันที

จิ่นอวี๋กระพริบตาปริบๆแล้วจ้องเขม็งไปที่เขาอย่างมีความหวังราวกับว่าพวกเขาอยู่สนามรบอันร้อนระอุที่ตัดสินความเป็นความตายของคนทั้งคู่ หน้าผากของทั้งสองคนมีเหงื่อร้อนไหลซึมออกมา กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเห็นได้ชัดถึงการต่อสู้ดิ้นรนภายในใจ

เหลิ่งชิงหลางหัวเราะเย็นชาอย่างไร้เสียง นางปิดประตูลงจากนั้นก็ดับธูป นางเยื้องย่างเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ

หยาดเหงื่อบนหน้าผากของมู่หรงฉีเริ่มจับตัวกันและไหลลงมา แต่สีหน้าของเขากลับเรียบสงบ สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าและเหม่อลอย

จิ่นอวี๋มีคำพูดที่จะพูดออกมาใบหน้าแดงก่ำของนางเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางหยิบอำพันก้อนหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วขยับมันไปหน้าตรงหน้ามู่หรงฉี

“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปความรู้สึกนึกคิดของท่านจะหลับไหลไปเหมือนกับทารกแรกเกิดและไม่มีความคิดของตัวเองอีกต่อไปอีกทั้งยังวิเคราะห์อะไรไม่ได้ ส่วนข้าจะเป็นนายของท่านคอยควบคุมความคิดและการกระทำของท่าน ท่านต้องเชื่อฟังข้าและไม่ต่อต้านได้”

ความต้านทานของมู่หรงฉีฉีค่อยๆลดลง สีหน้าของเขาล่องลอยและเรียบสนิทอย่างไร้อารมณ์ อีกทั้งเขายังพูดซ้ำอีกว่า “เจ้าคือนายของข้า ข้าจะเชื่อฟังเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา