ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 446

สรุปบท ตอนที่ 446 เกรงว่าจิ่นอวี๋จะกลับเมืองหลวงไปแล้ว: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 446 เกรงว่าจิ่นอวี๋จะกลับเมืองหลวงไปแล้ว – ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บท ตอนที่ 446 เกรงว่าจิ่นอวี๋จะกลับเมืองหลวงไปแล้ว ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉลิมพล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ฉีจิ่งอวิ๋นกุมหัวใจแน่น ทนความเจ็บปวดประคองตนเองลุกขึ้นยืน “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“ตัวท่านใกล้จะตายอยู่แล้ว ยังจะห่วงเรื่องของคนอื่นไปทำไมกัน”

นักบวชอวิ๋นชิงเห็นเหลิ่งชิงฮวนเข้ามาในคุกเมื่อครู่ เลยยืดคอมองมาทางนี้ จึงเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่พอดิบพอดี แต่ทว่าเขาไม่กล้าเอ่ยปาก เนื่องจากท่าทางดุร้ายทั่วร่างกายของมู่หรงฉี ทำให้เขาหวาดกลัวมาก เกรงว่าหากไม่ระวัง ก็จะเสียชีวิตน้อยๆ ของตนไป

ฉีจิ่งอวิ๋นซึ่งพิงประตูห้องขังเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ โซ่เหล็กบนข้อมือเกิดเสียงกระทบกัน

“เพราะท่านเคยบอกว่าอาจจะมีโอกาสออกไปจากคุกสวรรค์แห่งนี้”

นักบวชอวิ๋นชิงทำเสียง ‘เชอะ’ ออกมา “ท่านปกป้องตัวเองยังยากเลย ยังจะควบคุมโชคชะตาของคนอื่นได้หรือ ท่านดูเป็นคนมีความสามารถ มิฉะนั้นคงจะเรียกพี่เรียกน้องกับท่านฉีอ๋องไม่ได้”

ฉีจิ่งอวิ๋นกระแอมเบาๆ สองที สั่นสะเทือนถึงบาดแผลภายใน เจ็บปวดจนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “ข้าออกไปไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าท่านทำไม่ได้ ข้าสามารถให้โอกาสท่านทำความดีล้างบาปได้”

อวิ๋นชิงเงียบขรึมอยู่ตรงนั้นชั่วขณะหนึ่ง เหมือนกำลังพิจารณาผลดีผลเสียอยู่ จากนั้นเดินมาที่ประตูห้องขัง จับราวกั้นและกล่าวกับฉีจิ่งอวิ๋นอย่างมั่นใจว่า “ถึงแม้ข้าจะมีความสามารถเพียงเล็กน้อย แต่ข้ามองออกว่าท่านฉีอ๋องโดนอาคม!”

“อาคมอะไร เจ้ารู้ด้วยหรือ”

“รู้สิ แต่ทำลายไม่เป็น ต้องเชิญผู้ปราดเปรื่องอีกคน”

“ใครกัน เทียนอีไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง”

“ไม่เห็นกระต่ายย่างปล่อยอินทรี นอกจากข้าออกไปได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่บอก”

ฉีจิ่งอวิ๋นหลับตาเล็กน้อย

เขารู้ว่าสิ่งที่ผู้ถูกคุมขังภายในห้องขังฝั่งตรงข้ามพูดอาจจะเป็นเรื่องจริง เขากับมู่หรงฉีเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จึงรู้จักเขามากกว่ารู้จักตัวเองเสียอีก

มู่หรงฉีภายนอกเย็นชา เหมือนกับพญายมอย่างยิ่ง แต่ภายนอกเย็นชาภายในอบอุ่น จิตใจอ่อนโยน เขาจะปฏิบัติต่อเหลิ่งชิงฮวนอย่างเย็นชาได้อย่างไร ผิดปรกติจริงๆ

ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ แค่ทุกคนไม่รู้เท่านั้น

เขาลืมตาขึ้นช้าๆ และรับปากอย่างตรงไปตรงมา “ได้ ข้าจะให้โอกาสท่าน และท่านต้องพยายามสุดแรงด้วย”

สุภาษิตกล่าวว่า เติมบุปผาบนผ้าแพรเป็นเรื่องง่าย ส่งถ่านกลางหิมะเป็นเรื่องยาก ขณะนี้ เขาเป็นเสือร่วงสู่พื้นที่ราบ คนรู้จักกันในอดีตล้วนหายหน้าหายตา อยากตัดความสัมพันธ์กับเขาแทบอดใจไม่ไหว แล้วใครจะมาหาเขาในคุกเพื่อคุยเรื่องเก่าๆ ล่ะ

นอกเสียจากเสิ่นหลินเฟิง

ถึงแม้เขาจะเป็นนักโทษสำคัญลับเฉพาะ แต่เสิ่นหลินเฟิงเป็นพนักงานสืบสวนหนักของคดีนี้ อยากพบเขาจึงไม่ยากนัก

ฉีจิ่งอวิ๋นบอกผู้คุมว่า เขานึกบางอย่างได้กะทันหันอยากอธิบายให้ชัดเจน จำเป็นต้องพบเสิ่นหลินเฟิง ผู้คุมจึงเรียกเสิ่นหลินเฟิงมาทันที

ทั้งสองคนพบหน้ากัน เพียงแค่ยิ้มให้กัน ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีอะไรน่าพูดคุย และไม่มีอะไรแนะนำ

“เจ้ามีอะไรจะสารภาพกับข้าใช่หรือไม่”

ฉีจิ่งอวิ๋นผงกหัว “ ข้ารู้ว่าราชสำนักต้องการข้อมูลลับที่องครักษ์อินทรีอย่างข้าเก็บรวบรวมมาตลอดหลายปีนี้ ข้าจะบอกสถานที่กับท่าน”

“ทำไมจู่ๆ ถึงคิดได้ล่ะ เข้าไม่ยอมสารภาพมาโดยตลอดมิใช่หรือ”

ฉีจิ่งอวิ๋นยิ้ม “ใครใช้ให้พวกเราเป็นพี่น้องกันล่ะ โอกาสสร้างคุณงามความดีนี้มอบให้ท่าน แต่ว่าท่านอย่าโง่วิ่งไปค้นหาคนเดียวล่ะ มันจะทำให้คนทั้งราชสำนักห้ามท่าน กลัวว่าท่านจะแอบดูความผิดของพวกเขา”

“ไม่ใช่” ฉีจิ่งอวิ๋นพูดเสียงเด็ดขาด “ข้าเห็นท่าทางของท่านพี่ผิดปกติไปอย่างชัดเจน ดังนั้นวันนี้ข้าจึงเรียกท่านมาโดยเฉพาะ”

เสิ่นหลินเฟิงทำงานเกี่ยวกับคนตายทุกวัน จึงไม่เชื่อเรื่องผิดแปลกที่สุด “ทำไมเจ้าถึงเชื่อพลังแปลกประหลาดพวกนี้ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นพวกหลอกลวงด้วย ท่านพี่นิสัยซื่อเที่ยงธรรมและซื่อตรง ภูตผีไม่เข้าใกล้ ใครจะเล่นกลอุบายบนร่างกายของเขาได้ ไร้สาระ ยิ่งกว่านั้น ยายหลิงตายไปแล้ว องค์หญิงจิ่นอวี๋ก็แต่งงานไปไกลถึงมั่วเป่ย ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง มันจะเป็นไปได้อย่างไร”

นักบวชอวิ๋นชิงชะงัก “ไม่อยู่เมืองหลวงหรือ แต่ท่าทางของท่านฉีอ๋องชัดเจนว่าโดนอาคม! เมื่อก่อนข้าเคยเห็นยายหลิงเสกคาถา คนโดนคาถาอาคมก็จะเป็นแบบนี้ เหมือนสติปัญญาไม่แจ่มแจ้ง ทำตามประสงค์ของผู้เสกคาถา ไม่มีความรู้สึกเป็นของตัวเอง”

ฉีจิ่งอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย “บนโลกนี้ไม่ได้มียายหลิงเพียงคนเดียว พูดอีกอย่าง จิ่นอวี๋แต่งงานไปไกลถึงมั่วเป่ย นางนังคงกลับมาได้ หากนางฝึกฝนคาถาคุมจิตสำเร็จแล้วจริงๆ ก็สามารถใช้มันควบคุมสติปัญญาของท่านพี่ได้ และสามารถควบคุมองค์ชายอันต๋ษได้เช่นเดียวกัน มันมีอะไรน่าแปลกหรือ”

“เจ้าหมายความว่า จิ่นอวี๋อาจจะอยู่ที่เมืองหลวงหรือ”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ สมมุติว่าจิ่นอวี๋แอบย้อนกลับมาเมืองหลวงกลางคันอย่างลับๆ หากท่านเป็นองค์ชายอันต๋า จะกราบทูลฝ่าบาทตามความจริงหรือไม่”

ไม่มีทาง!

“หากจิ่นอวี๋ย้อนกลับมาเมืองหลวงจริงๆ นางกลับวังหลวงไม่ได้เด็ดขาด ประกอบกับนางมีเจตนาร้ายอยู่ตลอดเวลา มีเจตนาไม่ดีต่อท่านพี่ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะซ่อนตัวอยู่ที่จวนฉีอ๋อง ภายในจวนฉีอ๋อง คนจนตรอกที่ยอมสมรู้ร่วมคิดกับนางเป็นใคร ข้าคงไม่ต้องพูดกระมัง” ฉีจิ่งอวิ๋นวิเคราะห์อย่างใจเย็น

“เหลิ่งชิงหลาง?”

“ดังนั้นเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการป้องกันก่อนเกิดเรื่องก็ตาม เสิ่นเฟิง ท่านต้องฟังข้าสักครั้ง หาวิธีช่วยเขาออกมา เขาสามารถหาคนมาทำลายคาถาคุมจิตได้”

เสิ่นหลินเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นักบวชอวิ๋นชิงไม่นับว่าใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงว่าเล็ก คาดว่าฮ่องเต้คงจะลืมเขาอยู่ตรงด้านหลังศีรษะไปตั้งนานแล้ว บางทีเขาอาจจะอยู่ได้แค่ที่นี่ไปตลอดชีวิต อยากหาทางรอดให้ตัวเองก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์

เขาพยักหน้าตกลง “เดี๋ยวข้าจะเข้าวัง ขอฝ่าบาทอภัยโทษเจ้าเป็นการชั่วคราวเนื่องจากช่วยคลี่คลายคดีนี้ หากเจ้าทำลายอาคมที่ท่านพี่ของข้าโดนได้ ข้าจะขอให้พระสนมฮุ่ยเฟยไปขอความเมตตาจากฝ่าบาทเพื่อให้อภัยโทษแก่ความผิดของเจ้า แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าพูดเกินจริง เช่นนั้นความผิดจะเพิ่มหนึ่งระดับ และจะฆ่าชีวิตของเจ้าทันที!”

นักบวชอวิ๋นชิงมั่นใจมาก ไม่ลังเลเลยสักนิด “รัชทายาทพระองค์วางใจเถิด ถึงแม้ข้าจะไม่มีความสามารถ แต่ไม่มีทางวินิจฉัยผิดแน่นอน ข้าจะพยายามสุดแรง เชิญผู้ปราดเปรื่องมาให้ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา