ใบหน้าของเสิ่นหลินเฟิงแดงก่ำด้วยความอับอาย เขาถือฮะเก๋าไว้ในมือข้างหนึ่ง และจับสายจูงสุนัขไว้แน่นด้วยอีกมือหนึ่ง จากนั้นจึงคุกเข่าลงบนเตียงสีเขียวและสารภาพผิดต่อหน้าฮ่องเต้
อย่างนี้เรียกว่าโคลนเหลืองตกใส่เป้า ต่อให้ไม่ใช่อุจจาระก็ย่อมถูกมองเป็นอุจจาระ
ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบาย กลายเป็นการจับได้คาหนังคาเขาบนเตียง
ฮ่องเต้โมโห “ดีมากเสิ่นหลินเฟิง ข้าสั่งให้เจ้ามาสืบคดีแต่เจ้ากลับสืบมาจนถึงบนเตียงองค์หญิง”
ลี่ว์อู๋เป็นคนที่ภักดีมาก นางจึงไม่อาจแบกรับความผิดทั้งหมดได้เพียงตัวคนเดียว เ และเขาไม่สามารถถอยกลับในช่วงเวลาวิกฤตได้ เสิ่นหลินเฟิงเองก็ต้องเป็นบุรุษ ไม่อาจหัวหด ต้องยืดอกยอมรับเท่านั้น
หนึ่งในสองคนคุกเข่าบนพื้นและอีกคนหนึ่งคุกเข่าบนเตียง เหมือนพยายามแก่งแย่งกัน แต่พวกเขาทั้งคู่กลับหน้าแดง
ดวงตาของฮ่องเต้นั้นแหลมคม เขามองไปที่รองเท้าและฮะเก๋าในมือของเสิ่นหลินเฟิงก็รู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่จะเคยลักลอบมีไหมนั้นก็ไม่อาจรู้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าลี่ว์อู๋จงใจไม่กินอะไรเลย และเสิ่นหลินเฟิงก็คือคนที่แอบส่งอาหารให้นางอย่างลับๆ ทั้งสองคนร่วมมือกันได้อย่างดี
เขาเป็นคนใจแคบขนาดไหนกันนะ อีกทั้งยังชอบเจ้ากี้เจ้าการกับลูกๆ ของตน
ลี่วอู๋กล้าที่จะต่อต้านและปฏิเสธสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ ในเมื่อเจ้าอยากจะแต่งเข้าจวนกั๋วกงนัก ข้าก็จะไม่ให้เจ้าได้สมปราถนา
ดังนั้นเสิ่นหลินเฟิงจึงไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ตรงกันข้าม คดีสำคัญและสำคัญทั้งหมดในเมืองหลวงถูกส่งมาให้เขาจัดการ จากการฝึกฝนนี้ทำให้เสิ่นหลินเฟิงเป็นเหมือนดาบที่ผ่านการลับคม กลายเป็นนักสืบผุ้มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วฉางอัน
แต่เรื่องการแต่งงานของทั้งสอง ฮ่องเต้กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และปฏิเสธที่จะให้พวกเขาแต่งงานกัน ดังนั้นเรื่องของทั้งสองคนจึงถูกปล่อยปะละเลย หนึ่งคนอยู่ในวัง หึ่งคนอยู่นอกวัง ราวกับสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวไม่มีผิด
บัดนี้เกิดโรคระบาดในอวี้โจว ฮ่องเต้เห็นชอบว่าเสิ่นหลินเฟิงเหมาะสมอย่างมากที่จะจัดการเรื่องนี้
จึงออกพระาชกฤษฎีกาสั่งให้เสิ่นหลินเฟิงนำอาหาร ยาและหมอจำนวนหนึ่งไปที่อวี้โจว
ในเวลานี้อวี้โจวเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั่วทุกสารทิศเต็มไปด้วยผู้ประสบภัย
หลังจากที่เสิ่นหลินเฟิงมาถึงอวี้โจว เขาก็จัดการเรื่องการฉ้อโกงของพวกขุนนางในทันที และตัดศีรษะทูตของฮ่องเต้คนก่อนและเจ้าเมืองอวี้โจว เพื่อระบายความโกรธเคืองของราษฎร
จากนั้นจึงเปิดโรงแจกจ่ายธัญพืช เพื่อบรรเทาทุกข์และทำให้จิตใจของผู้คนมั่นคง สิ่งที่ยากที่สุดคือโรคระบาด เขาไม่สามารถหาวิธีรักษาโรคระบาดได้ และผู้คนก็มักจะตื่นตระหนกอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกวันยิ่งทำให้เขาดดันมากขึ้น
เมื่อมองไปที่หมวกผ้าแพรบนศีรษะของพวกเขาที่กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าเตายาเพื่อลิ้มรสสมุนไพร ทันใดนั้นเสิ่นหลินเฟิงก็นึกถึงเหลิ่งชิงฮวน
เหลิ่งชิงฮวนเป็นสตรีที่เขาชื่นชมมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแข็งแกร่งและความมั่นใจในตัวเองของนาง ที่สามารถแพร่สู่คนรอบข้างได้เสมอและทำให้ผู้คนรู้สึกวางใจ
ทุกคนบอกว่าการตายของพระชายาอ๋องฉี มีเพียงมู่หรงฉีเท่านั้นที่ยังรอให้นางกลับมา โดยเชื่อมั่นว่านางจะไม่ตายง่ายๆ
เบาะแสของเหลิ่งชิงฮวนยังคงเป็นปริศนา เขาหวังว่ามันจะเหมือนกับที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาคาดเดา เหลิ่งชิงฮวนเพียงแค่หลบหนี วันหนึ่ง หรือว่าจะสิบปี ยี่สิบปี นางจะรู้ได้ว่ามู่หรงฉีรอนางอย่างลำพังเพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตามฉางอันนั้นจะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก นางคนที่ดูเหมือนไข่มุกสีสดใส ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้ใครรู้เห็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...