ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 463

สรุปบท ตอนที่ 463 ห้าปีต่อมา: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 463 ห้าปีต่อมา – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 463 ห้าปีต่อมา ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ห้องตำรา จวนอ๋องฉี

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ยินคำสั่งของมู่หรงฉีจึงเข้ามาด้านใน

มู่หรงฉีเอนศีรษะของเขาลงบนเก้าอี้ ตาของเขาปิดแน่น ตอหนวดเขียวครึ้มปรากฏที่ปลายคาง ซึ่งช่วยเพิ่มความซีดเซียวและโชกโชนให้กับเขา

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดก้าวเท้าเบา ๆ และปิดประตูห้องตำรา

มู่หรงฉีเปิดเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง

"มีข่าวอะไรหรือไม่?"

"โฉวซือเส่าออกเดินทางไปเจียงหนานแล้วขอรับ”

“เมื่อไหร่ กับใคร?”

“เมื่อรุ่งเช้า มีเพียงภรรยาและพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้นที่เข้าไปในรถม้าพร้อมกับทารกน้อยในอ้อมแขน”

“เจ้าไม่เห็นพระชายาหรือ?”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเงียบ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างระมัดระวัง “พระชายาจากไปแล้วขอรับ ท่านอ๋อง ท่านเห็นด้วยตาของท่านเอง หัวใจนางหยุดเต้น คนตายจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไรขอรับ”

“แต่คนในโม่เป่ยและหนานจ้าวบอกว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ แล้วใครจะเป็นคนพาชิงฮวนไป?จะต้องมีเหตุผลอะไรแน่ อีกอย่างข้าไม่เชื่อว่านางจะฆ่าตัวตาย นางเป็นแม่คน”

“พระชายาตกจากหน้าผา ไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอนขอรับ”

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกลี้ยกล่อมอย่างระมัดระวัง และรอเป็นเวลานานโดยที่ศีรษะของเขาโค้งคำนับ เขาก็ศีรษะอยู่นาน แต่มู่หรงฉีกลับไม่ได้ดุด่าเขาเหมือนเช่นเคย เขาเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบๆ เห็นมู่หรงฉีจ้องมองไปด้านหน้า ร่างกายโอนเอียง ก่อนจะกระอักเลือดออกมา

ร่างของมู่หรงฉีค่อยๆ ล้มลง เขาทนแทบไม่ไหว ความหวังสุดท้ายของเขาขาดสะบั้น เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป

รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดตกใจ “ทหาร รีบเรียกหมอมาเร็ว”

มู่หรงฉีป่วย เขาหมดสติไปหลายวัน

หมอเองก็ไม่มีฝีมือ บอกว่าเขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจมากเกินไป ต้องกินยาและรักษาเป็นเวลานาน

ส่วนเรื่องว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาไหม ต้องดูที่จิตใจของเขา

พระสนมฮุ่ยเฟยและฮ่องเต้ต่างร้อนใจ พวกเขาเสาะหาหมอฝีมือดีจากทั่วทุกสารทิศ โรคหัวใจรักษาด้วยยาโรคหัวใจ มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?

โรคภัยมาราวกับเทือกเขาถล่ม โรคจากไปราวเส้นไหม โดยเฉพาะกับคนที่แข็งแกร่งเช่นมู่หรงฉี เพียงแค่ล้มลง ก็ยากจะลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เขาป่วยตลอดช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็กลับมามีพละกำลังและสวมชุดคลุมต่อสู้ ถือดาบยาว กระโดดขึ้นหลังม้า

เจ้าสุนัขตัวน้อยขนสีขาวราวหิมะได้เติบโตมาอย่างหล่อเหลาและสง่างาม หางของมันเชิดสูงรวมกับขนที่ยาวสลวยทำให้ดูเหมือนกับมันกางร่มไว้บนหลัง หางนั้นส่ายไปมาทุกครั้งที่เจอผู้คน มันดูราวกับจิ้งจอกหิมะ

มู่หรงฉีควบม้าไปบนถนน เจ้าสุนัขน้อยตัวนั้นไล่ตามหลังเขา มันวิ่งสุดแรงเกิดด้วยอุ้งเท้าเล็กๆ เหนื่อยหอบจนลิ้นห้อย

เพียงแค่มู่หรงฉีหันหลังกลับมามอง มันก็จะกระโดดอย่างดีใจขึ้นมาทันที ราวกับต้องการจะขึ้นไปบนหลังม้า

หนึ่งคน หนึ่งม้าและสุนัขหนึ่งตัว เห็นได้ชัดว่าดูสง่างาม แต่คนทั่วไปในเมืองหลวงต่างสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างจากแผ่นหลังของมู่หรงฉี

ดังนั้นหลายปีมานี้ผู้คนยังพูดถึงการกระทำของพระชายาในอดีตด้วยความสนอกสนใจ

ช่วงเวลาห้าปี ไม่นานแต่ก็ไม่เร็ว

เวลาเปลี่ยน ทุกสิ่งอย่างเปลี่ยน ผู้คนเปลี่ยน แต่ละวันเมืองหลวงก็เปลี่ยนไป ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน

เวลาห้าปีสามารถขัดเกลาให้คนหนึ่งคนดูเฉียบแหลมขึ้น สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของคนคนหนึ่งได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาบาดแผลและช่วยทำให้ลืมสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจ

อวี้โจวอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง เพียงแค่คั่นด้วยแม่น้ำฮวงโห ผู้ประสบภัยพิบัติพาลูกๆ ของพวกเขาและคนชรามาที่เมืองหลวงเพื่อหาเลี้ยงชีพ จึงทำให้โรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง แม้แต่ขันทีในราชวังก็ติดโรคไปด้วย

พริบตาเดียวคนในพระราชวังก็ตื่นตระหนกและอยู่ในความไม่สบายใจ

ฮ่องเต้สั่งให้โรงแพทย์หลวงทำการรักษาทั้งกลางวันและกลางคืน แต่หลายวันมานี้กลับไม่ได้ผลใดๆ

ขุนนางบางคนกล่าวโทษกันเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยพิบัติในอวี้โจว ฮ่องเต้หลงเหยียนโกรธมาก เขาส่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไปที่อวี้โจวเพื่อตรวจสอบและประเมินสถานการณ์โดยรวมทันที

พระราชประสงค์ของฮ่องเต้ยังไม่ทันจะได้หลุดรอดออกไป พวกขุนนางในราชสำนักก็บอกว่าพวกเขาป่วย เป็นความหมายว่าพวกเขาไม่อยากไปบรรเทาทุกข์ที่อวี้โจว

เพราะภัยพิบัติในอวี้โจวเข้าขั้นวิกฤติแล้ว ใครจะกล้าวิ่งเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงกันล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแต่การบรรเทาภัยพิบัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสอบสวนและการลงโทษอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าเมืองและทูต งานที่ไม่เห็นคุณค่าแบบนี้ คนส่วนใหญ่ไม่กล้ารับมัน

ในอดีตฮ่องเต้ชอบส่งบุตรของตนเองไปจัดการเรื่องแบบนี้ และถือเป็นการทดสอบพวกเข้าไปในตัว ซ้ำยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ชนะใจผู้คน ยิ่งไปกว่านั้นสถานะองค์ชายของพวกเขาค่อนข้างเป็นอุปสรรค ขุนนางทุจริตเหล่านั้นล้วนพร้อมใจที่จะแทงข้างหลัง แต่เพราะคราวนี้เกิดโรคระบาดขึ้นทำให้ฮ่องเต้ไม่กล้าส่งบุตรของตนไป

เขาตกที่นั่งลำบากอยู่พักหนึ่ง ควรจะให้ใครไปดี?

ขุนนางผู้น้อยก็ไม่สามารถจัดการได้

ในเวลานั้นก็มีคนเสนอตัวเข้ามาประชิดปลายกระบอกปืนด้วยตัวเอง

เสิ่นหลินเฟิง

ตอนนี้เสิ่นหลินเฟิงเป็นที่รู้จักกันดีในฉางอัน และเขายังเป็นนักล่าสัตว์ที่น่ากลัว นอกจากนี้เขายังซื่อตรงและเที่ยงธรรม ฮ่องเต้เองก็พอใจในตัวเขา เดิมทีตั้งใจจะเลื่อนขั้นให้เขาเป็นเจ้ากรมการนคร ซึ่งรับผิดชอบด้านความปลอดภัยสาธารณะในเมืองหลวง

แต่เสิ่นหลินเฟิงกลับยั่วโมโหจนเขาควันออกหู

เพราะว่าเสิ่นหลินเฟิงดันสืบคดีมาจนถึงบนเตียงลี่ว์อู๋ ลูกสาวของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา