ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 452

หลังจากดาบสว่างไสว เหลิ่งชิงหลางกรีดร้องเสียงแหลม นึกไม่ถึงว่าเอ็นร้อยหวายจะโดนฟันขาดทั้งเป็น

นางเจ็บปวดจนขดตัวกลม เลือดท่วมตัว

ส่วนมู่หรงฉี โยนเหลิ่งชิงหลางออกไป เหมือนกับยกก้อนหินขนาดพันจวิน ข้อมือสั่นระริก ซวนเซไปข้างหน้า เอาดาบยันพื้น คุกเข่าลงบนพื้นข้างเดียว เลือดคั่งไหลทะลักออกมา

เขารู้สึกเหมือนสูญเสียพละกำลังทั่วเรือนร่าง แม้แต่ยกมือขึ้นยังลำบาก และรู้สึกมึนหัว

เสิ่นหลินเฟิงรีบเดินทางมาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยนักบวชอวิ๋นชิงกับนักพรตเต๋าเทียนอี มุ่งไปยังตำหนักฉาวเทียนอย่างร้อนใจ

เห็นเพียงเหลิ่งชิงฮวนนอนอยู่ในอ้อมแขนของโตวโตวซึ่งกำลังร้องไห้แทบขาดใจ มู่หรงฉีกุมทรวงอกแน่น ดูโมโหอย่างยิ่ง

ช้าไปหนึ่งก้าว

แส้ม้าภายในมือร่วงลงพื้นอย่างผิดหวัง เสิ่นหลินเฟิงออกแรงดึงผมของตนเองขาด เหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด และร้องไห้สะอึกสะอื้น

เขากำลังเสียใจ ทำไมตอนนั้นตนถึงไม่ใส่ใจคำพูดของฉีจิ่งอวิ๋น หากเขาพานักบวชอวิ๋นชิงไปเชิญคนด้วยตนเอง ไม่ใช่เอาแต่จัดการข้อมูลพวกนั้น ขอเพียงเร็วกว่านี้สักหน่อย ต้องช่วยให้รอดพ้นได้แน่นอน พี่สะใภ้ก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง

ต้องโทษที่ตนมั่นใจในตัวเองมากเกินไป จนกระทั่ง เรื่องราวไม่อาจยับยั้งไว้ได้

นักพรตเต๋าเทียนอีเบื่อหน่ายกับสถานที่แห่งการสู้รบตบมือกันอย่างเมืองหลวง เวลานี้ของทุกปี จะพักผ่อนอยู่ในอารามเหมยฮวาที่ห่างจากเมืองหลวงไม่ถึงยี่สิบลี้ เล่นหมากรุกและเอาดอกเหมยขี้ผึ้งอ่อนตากแห้งมาต้มชาท่ามกลางหิมะตกกับผู้ดูแลอารามที่นั่น จนใกล้ถึงคืนของวันก่อนปีใหม่ ถึงจะกลับเมืองมาชมปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์

อวิ๋นชิงไม่ทราบว่าเขาคือนักพรตเทียนอีชื่อดัง แค่คุ้นเคยกับผู้ดูแลอารามเท่านั้น เมื่อรู้ว่ามังกรไสยาสน์ซ่อนอยู่ในอาราม ผู้ปราดเปรื่องที่พูดถึงก็คือเขา เลยไปยังอารามเหมยฮวาและบอกกล่าว พอเทียนอีได้ยินว่าเป็นจวนฉีอ๋อง จึงรู้ว่าเรื่องราวท่าไม่ดีแล้ว จึงรีบเดินทางกลับมา ใครจะรู้ว่าจะมาช้าไปหนึ่งก้าว

เทียนอีส่ายหน้าพรางถอนหายใจ “ยาพิศวาส ยาข่มจิต ประกอบกับคาถาคุมจิตใช้อุบายสามประเภทกับคนคนเดียว นึกไม่ถึงว่ายังสามารถอาศัยความคิดของตนเองทำลายมันได้ เขาโดนพลังของสิ่งชั่วร้ายทำลายอวัยวะภายใน”

ก้าวขึ้นไปข้างหน้าและควักยาเม็ดออกมาจากแขนเสื้อ “ท่านอ๋องขอแสดงความเสียใจด้วย โปรดดูแลตัวเองให้มากๆ”

มู่หรงฉีกัดฟันแน่น หายใจรุนแรง เงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังอันร้อนแรง “ท่านนักพรตรู้คาถาปลุกชีพหรือไม่”

เทียนอีมองหน้าเหลิ่งชิงหลางที่เงียบสงบ พลันส่ายหน้า “พรหมลิขิตนำพาให้คนสองคนมาพบกัน เมื่อหมดเวรหมดกรรมแล้วทั้งสองย่อมแยกจากกัน ท่านอ๋องจะดื้อดึงไปทำไม”

ความหวังในดวงตาของมู่หรงฉีแตกสลาย ซ้ำยังไม่รับยาเม็ดภายในมือของเทียนอี แต่กลับนึกเรื่องสำคัญมากขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน จับมือเสิ่นหลินเฟิงแน่น “เร็วเข้า จิ่นอวี๋ยังอยู่ที่เรือนจื่อเถิง อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้เด็ดขาด”

เรือนจื่อเถิง

ขณะที่มู่หรงฉีกระอักเลือดออกมา จิ่นอวี๋นั่งขัดสมาดอยู่บนเตียงนอน กุมทรวงอกแน่น มีเลือดไหลออกมาจากคอ

นางขดตัว ความเจ็บปวดตรงทรวงอกทำให้นางขยับตัวไม่ได้

นางรู้ดีว่าความรู้สึกเจ็บปวดแบบฉับพลันนี้มาจากไหน นี่คือการย้อนเข้าตัว นางโดนอาคมย้อนเข้าตัวเอง แสดงว่าอาคมที่นางใช้กับมู่หรงฉีถูกทำลายแล้ว!

นางรู้มาโดยตลอดว่ามู่หรงฉีเป็นบุรุษที่อานุภาพจิตใจแข็งแกร่ง อาศัยเพียงฝีมือของตน ไม่มีทางควบคุมจิตใจของเขาได้ตลอดกาล ดังนั้นนางจึงไม่มีความคิดอื่นๆ ต่อมู่หรงฉี แต่กลับให้เหลิ่งชิงหลางเป็นคนออกหน้า อีกทั้งยังไม่ให้เวลาเหลิ่งชิงฮวนหายใจและตรวจสอบด้วยความสงสัย จนสถานการณ์ตึงเครียดอย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ ควบคุมมู่หรงฉีและฆ่าเหลิ่งชิงฮวน ในสายตาของมู่หรงฉี เหลิ่งชิงหลางก็คือผู้ร้ายที่เสี้ยมให้แตกกัน ส่วนตนเอง ก็สามารถถอยได้อย่างเต็มที่

ตอนนี้อาคมถูกทำลายแล้ว มีเวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้น ถึงแม้ตนจะเปลืองกำลังมากมายถึงจะรวบรวมยาพิศวาทและยาข่มจิตมาได้ นึกไม่ถึงว่าจะยังควบคุมจิตใจของมู่หรงฉีไม่ได้

หากเปลี่ยนเป็นชายอื่น คงจะทิ่มแทงเข้าเหลิ่งชิงฮวนจนหนาวจับใจไปนานแล้ว

บัดนี้อาคมถูกทำลายแล้ว ไม่นานมู่หรงฉีคงหาที่นี่เจอแน่ ดังนั้นนางจำเป็นต้องออกไปจากที่นี่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา