ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 48

จือชิวคุกเข่าอยู่หน้าประตูเรือนจื่อเถิง เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้วตะเกียงรอบจวนก็ถูกจุด ยุงบินตอมอย่างดุร้าย ใบหน้าของนางยังคงแสบร้อนจากการโดนตบ นั่นยังพอทนแต่ที่ทนไม่ได้ยิ่งกว่าคือบ่าวที่เดินไปเดินมาทำให้จือชิวยิ่งอับอายเข้าไปใหญ่

นางเข้าใจเจตนาของคุณหนูที่ลงโทษแต่การโยนความผิดทั้งหมดมาไว้ที่นางก็เพื่อแสดงให้มู่หรงฉีได้เห็น

นางอุตส่าห์วางแผนให้นางอย่างสุดหัวใจ แต่กลับถูกถีบหัวส่ง บัดนี้ในสายตาของมู่หรงฉีนางก็เป็นได้แค่ทาสที่คอยยุแหย่ให้คนอื่นแตกคอกันก็เท่านั้น

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธยิ่งหงุดหงิด แม้กระทั่งข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน ตอนนี้นางท้องว่างและวิงเวียนมาก

ส่วนเหลิ่งชิงหลางก็ไม่ได้อารมณ์ดีมากนัก นางคิดว่าเมื่อมู่หรงฉีกลับมาจากพระราชวังก็คงจะหานางที่เรือนจื่อเถิงเพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

แต่ใครเล่าจะรู้ ตั้งแต่ยามเย็นจวบจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวใดๆ ด้านนอก แสดงว่ามู่หรงฉีคงจะค้างคืนอยู่ในห้องตำรา ในใจก็ยิ่งเจ็บปวดราวกับถูกทอดทิ้ง มู่หรงฉีคงจะโกรธเธอเข้าจริงๆ แล้ว

นางสั่งให้คนไปเรียกจือชิวเข้ามา แต่ก็กระวนกระวายใจและเหนื่อยหน่ายเกินที่จะปลอบขวัญจึงเข้านอน

ขาทั้งสองข้างของจือชิวชา นางลุกขึ้นอย่างยากลำบาก อีกทั้งยังรู้สึกหิวและวิงเวียน เดิมทีนางก็มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่มีแรงเข้าไปใหญ่

ปกตินางมักจะพึ่งพาและให้ความสำคัญกับเหลิ่งชิงหลางโดยไม่แยแสคนรับใช้คนอื่นๆ ในเรือนเพราะคิดว่าไม่ได้เรื่องเท่าแม่จ้าว แต่เมื่อถูกลงโทษในวันนี้ ผู้คนมากมายกลับพากันดีใจกับความโชคร้ายของนาง ถึงขั้นไม่มีใครเหลืออาหารไว้ให้นางเลยสักนิด นางเดินทีละก้าวไปที่ห้องครัวในจวนแต่ประตูก็ถูกลงกลอนไปเสียแล้ว

เจ้านายในจวนมีไม่กี่คน คนรับใช้ในครัวก็เหนื่อยและเกียจคร้านจึงดับไฟเตาไปตั้งนานแล้ว

นางเดินกลับอย่างหงอยเหงา เมื่อเดินผ่านเรือนหลักก็เห็นว่าไฟในลานด้านในยังจุดไว้อยู่ แสงเทียนสีส้มส่องลอดออกมาจากช่องว่างของประตู กลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่วทั้งเรือนพร้อมกับเสียงคนพูดคุยที่ดังออกมา

ฝีเท้าของนางชะงัก เมื่อมองผ่านช่องประตูเข้าไปก็เห็นเหลิ่งชิงฮวนและโตวโตวกำลังนั่งล้อมเตาเผาขนาดเล็ก ในมือถือชามหนึ่งใบจิมดื่มอย่างเอร็ดอร่อยไปพลางพูดคุยกัน

สิ่งที่อยู่บนเตาเผาน่าจะเป็นน้ำแกงเห็นหูหนูขาว จือชิวกลืนน้ำลายไม่ขยับไปไหน

โตวโตวเอ่ยอย่างมีความสุข “บ่าวได้ยินว่าจือชิวยังคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู สะใจจริงๆ ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ ไร้สาระที่สุด!”

“คงเพราะภักดีต่อเจ้านาย จือชิวนางภักดีต่อเหลิ่งชิงหลางมาก แต่น่าเสียดายที่เจอคนไม่ดี เรื่องที่เกิดในวันนี้เป็นเพียงแค่บทละครเล็กๆ สำหรับสลับฉากก็เท่านั้น เพื่อรักษาสถานะในใจของท่านอ๋อง เหลิ่งชิงหลางจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้”

“เจ้าลองคิดดูสิ หากจือชิวช่วยเหลิ่งชิงหลางทำเรื่องชั่วอะไรลับหลัง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเหลิ่งชิงหลางก็จะสามารถถีบหัวส่งได้ง่ายๆ “

เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นมาในหัวใจหลังจากนางตั้งใจฟัง

โตวโตวถ่มน้ำลาย “นางทำตัวเองทั้งนั้น ทำไมจะต้องช่วยเหลือคนชั่วด้วย? “

“ต้องเป็นเพราะเหลิ่งชิงหลางวาดฝันลมๆ แล้งๆ ให้นาง สัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้หรือไม่ก็คงกุมชีวิตของนางไว้”

“เดิมทีตอนที่อยู่จวนมหาเสนาบดีพวกคนรับใช้ต่างก็พูดกันว่าจือชิวนั้นหน้าตาสะสวยไม่แพ้คุณหนูรองเลย หากนางยอมเป็นสาวใช้แต่งเข้าบ้านตามคุณหนูรอง ก็คงจะได้ตำแหน่งสาวใช้ห้องข้าง”

เหลิ่งชิงฮวนวางช้อนและชามในมือ ”ไม่ใช่แค่สาวใช้ห้องข้าง พวกเจ้าประเมินจือชิวเด็กคนนี้ต่ำเกินไป นางเกิดมามีผิวพรรณที่ดี อีกทั้งยังร่าเริงสดใส แม้แต่เหลิ่งชิงหลางยังไม่เหมาะจะเป็นคู่แข่งนาง หากนางถูกเลื่อนขั้นจริงก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าระหว่างนางกับเหลิ่งชิงหลางใครจะได้รับความรักมากกว่ากัน”

“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะคุณหนู จือชิวเป็นแค่เด็กรับใช้นะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนหลุดขำ “ข้าเป็นลูกสาวคนโตซ้ำยังเป็นชายาเอก เหลิ่งชิงฮวนนางเห็นหัวข้าหรือไม่? ชาติกำเนิดจะมีประโยชน์อะไร ความรักจากบุรุษสิสำคัญกว่า เจ้าคงไม่รู้สินะว่าแม่นางซิ่วอวิ๋นแห่งจวนท่านเคาท์เองก็มิได้ต่ำต้อย แต่ตอนนี้กลับโดนอนุจากในตลาดเข้ามากดขี่ข่มเหง”

โตวโตวเบิกตากว้าง “ไม่เหมือนกันสิเจ้าคะ ท่านอ๋องนิสัยใจคอไม่เหมือนกับคุณชายรองจวนท่านโหว เขาไม่ได้หลงใหลในความงามเช่นนั้น”

บุรุษในใต้หล้านี้ล้วนเหมือนกันหมดเพียงแค่เจ้าไม่รู้เท่านั้น ทุกครั้งที่มู่หรงฉีเห็นจือชิวสายตาก็เต็มไปด้วยความร้อนรุ่มราวกับจะเข้าไปประชิดตัวนาง แต่น่าเสียดายที่เหลิ่งชิงหลางไม่ให้โอกาสพวกเขาทั้งคู่ จากนิสัยของนางแล้วย่อมไม่มีทางเลื่อนขึ้นจือชิวแน่ๆ “

ทั้งสองคนพูดคุยกันเสียงเบาแต่จือชิวที่อยู่ด้านนอกกลับได้ยินชัดเจน อารมณ์ของนางปั่นป่วนและสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความคิดที่นางพยายามข่มไว้ข้างในค่อยๆ ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าคุณหนูโตคนนี้ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น คำพูดบางคำก็น่าฟัง

จือชิวสูดดมกลิ่นของน้ำแกงเห็นหูหนูขาวอย่างละโมบ ก่อนจะกลับไปที่เรือนจื่อเถิง

โตวโตวเดินมาส่งช่องว่างระหว่างประตูอย่างเบามือก่อนจะหลุดขำ “คุณหนู ไปแล้วเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้น “เหลิ่งชิงหลางช่างกล้าให้นางคุกเข่าจริงๆ ดูเหมือนจะพาลโกรธเพราะเรื่องแดงออกมา”

“สักวันความชั่วที่ทำไว้ก็ต้องปรากฏออกมา ตอนที่พวกนางฆ่ากระต่ายแล้วโยนความผิดให้คุณหนูคงไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้”

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาอย่างอารมณ์ดี “เจ้าไม่เห็นหน้าของมู่หรงฉีตอนได้ยินสิ่งที่รัชทายาทเสิ่นพูดหรือ ใบหน้านั้นดูตกใจและโกรธมาก ตอนนั้นเขายังกล้าลงมือลงไม้กับข้า อธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง ตอนนี้กลับโดนตบหน้าเข้าจังๆ ข้าที่ยืนอยู่ข้างๆ สะใจเสียจริง”

“คุณหนูเองก็เหมือนกัน ท่านอ๋องรู้ผิดแล้วแก้ไขก็พอแล้ว คุณหนูยังไม่ไว้หน้าเขาหนำซ้ำยังตีวัวกระทบคราดอีก คนอื่นๆ ต่างพากันเคารพยกย่องเขาจนเขาเคยชินกับความเย่อหยิ่งแต่คุณหนูยังจะไปท้าทายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

เหลิ่งชิงฮวนไม่สนใจ “คนบางคนชอบหาเรื่องใส่ตัว หากคิดจะทำตัวเป็นเจ้าคนนายคนก็ไปหาเหลิ่งชิงหลางนู่น ความคิดนี้ใช้กับข้าไม่ได้หรอก”

“คุณหนูว่าหากพวกเรากระตุ้นความทะเยอทะยานของจือชิวจนนางได้รับความโปรดปรานขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไรเจ้าคะ? พวกเราเพียงแค่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือเจ้าคะ เป็นครั้งแรกที่บ่าวเห็นคนพยายามยุยงให้คนอื่นมายั่วยวนสามีของตน”

เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยอย่างหนักแน่น “เหลิ่งชิงหลางจะปล่อยให้โอกาสนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ทันทีที่นางเห็นสัญญาณนั้นก็คงจะชักดิ้นชักงอ อีกอย่างข้าแต่งเข้ามาในจวนนานขนาดนี้แล้วเจ้าเคยเห็นมู่หรงฉีมีสตรีอื่นหรือ? “

โตวโตวส่ายหน้า “ได้ยินว่ารอบตัวของท่านอ๋องมีเพียงทหารอารักขาและขุนนางเท่านั้นเจ้าค่ะ”

“ไม่มีสตรีนางไหนที่เขาต้องการ จือชิวเองก็ไม่ใช่คนที่โดดเด่น มู่หรงฉีก็คงไม่ตามืดบอดขนาดนั้น อีกอย่างข้าสงสัยว่า คิกคิก เขาอาจจะมีใจแต่ไม่มีแรง”

โตวโตวเขินอาย “คุณหนูพูดจาเหลวไหลอีกแล้วนะเจ้าคะ”

“เจ้าลองคิดดูสิ คนเหล่านั้นตอนอยู่ในสนามรบมีหรือจะไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ร่างกายของท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดนั้นจะโดนเตะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ว่านั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพวกเรา เราแค่นั่งแทะเม็ดแตงรอดูความสนุกก็พอ”

โตวโตวชำเลืองมองไปยังห้องคนรับใช้ที่มืดสนิทและลดเสียงลง “แล้วนังจิ้งจอกเลี้ยงไม่เชื่องนั่นล่ะเจ้าคะ? ทั้งที่คุณหนูดีกับนางขนาดนั้นแต่นางก็กลับแก้สันดานเดิมไม่ได้”

“ไม่ต้องรีบร้อน” เหลิ่งชิงฮวนครุ่นคิด “มีคำกล่าวว่าเชือดไก่ให้ลิงดู หากเหลิ่งชิงหลางกำจัดจือชิว เสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพลเช่นนี้ นางจะยังกล้าขายชีวิตให้เหลิ่งชิงหลางอีกหรือ”

จือชิวกลับไปที่เรือนจื่อเถิงอย่างเงียบๆ ไฟในห้องของเหลิ่งชิงหลางดับไปแล้ว

นางนั่งอยู่คนเดียวในห้องที่ทำมาเพื่อรองรับสาวใช้เป็นพิเศษ

นางนั่งอยู่บนเตียงด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็กัดฟัน ยืนขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงผ้าซาตินรัดเอว ส่องกระจกดอกกระจับแต่งแต้มน้ำมันหอมและแป้งดอกท้อลงบนไปหน้าก่อนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

นางบังเอิญเจอกับแม่จ้าวที่หน้าประตู บนเอวของนางมีกุญแจห้อยอยู่และกำลังจะลงกลอนประตู เมื่อเห็นจือชิวออกมาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ดึกดื่นป่านนี้แล้วเจ้าจะออกไปไหน”

จือชิวและแม่จ้าวไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจึงเอ่ยตอบโดยไม่หันกลับไปมอง “หาของกิน เดี๋ยวข้ากลับมาลงกลอนประตูเอง”

แม่จ้าวเม้มริมฝีปาก ใช้จมูกดมกลิ่นก่อนจะพึมพำอย่างเย้ยหยัน “ไปห้องครัวยังต้องทาน้ำมันหอมอีกหรือ ในครัวมีบุรุษอยู่หรือไง”

จือชิวออกมาจากเรือนจื่อเถิงก็ตรงไปที่ประตูแขนดอกไม้ของเรือนหลังแล้วเดินไปทางห้องตำราทันที

ท้องฟ้ามืดครึ้ม หยาดฝนเม็ดเล็กโปรยลงมาเบาๆ เย็นสบาย

ไฟในห้องตำรายังคงสว่างอยู่ มู่หรงฉียังไม่หลับ

เมื่อจือชิวมาถึงด้านหน้าทหารอารักขาก็เข้ามาขวางด้วยท่าทีสุภาพ “ห้องอ่านตำราเป็นสถานที่สำคัญ คนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า แม่นางจือชิวมีธุระอันใดหรือ? “

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา