เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างมั่นใจและพยายามอธิบายให้เข้าใจง่าย “ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี และไม่จำเป็นต้องทำอย่างที่ท่านพูด แต่ว่าอาจจะรู้สึกเจ็บปวดมาก ข้าต้องสอดท่อเข้าไปทางจมูกของท่านเพื่อดูดก้างปลาออกมา แล้วกินยาติดต่อกันไม่กี่วันก็จะหายดี”
สี่กงกงที่รู้สึกท้อใจเมื่อได้ยินว่าตนยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็ตื่นเต้นขึ้นมา แต่ก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง “จะกลัวเจ็บไปทำไม หากสามารถปรนนิบัติไทเฮาต่อได้ จะตัดเนื้อเฉือนกระดูกกระหม่อมก็ไม่กลัว”
เหลิ่งชิงฮวนตรวจร่างกายของเขาอีกครั้ง ก่อนจะกำชับให้เขางดน้ำงดอาหาร ส่วนเธอต้องไปเตรียมตัว
เมื่อออกมาจากห้องของสี่กงกงแล้วกลับไปที่วังฉืออัน มู่หรงฉีที่ยืนอยู่นอกตำหนักเมื่อเห็นเธอก็ขมวดคิ้ว “เป็นอย่างไร”
“พอได้”
“พอได้หมายความว่าอะไร”
“หมายความว่ายังช่วยได้ ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเพคะ”
มู่หรงฉีมองเธออย่างไม่เชื่อ “เหลิ่งชิงฮวน หากเจ้าสามารถช่วยชีวิตสี่กงกงได้ เสด็จย่าของข้าก็จะยิ่งชอบเจ้า”
เหลิ่งชิงฮวนเงยหน้าขึ้น “ท่านอ๋องฉีหมายความว่าให้หม่อมฉันไม่สนใจคนที่กำลังจะตายต่อหน้าหรือเพคะ”
มู่หรงฉีสะอึก โดนตอกกลับจนพูดไม่ออก
เหลิ่งชิงฮวนยกยิ้มแค่ให้ไทเฮารู้สึกเสียดายเธอจะเป็นไรไป หากข้าก็ไม่มีสมองเหมือนกับท่าน คิดหาวิธีให้ไทเฮาดูถูก แบบนั้นจะไม่เป็นการขุดหลุมฝังตนเองหรอกหรือ?
“อย่าลืมสิเพคะ ไทเฮารับปากหม่อมฉันว่าหากสามารถช่วยสี่กงกงได้ก็จะตอบรับเรื่องหย่า ท่านอ๋องฉี วันหลังหากเจอหน้ากันก็โปรดเรียกหม่อมฉันว่าคุณหนูเหลิ่งด้วยนะเพคะ”
เธอเดินผ่านมู่หรงฉีไปรายงานอาการของสี่กงกงกับไทเฮา ไทเฮาดีใจจนเสียงสั่นขึ้นมาทันที
“สวรรค์คุ้มครอง เจ้าคือผู้ช่วยชีวิตที่พระโพธิสัตว์ส่งมาช่วยสี่จื่อน้อย เด็กดี เจ้าว่าต้องทำเช่นไรก็จงทำเสีย วันนี้คนในเรือนหมอหลวงทั้งหมดจะฟังคำสั่งของเจ้า”
เหลิ่งชิงฮวนก้มหน้าลง นึกถึงผมสีขาวและใบหน้าเหี่ยวย่นของสี่กงกง และรู้สึกว่าคำว่า “สี่จื่อน้อย” นั้นเต็มไปด้วยความสุข
“ขันทีน้อยที่ติดตาสี่กงกงนั้นฉลาดมากแค่ให้เขาช่วยก็พอเพคะ หม่อมฉันขอให้ไทเฮาส่งคนไปที่จวนอ๋องเพื่อนำกล่องยาของหม่อมฉันมาให้ด้วยเพคะ”
ไทเฮาออกคำสั่งทันที ก่อนที่ความเศร้าจะหายไป “ถ้าวันนี้เจ้าช่วยสี่จื่อน้อยได้ ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม”
เหลิ่งชิงฮวนนิ่งเงียบ “ชิงฮวนไม่ต้องการรางวัลอะไร ขอเพียงแค่ไทเฮายอมให้หม่อมฉันกับท่านอ๋องฉีหย่ากันเพคะ”
บรรยากาศที่กำลังดีแข็งตัวในทันที ไทเฮาเงยหน้าขึ้นเหลือบมองมู่หรงฉีและพูดอย่างเฉื่อยชา “เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
มู่หรงฉีกัดฟันและพูดอย่างหนักแน่น “ไม่”
ร่างกายของเหลิ่งชิงฮวนราวกับถูกฟ้าผ่า บุรุษผู้นี้เป็นบ้าหรืออย่างไร? เขาคือคนที่หัวเด็ดตีนขาดก็จะหย่าให้ได้ แต่ตอนนี้เกือบจะสำเร็จแล้วกลับมาเปลี่ยนใจกะทันหันหมายความว่าอย่างไร?
เหลิ่งชิงฮวนหันหน้าไปจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ท่านอ๋องได้ยินคำถามของไทเฮาไม่ชัดเจนหรือเพคะ?”
มู่หรงฉีไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอแต่ยังคงมีความรังเกียจที่ไม่อาจปกปิดบนใบหน้าของเขา เขายกริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา “ได้ยินไม่ผิด หลานไม่เห็นด้วยที่จะหย่ากับชายา”
เหลิ่งชิงฮวนอยากจะกระโจนเข้าใส่เขาและจิกกรงเล็บกระดูกขาวเข้าไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ขีดข่วนผิวหนังจนเสียโฉม
“ทำไมเพคะ? ท่านอ๋องรังเกียจหม่อมฉันไม่ใช่หรือ?”
พักใหญ่กว่ามู่หรงฉีกว่าจะเอ่ย “สะใภ้ทำดีกับคนอื่น มีบุรุษผู้ใดจะไม่รังเกียจบ้างล่ะ”
ไทเฮาหัวเราะ “ใช่แล้ว คู่สามีภรรยาจะอยู่กันโดยไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันได้อย่างไร? ทะเลาะกันไม่นานก็หาย มีที่ไหนทะเลาะกันแล้วจะหย่า?”
“ไม่ใช่เพคะ” เหลิ่งชิงฮวนยังคงพยายามดิ้นรน “พวกเรา…”
มู่หรงฉีคว้ามือของเธอแล้วดึงออกมา “วันนี้ข้าหุนหันทำไม่ดีกับเจ้า เมื่อกลับจวนข้าจะขอโทษขอโพยเจ้า เจ้าอย่าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าเสด็จย่าเลย”
ชายผู้กินยาผิดหรือเปล่า? มือของเหลิ่งชิงฮวนถูกโอบด้วยฝ่ามือที่หยาบกร้านของเขา เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและพยายามดิ้นรนอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรก็ถูกมู่หรงฉีลากออกมานอกวังฉืออันไทเฮาที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มีเหตุผลพอแล้ว “ไม่ใช่ว่าข้าปฏิเสธที่จะตกลง แต่เป็นเพราะฉีเอ๋อร์ไม่เต็มใจ”
นี่…
เมื่อไม่มีคนอื่นอยู่มู่หรงฉีก็เหวี่ยงเธอออกไปอย่างเย็นชาด้วยแรงที่มีจนเธอเซและเกือบล้มลงไป
ไฟโมโหของเธอลุกโชนขึ้นมาทันที “มู่หรงฉี สมองท่านโดนลาถีบมาหรือไง ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ท่าทีของมู่หรงฉีที่อยู่ต่อหน้าไทเฮาเปลี่ยนไป เขามองเธอด้วยรอยยิ้มเย็น “แล้วที่เจ้าพยายามทำให้เสด็จย่าพึงพอใจทั้งๆ ที่เอาแต่พูดเรื่องหย่า เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
บุรุษผู้นี้ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด!
เหลิ่งชิงฮวนโมโหจนอยากจะทุบคน “มู่หรงฉี ท่านมันพวกคลั่งชาติ! หยิ่งยโสและโง่เขลา! หลงตัวเอง! โหดเหี้ยมชั่วร้าย ทำเรื่องชั่วช้า พระโพธิสัตว์ถูกทำลายแน่ๆ หม่อมฉันถึงได้แต่งงานกับท่าน”
ดวงตาของมู่หรงฉีเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาอยากจะเผาผู้หญิงตรงหน้าให้เป็นเถ้าธุลี “โทษที่ข้าฆ่าคนมากเกินไป เจ้าถึงได้กลายเป็นเวรกรรมของข้า”
เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันกรอด “ว่ามาว่าท่านต้องการอะไร จะหย่าหรือไม่หย่า?”
“วันนี้ไม่ได้”
“วันแต่งงานต้องดูฤกษ์ หรือว่าวันหย่าก็ต้องให้สำนักดูดาวหลวงมาคำนวณแผนภูมิสวรรค์ให้ด้วยหรือเพคะ” เหลิ่งชิงฮวนโมโหหน้าดำหน้าแดง
มู่หรงฉียิ้มเย็น “เจ้าไม่สามารถไปอยู่กับเขาได้จึงโกรธหรือ?”
เหลิ่งชิงฮวนสูดหายใจลึก “ใช่ หม่อมฉันแทบทนไม่ไหว หม่อมฉันไม่อยากจะอยู่ที่จวนของท่านอีกแล้ว ต่อให้หม่อมฉันต้องไปร่อนเร่พเนจรหิวโซก็ยังดีกว่าต้องทนเห็นหน้าท่านทุกวัน”
กระดูกสันหลังของมู่หรงฉีตึง เขากำมือแน่นเส้นเลือดบนศีรษะปูด “เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำตามความปรารถนาของเจ้า! เหลิ่งชิงฮวนตราบใดที่ข้ายังไม่ยอมเอ่ยปาก เจ้าจะยังคงเป็นพระชายาแห่งจวนอ๋องฉี คิดจะไปอดอยากกับชายอื่นหรือ ฝันไปเถอะ”
บุรุษผู้นี้มีปัญหาแน่นอน ขัดแย้งไปหมดไม่รู้อะไรเป็นอะไร นี่เขาต้องการตัดขาดเส้นทางชีวิตของเธอชัดๆ
เหลิ่งชิงฮวนยกยิ้มเย็น ยกชายกระโปรงขึ้น ก่อนจะฉวยโอกาสที่มู่หรงฉีไม่ทันระวังตัวกระโดดถีบขาใส่ต้นขาของเขา “มู่หรงฉี ไปตายซะ!”
เทพสงครามผู้เกรียงไกรไม่ทันได้ระวังว่าสตรีที่โกรธจัดตรงหน้าจะถึงขึ้นลงมือลงไม้กับเขา
ผู้คนในวังต่างเฝ้ามองความสนุกนี้จากระยะไกล เมื่อเห็นพระชายากำลังทุบตีคนก็พากันตกตะลึงแข็งทื่อเหมือนรูปปั้น
มู่หรงฉีเสียหน้ามาก เขาคิดจะโจมตีกลับแต่ไม่สามารถทำได้เพราะเหลิ่งชิงฮวนจากไปพร้อมกับความโกรธแล้ว
เหลิ่งชิงฮวนกลับไปยังที่พักของสี่กงกง เตรียมห้องให้สะอาดสำหรับการเตรียมการก่อนการผ่าตัดอย่างง่าย
กล่องอาหารที่บรรจุยาถูกนำเข้ามา เธอกำชับขันทีน้อยว่าควรระวังอะไรระหว่างการผ่าตัดก่อนจะฉีดยาชาให้สี่กงกง ก่อนจะแสร้งทำเป็นหยิบกล้องไฟเบอร์สโคปออกมาจากกล่องอาหารเพื่อเริ่มการผ่าตัด
การผ่าตัดนี้ไม่ซับซ้อน คนในวังเมื่อได้ยินว่าสี่กงกงถูกก้างปลาทิ่มจนปอดทะลุก็ไม่เชื่อ พากันมาอออยู่หน้าประตู เมื่อเหลิ่งชิงฮวนคีบก้างปลาออกมาจากปอดของสี่กงกงทุกคนก็ตกตะลึง
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่าก้างปลาสามารถทิ่มเข้าไปในปอดได้ และเป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่ามีคนสามารถนำสิ่งแปลกปลอมในปอดออกมาผ่านทางจมูกได้
มีคนวิ่งไปรายงานสถานการณ์ให้ไทเฮาทราบ
แม้ว่าการผ่าตัดเล็กๆ นี้จะไม่เจ็บปวดแต่ผู้ป่วยจะรู้สึกอึดอัดมาก หลังจากดึงท่อออกสี่กงกงก็ไออย่างรุนแรงและมีเลือดออกมา เหลิ่งชิงฮวนกล่าวว่าไม่มีอะไรร้ายแรง ก่อนจะเสียบสายน้ำเกลือให้เขาอีกขวดและคอยสังเกตสถานการณ์
อาการไอของสี่กงกงค่อยๆ ทุเลาลง เขามองดูเหลิ่งชิงฮวนอย่างซาบซึ้ง “ลำบากพระชายาต้องมารักษากระหม่อมแล้ว กระหม่อมรู้สึกขอบคุณจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรกับพระคุณนี้”
เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยเรียบๆ “แค่ถือว่าข้าเป็นหมอก็พอแล้ว การช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของข้า”
สี่กงกงอายุมากแล้ว น้ำตาของเขาเอ่อคลออยู่ในดวงตาที่เหี่ยวย่น “ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าไท่จวินแห่งจวนอันกั๋วกงจะเอ่ยชมพระนางไม่หยุด พระชายามีความเมตตากรุณาจะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีแน่ๆ”
หัวใจของเหลิ่งชิงฮวนไหววูบ “เหล่าไท่จวิน? นางเข้ามาในวังหรือ?”
สี่กงกงพยักหน้า “เมื่อสองวันก่อนกระหม่อมเข้าไปในวังและคุยกับไทเฮาอยู่พักหนึ่ง กระหม่อมร่างกายไม่ค่อยดีจึงไม่ได้อยู่ฟังนาน”
เหลิ่งชิงฮวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ามีคำขอหนึ่ง ไม่รู้ว่าสี่กงกงจะช่วยได้หรือไม่”
สี่กงกงกระแอมสองครั้ง “พระนางไม่ต้องกังวล ตราบใดที่กระหม่อมสามารถทำได้ ก็จะทำให้ดีที่สุด”
“ข้าอยากรู้ว่าเมื่อครู่นี้ข้ามาเยี่ยมสี่กงกง ไทเฮากล่าวอะไรกับท่านอ๋องฉี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
โอ๊ยยยยยยย ปวดตับ น้ำตาท่วมเลยยยยย ฮือออออออ😫😫...
แอดน่ารักที่ซู๊ดๆๆๆๆๆๆ...
นางเอก บ้า วันๆ ทำแต่เรืองไร้สาระ...
ปญอ. พระเอกนางเอก ทะเลาะกันทั้งเรื่อง...
เมื่อไหร่จะหย่าซะที ได้แต่พูด เบื่อ...
แอดกลับจากพักร้อนแล้ว ดีใจจัง จุ๊ฟๆๆๆ...
แอดขา...ตอนนี้กำลังจะเริ่มพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อตามแอดกลับมาอัพต่อแล้วนะคะ..แอดอยู่หนายยยย..จุ๊กกรู๊ๆๆๆๆๆๆ😅😄🤗😊...
แอดดดดดดด ลูกบ้านให้อภัยแล้ววววว กลับมาเร็วๆ...
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวอีกแล้ว สงสารเถอะ อัพหน่อย...
ไหงตัดจบกันแบบนี้🙄🙄...