ฉีจิ่งอวิ๋นกุมหัวใจแน่น ทนความเจ็บปวดประคองตนเองลุกขึ้นยืน “ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ตัวท่านใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังจะห่วงเรื่องของคนอื่นไปทำไมกัน”
นักบวชอวิ๋นชิงเห็นเหลิ่งชิงฮวนเข้ามาในคุกเมื่อครู่ เลยยืดคอมองมาทางนี้ จึงเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่พอดิบพอดี แต่ทว่าเขาไม่กล้าเอ่ยปาก เนื่องจากท่าทางดุร้ายทั่วร่างกายของมู่หรงฉี ทำให้เขาหวาดกลัวมาก เกรงว่าหากไม่ระวัง ก็จะเสียชีวิตน้อยๆ ของตนไป
ฉีจิ่งอวิ๋นซึ่งพิงประตูห้องขังเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ โซ่เหล็กบนข้อมือเกิดเสียงกระทบกัน
“เพราะท่านเคยบอกว่าอาจจะมีโอกาสออกไปจากคุกสวรรค์แห่งนี้”
นักบวชอวิ๋นชิงทำเสียง ‘เชอะ’ ออกมา “ท่านปกป้องตัวเองยังยากเลย ยังจะควบคุมโชคชะตาของคนอื่นได้หรือ ท่านดูเป็นคนมีความสามารถ มิฉะนั้นคงจะเรียกพี่เรียกน้องกับท่านฉีอ๋องไม่ได้”
ฉีจิ่งอวิ๋นกระแอมเบาๆ สองที สั่นสะเทือนถึงบาดแผลภายใน เจ็บปวดจนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “ข้าออกไปไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าท่านทำไม่ได้ ข้าสามารถให้โอกาสท่านทำความดีล้างบาปได้”
อวิ๋นชิงเงียบขรึมอยู่ตรงนั้นชั่วขณะหนึ่ง เหมือนกำลังพิจารณาผลดีผลเสียอยู่ จากนั้นเดินมาที่ประตูห้องขัง จับราวกั้นและกล่าวกับฉีจิ่งอวิ๋นอย่างมั่นใจว่า “ถึงแม้ข้าจะมีความสามารถเพียงเล็กน้อย แต่ข้ามองออกว่าท่านฉีอ๋องโดนอาคม!”
“อาคมอะไร เจ้ารู้ด้วยหรือ”
“รู้สิ แต่ทำลายไม่เป็น ต้องเชิญผู้ปราดเปรื่องอีกคน”
“ใครกัน เทียนอีไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง”
“ไม่เห็นกระต่ายย่างปล่อยอินทรี นอกจากข้าออกไปได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่บอก”
ฉีจิ่งอวิ๋นหลับตาเล็กน้อย
เขารู้ว่าสิ่งที่ผู้ถูกคุมขังภายในห้องขังฝั่งตรงข้ามพูดอาจจะเป็นเรื่องจริง เขากับมู่หรงฉีเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักเขามากกว่ารู้จักตัวเองเสียอีก
มู่หรงฉีภายนอกเย็นชา เหมือนกับพญายมอย่างยิ่ง แต่ภายนอกเย็นชาภายในอบอุ่น จิตใจอ่อนโยน เขาจะปฏิบัติต่อเหลิ่งชิงฮวนอย่างเย็นชาได้อย่างไร ผิดปรกติจริงๆ
ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ แค่ทุกคนไม่รู้เท่านั้น
เขาลืมตาขึ้นช้าๆ และรับปากอย่างตรงไปตรงมา “ได้ ข้าจะให้โอกาสท่าน และท่านต้องพยายามสุดแรงด้วย”
สุภาษิตกล่าวว่า เติมบุปผาบนผ้าแพรเป็นเรื่องง่าย ส่งถ่านกลางหิมะเป็นเรื่องยาก ขณะนี้ เขาเป็นเสือร่วงสู่พื้นที่ราบ คนรู้จักกันในอดีตล้วนหายหน้าหายตา อยากตัดความสัมพันธ์กับเขาแทบอดใจไม่ไหว แล้วใครจะมาหาเขาในคุกเพื่อคุยเรื่องเก่าๆ ล่ะ
นอกเสียจากเสิ่นหลินเฟิง
ถึงแม้เขาจะเป็นนักโทษสำคัญลับเฉพาะ แต่เสิ่นหลินเฟิงเป็นพนักงานสืบสวนหนักของคดีนี้ อยากพบเขาจึงไม่ยากนัก
ฉีจิ่งอวิ๋นบอกผู้คุมว่า เขานึกบางอย่างได้กะทันหันอยากอธิบายให้ชัดเจน จำเป็นต้องพบเสิ่นหลินเฟิง ผู้คุมจึงเรียกเสิ่นหลินเฟิงมาทันที
ทั้งสองคนพบหน้ากัน เพียงแค่ยิ้มให้กัน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีอะไรน่าพูดคุย และไม่มีอะไรแนะนำ
“เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าใช่หรือไม่”
ฉีจิ่งอวิ๋นผงกหัว “ ข้ารู้ว่าราชสำนักต้องการข้อมูลลับที่องครักษ์อินทรีอย่างข้าเก็บรวบรวมมาตลอดหลายปีนี้ ข้าจะบอกสถานที่กับท่าน”
“ทำไมจู่ๆ ถึงคิดได้ล่ะ เข้าไม่ยอมสารภาพมาโดยตลอดมิใช่หรือ”
ฉีจิ่งอวิ๋นยิ้ม “ใครใช้ให้พวกเราเป็นพี่น้องกันล่ะ โอกาสสร้างคุณงามความดีนี้มอบให้ท่าน แต่ว่าท่านอย่าโง่วิ่งไปค้นหาคนเดียวล่ะ มันจะทำให้คนทั้งราชสำนักห้ามท่าน กลัวว่าท่านจะแอบดูความผิดของพวกเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...