ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 467

นี่เป็นความคิดที่ดี ราชสำนักไม่เพียงแค่เฝ้าดูประชาชนล้มตายและไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ช่วงสองปีนี้คลังสมบัติยังคงมีของเต็ม เจ้าฮ่องเต้อ้วนนี้ควรจะลับมีดแล้วเชือดหนักๆ เสียที

“แล้วจะชักช้าอะไรอีกล่ะ ข้าจะซักผ้า ทำอาหาร ป้อนนมและให้นมลูก เจ้าก็รีบศึกษาสูตรอาหารซะ จำไว้ว่าคำพูดของบุรุษนั้นยากที่จะทำตาม พอถึงเวลาอย่าลืมส่วนแบ่งของข้าล่ะ”

“เรื่องเล็กน้อย เทียบยามีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคนป่วยจะฟื้นตัวได้อย่างไร แต่เมื่อต้องให้นมลูก...”

เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองโฉวซือเส่าและเอ่ยอย่างติดตลก “ข้าควรจะเก็บไว้ให้ท่านตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็ประหยัดเงินค่าแม่นม”

หลังจากที่เหลิ่งชิงฮวนให้กำเนิดลูก เธอก็อารมณ์ไม่ค่อยคงที่จนส่งผลต่อน้ำนม รวมถึงก่อนหน้านี้ที่เคยกินยาแกล้งตาย เธอจึงต้องหาแม่นมเพื่อเลี้ยงเด็กน้อยโดยตรง

ฉันยังรู้สึกเสียดายที่ลูกไม่ได้แม้แต่จะกินนมจากเธอด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่ได้ให้นมลูกร่างกายของเธอจึงฟื้นตัวได้เร็ว โดยเฉพาะเฉพาะหน้าอกของเธอที่กระชับ อวบอิ่มและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น

โฉวซือเส่าจ้องมองเธออย่างดุดัน “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าช่างไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจริงๆ เจ้าชอบเยาะเย้ยข้อบกพร่องของข้า เช่นนั้นข้าก็จะพูดถึงมู่หรงฉี ถ้าแน่จริงเจ้าก็อย่าหัวหดเหมือนนกกระจอกเวลาพูดถึงเขาก็แล้วกัน”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มแห้งๆ “ข้าจะไม่พูดถึงข้อบกพร่องของท่าน ท่านก็ไม่ต้องพูดถึงเขา ตกลงไหม?”

“ไม่ตกลง ปีก่อนที่ข้าไปที่เมืองหลวงก็แอบเห็นสภาพเขาจากที่ไกลๆ ผู้ชายอกสามศอกอย่างข้ายังรู้สึกสงสารจับใจ โดยเฉพาะเจ้าหมาน้อยตัวนั้น เขาเลี้ยงมันราวกับไข่มุก เจ้าหมาน้อยไปไล่กัดกับหมาตัวอื่นบนถนน เจ้านายที่แสนสง่างามก็เข้าไปช่วยมันต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าเขาเสียใจจริงๆ เจ้าไม่คิดจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหรือ?”

ช่วยหมาสู้? ถ้ามีจิตวิญญาณแห่งการปกป้องลูก ทำไมตอนนี้ถึงเป็นเช่นนั้น?

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเฮอะๆ “ถ้าท่านรู้สึกสงสาร ท่านสามารถแต่งงานกับเขาได้ ข้าจะช่วยให้ท่านสมปรารถนา ได้ทั้งรุกทั้งรับ ดีจะตายไป”

“ข้ากำลังคุยเรื่องธุกิจกับเจ้า เจ้าก็โยงไปหาเขา ชีวิตคนเราน่ะจะทนอยู่แบบนั้นได้ตั้งห้าปีเลยหรือ? ในเมื่อเจ้าไม่ยอมแต่งกับข้า ทำไมเจ้าไม่ลองเปลี่ยนใจดูล่ะ คนที่ทำผิดแล้วกลับตัวมีค่ายิ่งกว่าทอง…”

“หยุดเลย” เหลิ่งชิงฮวนขัดจังหวะเขา กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ด้วยสีหน้าสลดใจ “พอนึกถึงสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อลูกและข้าในวันนั้น ข้าก็กลัวจนอกสั่นขวัญแขวนไปหมด”

โฉวซือเส่าถอนหายใจเบาๆ รับรู้ถึงความดื้อรั้นของนาง

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบวิจัยเทียบยาสิ เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้รับสารว่าฮ่องเต้ส่งเสิ่นหลินเฟิงไปเป็นทูตที่อวี้โจวเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและปลอบขวัญผู้ประสบภัย”

เหลิ่งชิงฮวนตกใจ “หลินเฟิง? อวี้โจวเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซ้ำยังเป็นแหล่งกำเนิดโรคระบาดจะไม่อันตรายหรือ?”

“ใครว่าไม่ ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ดังนั้นเทียบยาของเจ้าอาจช่วยชีวิตเขาในช่วงเวลาวิกฤตินี้ได้”

เมื่อพูดเช่นนั้นเหลิ่งชิงฮวนก็รู้สึกเป็นความรับผิดชอบที่หนักหน่วงในทันที นี่ไม่ใช่เรื่องสนุก ในยุคโบราณ ยังไม่มีการใส่ในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมากพอ ด้วยนิสัยของเสิ่นหลินเฟิง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนั่งเฉยๆ โดยไม่สนใจอะไร

ทำไมฮ่องเต้ถึงโหดร้ายเช่นนี้ ส่งใครไปไม่ได้ก็เลยส่งเสิ่นหลินเฟิงงั้นหรือ! เขาไปยั่วโมโหท่าน หรือปีนขึ้นเตียงลูกสาวท่านกหรือไง?

เธอไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

โรคระบาดก็เหมือนกับไฟ ต้องทำงานแข่งกับเวลาและจะช้าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

แม้อุดมคติจะเต็มเปี่ยมแต่ความจริงแล้วกลับแย่มาก เธอไม่ทันจะได้เข้าสู่ช่วงอารมณ์นั้นก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาพลางร้องตะโกน

“ฮูหยิน แย่แล้ว แย่แล้วเจ้าค่ะ!”

ทั้งสองหันหน้าออกไปมองก็พบว่าเป็นเฉียนเสี่ยวเนียน

โฉวซือเส่าเป็นคนคลั่งไคล้เงิน เด็กสาวรับใช้ที่เรือนซื้อตัวมาไม่ได้ใช้แซ่ตามตระกูลโฉวแต่แซ่เฉียน เฉียนเสี่ยวเนียนไม่เอ่ยเฉื่อย ตรงกันข้ามนางค่อนข้างขี้ประจบและฉลาดหลักแหลม นางถูกโฉวซือเส่าส่งตัวให้ไปติดตามอวิ๋นเช่อเหมือนกับเมล็ดความสุข

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา