ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 460

คนของหอซ่อนดาบอาศัยแหวนปานจื่อ ตามที่เหลิ่งชิงฮวนสั่ง จัดการตามความปรารถนาสุดท้ายของฉีจิ่งอวิ๋นสำเร็จเรียบร้อย อีกฝ่ายมอบจดหมายลายมือถึงมือของเหลิ่งชิงฮวน

เหลิ่งชิงฮวนนั่งเฝ้าเตาถ่านอยู่ เปิดจดหมายลายมือ นั่นเป็นบันทึกที่เขียนด้วยลายมือของฉีจิ่งอวิ๋น เขียนบันทึกเอาไว้ เกือบจะทุกเรื่องเล็กน้อยที่่เกี่ยวข้องกับมู่หรงฉี

เธอพลางอ่านไปหัวเราะไป ดวงตาเริ่มแดงโดยไม่รู้ตัว

ปกด้านใน ฉีจิ่งอวิ๋นบันทึก : วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าได้เป็นพระสหายเรียนหนังสือร่วมกับองค์ชายสาม ท่านพ่อก้มหัวให้เขาด้วยความเคารพ ให้ข้าเรียกเขาว่าองค์ชายสาม ทว่าข้ากลับคิดเองเออเอง เช่นเดียวกับหลินเฟิง ที่เรียกเขาว่าท่านพี่

ท่านพ่อจ้องข้าตาเขม็ง โกรธที่ข้านั้นไร้มารยาท มู่หรงฉีทำตัวเหมือนเป็นผู้ใหญ่ในคราบเด็ก โบกมือให้กับท่านพ่อ ไม่เป็นไร ล้วนเป็นคนในครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น

เพียงชั่วพริบตาท่านพ่อก็ดีใจอย่างคาดไม่ถึง

เป็นจริงอย่างที่หลินเฟิงพูด องค์ชายสามผู้นี้ถึงแม้ดูแล้วเป็นคนจริงจัง เย็นชา แต่จริงๆแล้วนั้นเป็นคนดีมาก นับแต่นี้ต่อไป เขาคือ่ท่านพี่ของข้า

เมื่อพลิกหน้าต่อไป ล้วนเป็นชีวิตเล็กๆน้อยๆที่เรียบง่าย

วันนี้ ท่านพี่ถูกท่านพ่อลงโทษแล้ว ต้องโทษข้าที่เป็นต้นเหตุ ท่านพี่ใหญ่ที่จวนโกรธที่ข้าสนิทสนมกับท่านพี่ สาดน้ำแข็งรดใส่หัวข้า ตกดึกข้าเริ่มจับไข้ แต่ว่า ในจวนไม่มีใครออกหน้าแทนข้าตำหนิท่านพี่ใหญ่เลยสักคน

เขาเป็นราชโอรสองค์โตสุดของจวน เป็นผู้ที่จะมาสืบราชบัลลังก์ต่อไปในอนาคต ส่วนข้า ไม่ใช่น้องชายของเขา เป็นแค่หมาตัวหนึ่งที่เขาให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงมาจนโตเท่านั้น

หลังจากที่ท่านพี่ทราบเรื่อง ก็จับตัวท่านพี่ใหญ่ที่กลัวความสูงแขวนไว้กับเสาธงอยู่ครึ่งวัน ท่านพี่ใหญ่กลัวจนฉี่ราดรดกางเกง น้ำหูน้ำตาเลอะเปรอะเปื้อนเต็มหน้า ไม่ต้องพูดถึงว่าลำบากขนาดไหน

เรื่องไปถึงหูองค์ฮ่องเต้เข้า ท่านพี่รับโทษความผิดทั้งหมด ข้ากับหลินเฟิงนั้นรอดปลอดภัย แต่เขากลับถูกโบยด้วยไม้กระดาน เขาบอกว่า ยานั้นทาบนแผลแล้ว เย็นชุ่มชื่น แต่สบาย แต่ข้ากลับร้องไห้

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ เปิดอ่านหน้าต่อไป

วันนี้ท่านพี่ชนะศึกสงคราม นำชัยชนะกลับมา ขี่อยู่บนหลังม้าสูงใหญ่ ประชาชนส่งเสียงโห่ร้องต้อนรับตลอดสองข้างทาง เขาดูตื่นเต้นมีชีวิตชีวา ไม่ต้องพูดถึงความน่าเกรงขามเลย

ข้ากับหลินเฟิงอิจฉามากเลยล่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต่อสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ร่วมกันสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ แต่พวกเราก็ทำได้เพียงจ้องตาเป็นมัน

พวกเราสามคนพบกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน กินเหล้าด้วยกัน ท่านพี่เล่าถึงการต่อสู้ในสนามรบ วางแผนอย่างรอบคอบ หลินเฟิบอกว่าการสะสางคดีความของเขานั้นเหมือนขั้นเทพ ส่วนข้า ไม่ประสบความสําเร็จอะไรเลย ได้เพียงแต่พูดคุยกับพวกเขา เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกเหล่าพี่น้องพามาให้ความรู้ชีวิตสำมะเลเทเมาที่เรือนหลิงหลาง อธิบายเรื่องขายหญิงที่มันเกินจริง เล่าเรื่องตลกเหล่านั้นที่ทำคนให้หน้าแดงใจเต้น

ถึงแม้ว่าท่านพี่จะโตมากกว่าข้าแค่ปีเดียว แต่กลับไม่มีความรู้เกี่ยวกับเร่ืองชายหญิงเลย หลังจากฟังที่ข้าเล่าจบ เขาก็รู้สึกกลัวและพูดว่า โชคดีเสด็จตาขวางข้าไว้ตอนแรก ไม่ได้เพิกเฉยต่อผลประโยชน์ของข้า ที่แท้ก็ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอยู่อีก

เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงเรื่องน่าอับอายที่พระสนมฮุ่ยเฟยเล่าให้ตัวเองฟัง ในใจหัวเราะเยาะเย้ยเเละด่าว่า “ซื่อบื้อ” แล้วพลิกอ่านต่อไป

กลับมาด้วยชัยชนะอีกครั้ง ท่านพี่ได้รับตราประทับกษัตริย์ตั้งแต่อายุยังน้อย และจวนคฤหาสน์อีก เขาใช้เงินส่วนตัวช่วยข้าเริ่มทำธุรกิจ เขาบอกว่าข้าไม่สามารถอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรต่อไปได้อีก จะถูกคนดูแคลนเอา

และเขาก็จัดพิธีประดับหมวกยิ่งใหญ่ พระสนมฮุ่ยเฟยมอบขอบขวัญให้แก่เขาเป็นสาวงามสองคนที่เกิดมาจันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง

ลูกหลานของพวกเราทุกคน โดยพื้นฐานแล้วเมื่ออายุ 14-15 ปีก็ไม่สามารถหลบหนีเงื้อมมือการวางยาในชาของพวกบ่าวไพร่ในจวนได้ หลังจากเริ่มตั้งสติได้แล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้ รับสาวใช้ห้องข้างมาตั้งแต่เนิ่นๆ

ท่านพี่ก็อายุ20ปีแล้ว ยังไม่ยอมแต่งตั้งพระชายา ปล่อยจิ่นอวี๋ไว้กับพระสนมฮุ่ยเฟยไม่สนใจ อยู่นานหลายปี ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง ไม่คิดเลยว่าจะอ่อนประสบการณ์ ข้าคิดดูแล้วก็รู้สึกตลก

เมื่อมองไปที่สาวงามทั้งสองคนนั้น เอวบางร่างน้อย เหมือนกับงู อิจฉานิดหน่อย ข้ากับหลินเฟิงปรึกษากับเรียบร้อยแล้ว ว่าคืนนี้จะแอบไปฟังที่มุมกําแพง ดูสิว่าท่านพี่ผู้สง่าน่าเกรงขาม ทะเยอทะยานโอหัง จะยกศัพจับศึกภายในห้องอย่างไร? สามารถยิงหนึ่งนัดเลือกสาวงามมาได้อย่างราบรื่นหรือไม่?

ท่านพี่คงจะไม่ได้ล้มพวกนางทั้งสองคนในเวลาเดียวกันหรอกนะ?

ในวันที่อากาศหนาวจัด ข้ากับหลินเฟิงแอบปีนขึ้นไปบนหลังคาของเขา เปิดกระเบื้องมุงหลังคา ตั้งใจกลั้นหายใจรอ หนาวจนน้ำมูกไหลออกมา ท่านพี่ถึงจะกลับถึงห้อง

ไม่คิดเลยว่าาสาวงามทั้งสองคนนั้นดุร้ายมาก ก้าวขึ้นไปคว้าเส้ือของท่านพี่ไว้ แล้วถอดเสื้อออกให้เขา

ท่านพี่สีหน้าตกใจ พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”

สาวงามหวานหยาดเยิ้ม พระสนมฮุ่ยเฟยสั่งให้พวกเราสองคนสอนท่านเรื่องความสุขเพคะ

ท่านพี่ ความสุขจริงเหรอ?”

สาวงาม ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างเลยล่ะเพคะ

ท่านพี่หยักหน้า การมีวาสนาก็คือการมีพรร่วมกันก็ยากที่จะแบ่งปัน ในเมื่อเป็นเรื่องของความสุข ข้าไม่สามารถเก็บไว้คนเดียวได้

เขาสั่งให้ทหารอารักขาในจวนหนึ่งคนย้ายอิฐหนึ่งก้อน ไปนั่งที่หน้าประตูตำหนักฉาวเทียน เรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นเงยหน้ามองสาวงามทั้งสองคนตาปริบๆ ดูสิว่านางจะสอนอะไรเรื่องความสุข

สาวงามอับอายจนใจร้อนลุ่ม เหมือนกับกุ้งที่ต้มสุกแล้ว สะบัดผ้าคลุมมือปิดหน้า กัดฟันแน่น

ท่านพี่เข้าใจได้ในทันที หรือว่าทำผ้าเช็ดหน้าหล่นหาย?”

ข้ากับหลินเฟิงนอนอยู่บนหลังคา หนาวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว มองดูสาวงามกับทหารอารักขากลุ่มหนึ่งเล่นมอญซ่อนผ้าอยู่ที่ลานตำหนักฉาวเทียน อยากจะกลับก็กลับไม่ได้แล้ว เล่นจนต่อมาจนสาวงามถูกกลุ่มชายหนุ่มไม่ดีเล่นจนร้องไห้ด้วยความเหนื่อยล้า

เมื่อท่านพี่ตื่น ถึงจะพอใจ โบกมือใหญ่ ไม่สนุกเลยสักนิด น่าเบื่อจริงๆ พวกเจา้จะอยู่ให้อาหารม้าต่อ หรือกลับวัง เลือกเองล่ะกัน

สาวงามเดินร้องไห้ฟูมฟายกลับไป

หลินเฟิงจาม สั่นจนกระเบื้องหลังคาเกือบจะปลิวไป

ท่านพี่จงใจ เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเราสองคนอยู่ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา