ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 47

ขณะที่เหลิ่งชิงฮวนยังคงรู้สึกเศร้าแทนผู้อื่น มู่หรงฉีก็ปล่อยมือจนเธอที่ไม่ได้ระวังตัวก็ลื่นไถลลงมาจากแผ่นหลังที่มั่นคงของเขา เท้าของเธอแตะพื้นและเซไปด้านหลังสองสามก้าวจนเกือบจะล้มลง

มู่หรงฉีเหลือบมองเธออย่างเย็นชา “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ว่าอยู่ให้ห่างจากจิ่นอวี๋”

“หม่อมฉันไม่ใช่คนที่มักมากในกามเสียหน่อยท่านอ๋องจะกังวลไปทำไมเพคะ หรือคิดว่าหม่อมฉันสนใจนางจริงๆ “ เหลิ่งชิงฮวนดูถูก “สตรีของท่านมู่หรงฉี หม่อมฉันอยากจะอยู่ให้ไกลที่สุดเพคะ”

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปากบาง “นางเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องของข้า”

เหลิ่งชิงฮวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้นหมอเทวดาเช่นข้าก็ขอแนะนำตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ การแต่งงานกับญาตินั้นมิใช่เรื่องดี ลูกที่เกิดมาอาจจะพิการหรือสติปัญญาต่ำได้”

ความโกรธบนใบหน้าของมู่หรงฉีเริ่มก่อตัว เหลิ่งชิงฮวนสัมผัสได้ถึงความดันเลือดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่งของเขา เจ้าเด็กนี่โมโหอีกแล้ว

เธอพยายามที่จะพูดจาให้น่าฟังที่สุดแล้ว การให้กำเนิดเด็กอย่างไร้ศีลธรรมเช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้ นี่ไม่ใช่คำสาปแช่งแต่เป็นการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

แน่นอนว่ามู่หรงฉีกัดฟันพูดทีละคำ “ใครบอกว่าข้าจะแต่งกับนาง”

เหลิ่งชิงฮวนเอียงศีรษะ “เช่นนั้นนางจะเกลี้ยกล่อมให้ท่านแต่งตั้งชายารองอีกคนทำไมล่ะเพคะ? นางยังพูดด้วยว่าตามกฎแล้วท่านอ๋องควรมีชายารองสองคน ดอกไม้บานเพียงดอกเดียวไม่นับว่าเป็นวสันต์ฤดู แต่หากดอกไม้ร้อยดอกรวมอยู่ด้วยกันถึงจะเป็นสวนวสันต์ เช่นนี้หม่อมฉันก็ไม่ถือสานะเพคะ”

มู่หรงฉีสะอึก หยุดต่อล้อต่อเถียงกับนางและเดินออกไปทันที “เจ้าไม่ต้องยุ่ง”

เหลิ่งชิงฮวนจิ๊ปากเบาๆ “หม่อมฉันไม่ได้อยากจะยุ่งเพคะ หากนางต้องการตำแหน่งชายาเอกหม่อมฉันก็สามารถยกให้ได้”

คำพูดเดียวกลับจุดประกายความโกรธของมู่หรงฉีได้ “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าอย่ามาหาประโยชน์จากเรื่องนี้! ข้าไม่ทำอะไรใจก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทนได้ตลอดไป”

บางสิ่งก็ควรจะพูดให้ชัดเจนเลยดีกว่า

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่ “มู่หรงฉี การที่ไทเฮาไม่อนุญาตให้พวกเราหย่ากันนั้นไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ หม่อมฉันไม่ผิดอะไรดังนั้นท่านไม่สามารถมาคิดบัญชีกับหม่อมฉันได้ หากพระสนมฮุ่ยเฟยคิดแผนการอะไรไว้ให้ท่าน ท่านก็สามารถลองดูได้”

มู่หรงฉีชะงัก เขาหันหน้ามาจ้องเธออย่างดุดัน “ข้ารับรองได้ว่าข้าไม่ต้องการ แล้วเจ้าจะเสียใจ”

เหลิ่งชิงฮวนมึนงง นึกถึงสิ่งที่เจียวจิ่นพูดเมื่อครู่อย่างละเอียด แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าพระสนมฮุ่ยเฟยออกความคิดไม่เข้าท่าอะไรให้มู่หรงฉี พระสนมฮุ่ยเฟยไม่ชอบเธอเอามาก หากไม่มีไทเฮา เกรงว่านางงส่งเธอออกไปไกลหลายพันลี้

“ความคิดอะไรท่านลองว่ามาสิ เผื่อจะเป็นไปได้นะเพคะ”

มู่หรงฉีเพียงส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชาก่อนจะเดินจากไปทิ้งเธอไว้

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจเบาๆ ทำได้แค่เดินตามหลังเขาไป

อย่างไรเสียสังคมนิยมนั้นก็ยังดีกว่า การข้ามเวลามาอย่างโชคร้ายนี้ห้ามให้ผู้อื่นทำ มีแต่พวกพ้องของตนที่ทำได้เท่านั้น

มู่หรงฉีสามารถมีภรรยาสามคนและอนุสี่คน ดอกท้อบานสะพรั่ง แต่เธอที่ท้องก่อนแต่งจึงเป็นสิ่งเลวร้าย หากต้องการหย่าก็ต้องให้คนนู้นคนนี้อนุญาต ทุกๆ วันจึงได้แต่หยั่งเชิงใกล้ๆ ความตาย

จวนอ๋องฉี

เหลิ่งชิงหลางนั่งอยู่ที่ประตูเรื่องจื่อเถิง นางแต่งแต้มใบหน้าอย่างงดงามและรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

สาวรับใช้ในเรือนถูกส่งไปที่หน้าประตูจวนเพื่อถามข่าว ทันทีที่มู่หรงฉีกลับมาสาวรับใช้ก็จะกลับมารายงานทันที

ได้ยินว่าวันนี้ทั้งสองคนทะเลาะกันใหญ่โตตลอดทางไปวังหลวง อีกทั้งยังสั่งให้คนมานำกล่องยาของเหลิ่งชิงฮวนไป หากเป็นไปตามคาดเหลิ่งชิงฮวนจะต้องถูกขับไล่ออกจากจวนเป็นแน่

สาวรับใช้วิ่งเหยาะๆ มาด้วยความตื่นตระหนก ปลายจมูกมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา

เหลิ่งชิงหลางลุกขึ้น “เป็นอย่างไร? ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือ? “

สาวรับใช้พยักหน้า “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

“เหลิ่งชิงฮวนล่ะ? “

“กลับมาพร้อมกันเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ? “

“อีกทั้งยังได้ยินว่าไทเฮาทรงประทานผ้าดิ้นและอัญมณีเป็นของรางวัลให้ด้วยเจ้าค่ะ”

จือชิวที่อยู่ข้างๆ แทรกขึ้นมา “คุณหนูไม่ต้องกังวลไปเจ้าค่ะ เหลิ่งชิงฮวนนางทั้งนิสัยแย่และหัวแข็งเห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องเองก็ไม่ชอบนาง หรือต่อให้คนทั้งใต้หล้าชอบนางแล้วจะเป็นไร ไทเฮาก็ยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องในจวนไม่ได้หรือเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางเงยหน้าขึ้นมามองจือชิวก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้าไปตบหน้าจือชิวอย่างแรง

“สามหาว คำพูดเนรคุณเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาอีกหรือ”

จือชิวโดนตบจนมึนงง นางใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติก่อนจะรีบคุกเข่าลงกับพื้น “คุณหนูโปรดอภัย จือชิวไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางชี้นิ้วไปที่ปลายจมูกของนางแล้วพูดอย่างโมโห “ความผิดเจ้าทั้งหมดที่คิดวิธีไม่เข้าท่าพวกนี้ ตอนนี้เรื่องแดงแล้วท่านอ๋องจะมองข้าอย่างไร เขาต้องคิดว่าข้าเป็นคนเจ้าเจ้าเล่ห์เพทุบายแน่ๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่มาฟังอธิบายของข้าเล่า”

“ขอเพียงแค่คุณหนูปิดปากสนิท ทนเจ็บปวดเพียงไม่นานก็จะเป็นเพียงแค่การเข้าใจผิดนะเจ้าคะ ท่านอ๋องจะฟื้นฝอยหาตะเข็บตามหากระต่ายที่ถูกถลกหนังตัวนั้นหรือเจ้าคะ” จือชิวเอ่ย

“หรือว่าเจ้าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นไปแล้ว? เจ้าคุยโวโอ้อวดเหลวไหลทั้งยังโยนความผิดให้พระชายา ยุแยงให้ท่านอ๋องกับพระชายาแตกคอกัน เมื่อเอาสองเรื่องนี้มารวมกัน ท่านอ๋องจะยอมปล่อยข้าไปหรือ วันนี้ข้าตบเจ้าเบาๆ เจ้าจงคุกเข่าสำนึกผิดที่นี่ ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามลุกขึ้นเด็ดขาด”

จือชิวตื่นตระหนกทันที เมื่อครู่แม่หวังเข้ามารายงานว่าท่านอ๋องฉีและเหลิ่งชิงฮวนออกไปจากจวนคุณหนูของนางก็ลิงโลดและมอบรังนกให้เป็นรางวัล แต่พริบตาเดียวทำไมถึงได้โยนความผิดทุกอย่างมาให้นางล่ะ? ให้คุกเข่าอยู่หน้าประตูที่มีแต่คนในจวนเดินผ่านไปมา วันหน้านางจะไม่ถูกเอาไปนินทาหรอกหรือ? “

“คุณหนู จือชิวก็แค่คิดแทนคุณหนูด้วยความหวังดี เรื่องพวกนี้ก็เพื่อขับไล่เหลิ่งชิงฮวนออกไปให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือ ปล่อยบ่าวไปเถอะนะเจ้าคะ”

ตอนนี้เหลิ่งชิงหลางรู้สึกจิตใจอยู่ไม่เป็นสุข นางรู้สึกลนลานจนแทบเสียสติ

หากเรื่องนี้ถูกขุดขึ้นมา สถานะของนางในใจของมู่หรงฉีจะต้องดิ่งลงแน่นอน อธิบายก็ไร้ประโยชน์ มู่หรงฉีไม่ใช่บุรุษที่จะหูเบาไร้สมอง วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือโยนความผิดทุกอย่างให้กับจือชิว ปล่อยให้นางกลายเป็นแพะรับบาปถึงจะได้รับการยกโทษ

ดังนั้นนางจึงต้องลงโทษจือชิวอย่างหนัก แม้จะเป็นเพียงแค่การแสดงให้ผู้อื่นเห็นก็ตาม

ส่วนเหตุผลที่มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนไม่หย่ากันนั้นนางเองก็ไม่กล้าไปถามต่อหน้า ทำได้เพียงแค่รอให้มู่หรงฉีใจเย็นลงและยอมฟังคำพูดของนาง แล้วจึงค่อยดูว่ามีโอกาสไหม

“หากไม่มีกฎเกณฑ์ก็ไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ ความผิดที่เจ้าทำนั้นยากเกินให้อภัย จงคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ที่นี่ไปเถอะ”

ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปอย่างอารมณ์เสีย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา