ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 487

คนของหอซ่อนดาบหลังจากประสบความสำเร็จจะปลดเกษียณกลับคืนสู่ชีวิตสันโดษอย่างมีจิตสำนึก

เหล่าทหารคุ้มกันเสี่ยวอวินเช่อเข้าวัง ถือป้ายห้อยเอวของท่านฉีอ๋อง ทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าประตูวังไม่กล้าเฉยเมย วิ่งเข้าไปกราบบังคมทูลรายงานต่อฮ่องเต้ทันที

ฮ่องเต้ทรงมีความวิริยอุตสาหะในราชการแผ่นดินต่อราษฎร เวลาป่านนี้แล้ว ยังคงเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันตรงห้องทรงพระอักษรเพื่ออภิปรายงานราชการ แน่นอนว่าเสนาบดีเหลิ่งก็อยู่ด้วย

องครักษ์แทบจะเสียบประทัดไฟดังเป็นคู่ไว้ตรงก้น วิ่งมาถึงประตูห้องทรงพระอักษรอย่างตะลีตะลาน หายใจเหนื่อยหอบ พลันชี้แจงกับขันทีเน่ยซื่อที่เฝ้าตรงประตูว่า “เร็วเข้า รีบกราบทูลฝ่าบาท เร่งด่วยมาก ท่านฉีอ๋องส่งคนเข้าวัง มีเรื่องสำคัญ!”

น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นอยู่ควบคุมไม่ได้ ขันทีเน่ยซื่อไม่ต้องกราบทูล ฮ่องเต้ก็ได้ยินจากด้านใน จึงออกคำสั่งอย่างเสียงดังว่า “เข้ามาตอบด้านใน”

องครักษ์รีบร้อน เดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็ว เพราะว่าตื่นเต้น เลยเกือบจะสะดุดล้มเสียแล้ว

วันนี้ฮ่องเต้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เพิ่งจะดุด่าเหล่าขุนนางใหญ่อย่างรุนแรง ใบหน้าเคร่งเครียด พอเห็นองครักษ์คนนี้เลินเล่อ จึงไม่พอใจอย่างยิ่ง และทำหน้าขรึม “เรื่องอะไรถึงได้ร้อนรนนัก ฉีอ๋องเป็นอะไร”

องครักษ์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึก และเลือกกราบทูลเรื่องสำคัญก่อน “กราบ…กราบทูลฝ่าบาท ท่านฉีอ๋องระดมกำลังทหารห้าหมื่นนาย และกำลังจะเคลื่อนพลไปยังหนานจ้าว บอกว่าจะจัดการกับหนานจ้าว”

พูดจบ ทุกคนล้วนแปลกใจ ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้ตกใจจนตบโต๊ะ และลุกขึ้นยืน “มีอย่างที่ไหน! ไม่มีพระราชโองการของข้า เจ้าลูกเวรกล้าออกทัพโดยพลการอย่างนั้นหรือ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม ถ่ายทอดความประสงค์ของข้า สั่งให้มู่หรงฉีเข้าวังทันที ทางที่ดีมาอธิบายกับช้า”

“ท่านฉีอ๋องออกจากเมืองหลวง ล่วงหน้าไปยังหนานจ้าวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าขุนนางใหญ่ต่างมองหน้ากัน นี่มันไม่ปกติ ถึงแม้ท่านฉีอ๋องหดหู่เล็กน้อย ตั้งแต่พระชายาฉีจากไป แต่ทว่า คงไม่ถึงขนาดกินอิ่มเกิน เลยวิ่งไปหาเรื่องหนานจ้าวเพราะว่างงานกระมัง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนฆ่าโจรขโมย อาจทำลายความสัมพันธ์ของสองแคว้นได้

ตอนนั้น มีขุนนางใหญ่ต้องการยืนขึ้น และกล่าวหาความผิด

“ออกศึกเป็นการเล่นแบบเด็กๆ หรืออย่างไร เรื่องนี้สำคัญมาก ฝ่าบาทโปรดคิดทบทวน”

ฮ่องเต้เสียเกียรติอย่างยิ่ง “เจ้าไม่รักดีคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ รีบร่างพระราชโองการ แม่ทัพใหญ่หยุดกองทัพชั่วคราว หากผู้ใดกล้าออกจากเมืองหลวงโดยพลการ ข้าจะตัดหัวทันที!”

องครักษ์หายใจแรง “ยังมี…”

“ยังมีเรื่องอะไร”

“ยังมีเด็กที่ท่านฉีอ๋องส่งเข้าวังมาคนหนึ่ง บอกว่าเป็นหลานชายของฝ่าบาท ขอฝากไว้ในวังชั่วคราว รอเขาแย่งพระชายาฉีกลับมาได้ คอยทวงคืนกลับไป”

ฮ่องเต้งงงวย “หลานชายอะไร พระชายาฉีอะไรกัน”

“อย่างไรก็ตามนี่คือคำพูดเดิม รายละเอียดเป็นอย่างไร ผู้น้อยไม่ทราบ”

ฝ่าบาทไตร่ตรองความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้อย่างละเอียด อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ จึงบอกให้ดำเนินการทันที “เช่นนั้นยังไม่รีบเรียกคนเข้าวังอีก ฝากบอกก็ไม่ชัดเจน พูดจาสับสน ข้าจะเอาเจ้าไว้ทำไม”

องครักษ์ลุกขึ้น และวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ฮ่องเต้ไม่หารือกิจการบ้านเมืองแล้ว รีบร้อนจนไม่สบายใจเล็กน้อย คำว่าหลานชายกระตุ้นให้เขาเกิดความสนใจได้สำเร็จ

ส่วนเหล่าขุนนางใหญ่ ต่างฝ่ายมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรชั่วขณะ หลานชายฝ่าบาทมาจากไหนกัน

ฮ่องเต้ร้อนใจจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ยื่นคอมองออกไปข้างนอก เสี่ยวอวินเช่อกลับไม่รีบร้อน ก้าวขาสั้นๆ ทั้งสองข้าอย่าช้าๆ เดินไปพลาง ชมทิวทัศน์ไปพลาง ระหว่างทางยังจับนางกำนัลสาวสวย และพูดหยอกล้อประโยคสองประโยค

ทหารคุ้มกันร้อนใจ แต่ไม่กล้าเร่งรัด อีกเดี๋ยวคุณชายน้อยคนนี้จะมีสถานะเปลี่ยนไป เกรงว่าสถานะของเขาจะสูงส่งมาก ตนไม่สามารถยั่วแหย่ได้

เสี่ยวอวินเช่อเดินมาถึงครึ่งทาง ก็ไม่เดินต่อแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา