ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 483

เสี่ยวอวิ๋นเช่อหันหลังเดินออกไป เขาพับภาพเหมือนของเหลิ่งชิงฮวนใส่กระเป๋าใบเล็กอย่างระมัดระวัง

เฟิงเหล่ยอวี้เห็นว่าความลับถูกเปิดเผย นางอยากจะอุ้มเสี่ยวอวิ๋นเช่อแล้ววิ่งหนีไปให้รู้รอด แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

เสิ่นหลินเฟิงพุ่งตัวเข้าไปอุ้มเสี่ยวอวิ๋นเช่อขึ้นลอยเหนือศีระษะพลางตะโกนออกมาออกมีความสุข “เยี่ยจริงๆ เจ้ายังมีชีวิตอยู่”

การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสายลม คนของหอกระบี่และเฟิงเหล่ยอวี้ต่างพากันตกตะลึง ก่อนจะชักดาบออกมาจากฝักพลางล้อมเขาไว้ตรงกลาง

“ปล่อยเขานะ!”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อเพิ่งกินบะหมี่ตุ๋นไปเต็มท้อง เสิ่นหลินเฟิงกอดรัดเขาแน่นจนบะหมี่แทบจะพุ่งออกมา เขาเขย่าขาเตะเสิ่นหลินเฟิง “วางข้าลงนะ! ลุงคนประหลาด”

เสิ่นหลินเฟิงจะยอมปล่อยมือได้อย่างไร กว่าเขาจะตามหาขุมทรัพย์ด้วยความยากลำบาก เข้ากอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนด้วยน้ำตาคลอเบ้า ทำเป็นเมินต่อรัศมีอาฆาตที่อยู่รอบตัว

“เด็กน้อย ข้าคืออาของเจ้า! อาแท้ๆ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อที่ถูกกอดรัดจนได้กลิ่นเนื้อแกะโชยออกมา เขาเตะเสิ่นหลินเฟิงอย่างแรงสองครั้งจนรู้สึกเจ็บเท้าเล็กๆ ในรองเท้าบู๊ต

เสิ่นหลินเฟิงตื่นเต้นมากจนน้ำตาคลอเบ้า “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้พ่อของเจ้าคิดถึงเจ้ามากขนาดไหน”

ผู้คนในหอกระบี่ต่างพาตกตะลึง พวกเขามองหน้ากันและหันไปมองเฟิงเหล่ยอวี้

เสี่ยวอวิ๋นเช่อหยุดขัดขืน จากนั้นจ้องมองเขาด้วยดวงตากลมโต “ข้ามีพ่อกี่คน”

คำพูดนั้นทำให้เสิ่นหลินเฟิงตกตะลึง “หนึ่งคน”

“ข้าเกลียดพ่อที่ทิ้งข้าไป ไม่ต้องการข้า”

“พ่อผู้ให้กำเนิดเจ้าคือมู่หรงฉี!” เสิ่นหลินเฟิงพูดอย่างจริงจัง “คุณชายโฉวไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้า”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อไม่สนใจ “ผู้ใดมีน้ำนมคือแม่ ผู้ใดมีเงินคือพ่อ ข้าคิดว่าแม่หาพ่อให้ข้าให้ไม่เลว ข้าไม่คิดจะเปลี่ยนหรอก”

เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพูดคุยกับเด็กชายวัย 5 ขวบคนนี้ เพราะมีช่องว่างระหว่างวัย ฝีปากแบบนี้เขาต้องเป็นลูกชายของเหลิ่งชิงฮวนแน่นอน

“แต่พ่อของเจ้าคืออ๋องฉีองค์ปัจจุบัน บุตรชายของฮ่องเต้”

เมื่อพูดอีกแบบ จิตใจของเสี่ยวอวิ๋นเช่อดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “ฟังดูน่าเกรงขามทีเดียว”

“หากเจ้ายอมรับความสัมพันธ์นี้ เจ้าจะกลายเป็นหลายชายของฮ่องเต้แห่งฉางอัน พ่อโฉวเจอเจ้ายังต้องคำนับให้ด้วยซ้ำ”

พระเจ้า!ทำได้ขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย งั้นไม่เรียกว่าพลิกชะตาชีวิตเลยหรือไง

เสี่ยวอวิ๋นเช่อกะพริบตา “หากเป็นเช่นนั้น ระหว่างอ๋องฉีกับแม่ของข้าใครเก่งกว่ากัน”

คำถามนี้ไม่ง่ายที่จะตอบ เสิ่นหลินเฟิงลังเลเล็กน้อย “แม่ของเจ้า”

“หากแม่ตีข้าแล้วข้าสู้ไม่ได้ ใครจะเป็นคนห้าม ช่างเถิด พ่อไร้ประโยชน์แบบนี้จะเอามาทำอะไร”

ทำไมตรรกะของเด็กคนนี้ถึงประหลาดจริง เสิ่นหลินเฟิงรู้สึกแปลกใจ “แต่เจ้าเป็นหลานของฮ่องเต้ ทั้งท่านปู่ ท่านย่า ท่านตา ท่านลุงต่างก็รักเจ้า ใครจะกล้าทุบตีเจ้าล่ะ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อตกตะลึง “เหตุใดข้าจึงมีญาติมากมายขนาดนั้น ถึงวันเยี่ยมญาติจะไม่เหนื่อยตายเลยหรือ”

ต้องมีสิ แม่เจ้าไม่ได้เกิดจากก้อนหินเสียหน่อย

“เจ้าเป็นหลานชายของฮ่องเต้ มีเพียงเหล่าข้าราชบริพารกับทหารที่คำนับให้เราเท่านั้น”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อรู้สึกปลื้มใจขึ้นมาทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมตอนนี้ท่านถึงกล้าหยาบคายกับข้าถึงเพียงนี้”

เริ่มวางท่าแล้วสินะ

เสิ่นหลินเฟิงหายตื่นเต้นแล้ว เขาวางเด็กน้อยลงพลางกางเสื้อคลุมตัวเล็กออก นั่งยองๆ แล้วถามอย่างจริงจัง “แล้วแม่ของเจ้าล่ะ”

“แม่ของข้าถูกคนร้ายลักพาตัวไป พ่อโฉวตามนางไปแล้ว”

ไม่กลับไปแน่นอน

เมื่อพูดเช่นนั้น เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เปลี่ยนใจในทันที “เช่นนั้นข้ายอมไปพบเขาก็ได้ ข้าจะขอให้เขาพาข้าขี่ม้าไปรบ เมียจ๋า เราไปกันเถิด”

เฟิงเหล่ยอวี้ยืนนิ่งด้วยความลังเล หากพาเสี่ยวอวิ๋นเช่อไปยังเมืองหลวง เมื่อฮูหยินกลับมาจะกล่าวโทษตัวนางหรือไม่

เสิ่นหลินเฟิงมองไปที่เฟิงเหล่ยอวี้อย่างเคร่งขรึม “เขาคนนั้นเป็นองค์ชาย มีคนมากฝีมืออยู่รายล้อม บุคคลนี้เป็นเจ้าชาย วิธีการของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงว่าหากเข้าเตรียมการมาเป็นอย่างดี คุณชายโฉวเป็นคนเดียวอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางการทูต ความมั่นคงระหว่างทั้งสองประเทศและความปลอดภัยของชิงฮวน แม่นาง การเชิญอ๋องฉีมาที่อวี้โจวถือเป็นแผนการที่ดีที่สุดในขณะนี้ ตอนนี้สถานการณ์ในอวี้โจวไม่ดีนัก ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้ากับอวิ๋นเช่อจะอยู่ต่อไป การยอมรับตัวตนของเสี่ยวอวิ๋นเช่อเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นได้โปรดพาเขาไปที่เมืองหลวงด้วยเถิด”

เฟิงเหล่ยอวี้ลังเล ก่อนจะกัดฟันตัดสินใจ จะโทษก็โทษเถอะ เสิ่นหลินเฟิงรู้ตัวตนของเสี่ยวอวิ๋นเช่อแล้ว ข้าปกปิดไม่ได้อีกต่อไป

เสี่ยวอวิ๋นเช่อได้รับการปกป้องจากคนของหอกระบี่ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงทันที

เสิ่นหลินเฟิงไม่รอช้ารีบส่งมอบเรื่องบรรเทาภัยพิบัติให้กับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ สั่งให้ผู้คนปิดกั้นทางแยกทั้งหมดในอวี้โจว ขี่ม้าออกไล่ตามโฉวซือเส่าและองค์รัชทายาทแคว้นหนานจ้าวไป

หน้าประตูจวนฉีอ๋อง เมืองหลวงอันพลุกพล่าน

เสี่ยวอวิ๋นเช่อนั่งยองๆ อยู่หน้าร้านนวดแป้งราวกับเป็นลูกหมาตัวน้อยไม่ยอมไปไหนด้วยดวงตาเป็นประกายสดใส

ชายชราที่กำลังนวดแป้งเห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก เช่นเดียวกับตุ๊กตาในรูปภาพปีใหม่บนผนัง เขารู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก

“ว่าอย่างไร เด็กน้อย ไม่เคยเห็นสินะ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อพยักหน้ารัวๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงของเขานุ่ม “ท่านปู่ ท่านทำแป้งเก่งจริงๆข้าไม่เคยเห็นใครทำแป้งเก่งขนาดนี้มาก่อนเลยคุณ”

“ให้พ่อของเจ้าซื้อให้สิ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อก้มหน้าลง แก้มของเขาปูดโปนเหมือนกบตัวน้อยและพึมพำด้วยเสียงต่ำ “พอข้าเกิดมา พ่อก็ไม่ต้องการข้าแล้ว”

เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเป็นทุกข์ “แล้วแม่ของเจ้าล่ะ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น “แม่ของข้ากำลังจะแต่งงานใหม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา