ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 486

สรุปบท ตอนที่ 486 โกรธเกศาชันหมวกเพื่อโฉมงาม: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 486 โกรธเกศาชันหมวกเพื่อโฉมงาม – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 486 โกรธเกศาชันหมวกเพื่อโฉมงาม ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

คนรอบด้านต่างมองหน้ากัน ทุกคนล้วนตกตะลึง!

นึกไม่ถึงว่าพระชายายังไม่ตาย อีกทั้งยังไร้ข่าวคราวจนลูกชายโตขนาดนี้แล้ว!

พระเจ้า หลานชายตัวน้อยพระองค์แรกแห่งราชวงศ์ฉางอัน ร่วงลงมาจากสวรรค์เช่นนี้ ทั้งยังหล่นลงมาข้างหน้าม้าของท่านฉีอ๋อง จากนั้นทำทุกคนตกตะลึง!

มองดูท่านฉีอ๋องตื่นเต้น ชายหนุ่มผู้เข้มแข็ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนกับเด็กทารกกินนม อีกทั้งยังอยู่บนถนนใหญ่ ต่อหน้าทหารคุ้มกัน ท่านอ๋องสูญเสียความน่าเกรงขามจนหมดสิ้น ไม่เหลืออะไรเลย

ทุกคนตกอยู่ในห้วงแห่งความมึนงงที่เสี่ยวอวินเช่อนำมา ไม่มีใครใส่ใจประโยคครึ่งหลังที่บอกว่า ‘พระชายากำลังจะแต่งงานใหม่‘ เลยสักคน

ส่วนมู่หรงฉี พอร้องไห้เสร็จก็แย้มยิ้มออกมา ยิ้มไปยิ้มมา น้ำตาก็ไหลพรากลงมาอีกครั้ง เช็ดหน้าเช็ดตาอย่างไม่ขวยเขิน “ข้าเป็นพ่อของเจ้า ข้าเป็นพ่อของเจ้าจริงๆ!”

คำพูดนี้ฟังอย่างไรก็เหมือนด่าคน

เสี่ยวอวินเช่อกะพริบตาปริบปริบ “การสู่ขอไม่รีบร้อน ท่านแม่ของข้ายังไม่ได้บอกให้ข้ายอมรับ”

ท่านฉีอ๋องเพิ่งจะนึกออก พอเห็นลูกชายก็มัวแต่ตื่นเต้นจนลืมเหลิ่งชิงฮวนไปเสียแล้ว

“แม่ของเจ้าล่ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องแต่งงานใหม่ด้วย”

“ได้ยินว่าคนอื่นถูกใจนาง เลยพานางไป แต่ข้าไม่แน่ใจว่าถูกบังคับหรือหนีตามกันไปเอง โดยเฉพาะหลังจากเจอท่าน”

บุรุษเหลวแหลกขี้แยเช่นนี้ ท่านแม่ของข้าไม่มีทางตกหลุมรักได้ นึกถึงตอนแรก หลังจากตนก่อเรื่องวุ่นวาย จึงแกล้งการร้องไห้แงๆ อีกนิดเดียวก็จะโดนท่านแม่ฟาดด้วยแส้และเตะเอาแส้ฟาดและเตะกระเด็นไปเสียแล้ว พ่อคนนี้ คาดว่าท่านแม่คงทิ้งไปด้วยความเอือมระอา

ท่านฉีอ๋องรู้สึกว่า คำพูดของลูกชายตนเองไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นจึงเคลื่อนสานตาสีแดงจัดไปทางเฟิงเหล่ยอวี้

พอเฟิงเหล่ยอวี้เห็นพ่อลูกรู้จักกันอีกครั้งหลังจากแยกทางกันมาหลายปี จึงรู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้า และบอกต้นสายปลายเหตุที่รับรู้มาออกไป

“ประมุขของข้ากับรัชทายาทเสิ่นไปช่วยพระชายาแล้ว องค์รัชทายาทกังวลว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงให้พวกเรารีบมายังเมืองหลวง และมาขอความช่วยเหลือจากท่าน”

พอท่านฉีอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจทันที เลือดร้อนระอุพุ่งขึ้นหน้าผาก ไร้สาระสิ้นดี! แย่งชายาของข้า ไม่เห็นราชวงศ์ฉางอันของข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม คิดว่าดาบในมือของข้าไร้ประโยชน์หรืออย่างไร

เขาทำเสียงไม่พอใจ “หนานจ้าวเล็กๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ รุกรานฉางอันของข้าหลายต่อหลายครั้ง ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับยั่วยุข้า คงเห็นข้าไม่ปราบปรามหนานจ้าวของเจ้า ทำให้เจ้าเปลี่ยนแผ่นดินใหม่!”

เฟิงเหล่ยอวี้กัดริมฝีปากล่างเบาๆ ความคิดไม่ดีผุดขึ้นในใจ ไม่ได้พูดประโยคครึ่งหลังออกมา :องค์รัชทายาทหนานจ้าวคงไม่รู้จริงๆ ว่าสตรีที่เขาตกหลุมรักเป็นพระชายาฉีของราชวงศ์ฉางอัน มิฉะนั้นคงมิกล้าบุ่มบ่ามเช่นนี้

ปล่อยให้ท่านอ๋องโกรธเกศาชันหมวกเพื่อโฉมงาม เป็นวีรบุรุษสักหน่อย

มู่หรงฉียืนขึ้น ไม่กลับจวนท่านอ๋อง หยิบป้ายห้อยเอวออกมาจากอก และโยนให้รองแม่ทัพอวี๋ “รีบไปที่ค่ายทหาร ระดมทหารม้าห้าหมื่นนาย ถ่ายทอดคำสั่งของข้า เคลื่อนพลไปยังหนานจ้าวทันที!”

รองแม่ทัพอวี๋ที่มองอยู่ข้างๆ เลือดเดือดพล่านทั่วตัว เบ้าตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน อยากโอบกอดม้าพันธุ์ดีของตนเอง และร้องไห้เสียงดัง ‘ฮือฮือ’ แทบอดใจไม่ไหว

หลายปีมานี้ มู่หรงฉีผ่านความทรมานแต่ละวันมาได้อย่างไร เขารู้ดีกว่าใคร

ลืมกินลืมนอน เอาแต่ฝึกกองทัพในสนามรบเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จิตใจโหดร้าย นี่คือท่านฉีอ๋องตอนกลางวัน ปฏิบัติต่อตนเองอย่างโหดเหี้ยมเหมือนกับคนเสียสติ

กินข้าวไม่อร่อย ร่างกายผอมแห้ง ไร้จิตวิญญาณ ยืมเหล้าคลายความเศร้า นี่คือมู่หรงฉีตอนกลางคืน โศกเศร้าเหมือนกับคนโง่เขลา

หลายคนพูดปลอบใจ ฮ่องเต้กับพระสนมฮุ่ยเฟยล้วนอยากให้เขากระปรี้กระเปร่า แต่เขากลับมุดเข้าไปในเขาโค เอาแต่หลบซ่อนและไม่ออกมาอีก

ภายในห้าปี เขาหลบหลีกสตรีเหมือนหลบงูและแมงป่อง ไม่เคยอนุญาตให้สตรีเข้าใกล้ภายในระยะสามฟุต ขาดไมตรีกับผู้ที่เป็นฝ่ายเข้ามาอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเหมือนกับรากษส ทำให้คนกลัวสุดขีด

เขาเสียใจมาก พลันลูบหัวของเสี่ยวอวินเช่อ “เด็กดี ต้องเชื่อฟัง เจ้าต้องอยู่ที่เมืองหลวง เดี๋ยวพ่อจะให้คนพาเจ้าไปหาเสด็จปู่กับเสด็จย่าในวัง พ่อแย่งตัวท่านแม่ของเจ้าได้แล้ว จะรีบกลับมาทันที”

เสี่ยวอวินเช่อไม่ยอม เขาออกแรงบิดตัว “ถ้าท่านไม่พาข้าไปด้วย กลับมาข้าจะไม่เรียกท่านว่าพ่อ”

มู่หรงฉีจนปัญญาเล็กน้อย อีกทั้งยังร้อนใจมาก เลยชำเลืองมองเฟิงเหล่ยอวี้ซึ่งอยู่ข้างๆ

เฟิงเหล่ยอวี้เข้าใจความสำคัญของเรื่องราว ขณะนี้ วังหลวงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของเสี่ยวอวินเช่อกระจ่างแจ้งแล้ว ช้าเร็วก็ต้องกลับสู่วงค์ตระกูล

ด้วยเหตุนี้จึงโค้งตัวลงพูดเกลี้ยกล่อมเสี่ยวอวินเช่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าในวังมีอะไรเยอะที่สุด”

“ท่านพ่อโฉวบอกว่า กฎระเบียบเยอะที่สุด”

พวกผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ล้วนถูกเขาทำให้ขำขัน คำพูดนี้ลึกซึ้งจริงๆ

เฟิงเหล่ยอวี้ยิ้มอย่างงดงาม “ไม่ใช่ สาวงามเยอะที่สุด ทุกที่มีแต่สาวงาม”

พอเสี่ยวอวินเช่อได้ยินคำนี้ ถึงกับตาไม่กะพริบ “เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่ และเข้าวังทันที”

มู่หรงฉีอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ ทั้งยังสงสัยเล็กน้อยว่าแท้จริงแล้วหนุ่มน้อยคนนี้เป็นลูกของตนหรือเปล่า

เวลาไม่เคยคอยท่า เขาออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันหลายนายทางด้านหลัง รีบเอาป้ายห้อยเอวของเขาไป และคุ้มกันเสี่ยวอวินเช่อเข้าวัง ส่วนตนเองแทบไม่สนใจกลับจวนท่านอ๋อง เขาเปลี่ยนทิศทางม้า และควบม้าลงแส้ไปทางอวี้โจวอย่างเร่งรีบทันที ภายในใจเหมือนกับมีไฟลุกโชน

ชิงฮวน ข้ามาแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา