ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 488

สรุปบท ตอนที่ 488 เพิ่มกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 488 เพิ่มกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 488 เพิ่มกำลังทหารหนึ่งหมื่นนาย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

แต่ทว่า ฮ่องเต้ในเวลานี้กลายเป็นปู่แล้ว เส้นผมก็กลายเป็นสีดอกเลา การที่ฟันร่วง ถือว่าสมเหตุสมผล ไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าแท้จริงแล้วฟันซี่นั้นหายไปได้อย่างไร

แค่มองดูแล้ว ไม่สบอารมณ์นัก ถึงอย่างไร ตำแหน่งที่ฟันหายไป ง่ายต่อการทำให้คนครุ่นคิดไปไกล

เสี่ยวอวินเช่อไม่กลัวคนแปลกหน้าเลยสักนิด เอาอุ้งมือแสนอวบอ้วนคว้าเคราของฮ่องเต้ เอียงศีรษะมองฟันของเขา และทำหน้าจริงจัง

“ที่แท้เสด็จปู่ก็ชอบกินลูกอม ดูสิ ฟันของเสด็จปู่เหมือนกับเช่อเอ๋อร์เลย โดนแมงกินหมดแล้ว”

อวินเช่อพูดพร้อมกับยิงฟันโชว์ฟันหลอของตนเองให้ฮ่องเต้ดู

ไอหยาไอหยา ปู่หลานเป็นเหมือนกันเลย

ฮ่องเต้เพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ อยากจะหุบปาก แต่ลำบากเล็กน้อย อ้าปากกว้างแล้วกลับหุบได้ยาก เช่นนั้นก็อย่าสนใจมันเลย ถึงอย่างไร ข้ายังคงเป็นกษัตริย์แสนสูงส่ง ใครจะกล้าขำขัน

ข้ออ้างที่หลานชายแสนดีหามาให้นั้นดีมาก โดนแมงกัดแทะ ไม่ขายหน้า

“หลายชายแสนดี หลานชายแสนดี คงจะคิดถึงปู่แย่มากสินะ ทำไมเพิ่งจะกลับมาล่ะ”

“ข้าไม่มีเวลา ข้าต้องเรียนหนังสือ ฝึกดาบ ฝึกวิชาแพทย์ ฝึกทำการค้า เหนื่อยจนร่างกายของข้าไม่เติบโตแล้ว จะมีเวลามาหาเสด็จปู่ได้อย่างไร ท่านคงจะไม่รู้ว่าท่านแม่ของข้าดุร้ายเพียงใด หากรู้ว่าข้าโดดเรียน ก็จะตีก้นของข้าจนเปื่อย”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ แม่ของเขาคงจะเป็นเหลิ่งชิงฮวนไม่ผิดแน่

ฮ่องเต้รู้สึกเจ็บปวดใจ “หลานชายข้ายังเล็กมาก ร่ำเรียนสิ่งยุ่งเหยิงเหล่านี้ไปทำไมกัน เหลิ่งชิงฮวนคนนี้ อยากให้หลานชายข้าเหนื่อยหรืออย่างไร”

เฟิงเหล่ยอวี้ซึ่งอยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนั้นก็แบะปาก หนุ่มน้อยคนนี้ฟ้องเก่งเสียจริง พูดเหมือนตนเองยอมเรียน ไม่ชอบเรียนวัฒนธรรมตั้งแต่เล็ก ประโยคเดียวมีเหตุผลเดินไปทั่วหล้า คืนวิชาแพทย์ และการค้า ไม่กลัวโดนประเมินผลการเรียนเอาเสียเลย

เสี่ยวอวินเช่อซาบซึ้งจนเกือบจะร้องไห้น้ำมูกไหล กอดคอฮ่องเต้ หอมแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว น้ำลายไหลแหละๆ

“เสด็จปู่ดีกับข้าที่สุด รักข้าที่สุด ถ้าเช่อเอ๋อร์รู้ว่าเสด็จปู่รักข้าขนาดนี้ ต่อให้โดนตี ข้าคงมาขอพึ่งท่านนานแล้ว เจ็บปวดระยะสั้นดีกว่าเจ็บปวดระยะยาว”

นี่เรียกว่าเจอคนพูดภาษาคน เจอผีพูดภาษาผี ทักษะของคุณชายน้อยอวินเช่อเหนือกว่าคนทั่วไป มิฉะนั้นตอนอยู่เจียงหนาน จะหยอกล้อท่านแม่ของโฉวซือเส่าอย่างมีความสุข ไม่เจอหลายวันก็คิดถึงได้อย่างไรกัน

ชื่นชมกันมากเกินไป ฮ่องเต้ตื่นเต้นและภาคภูมิใจมากกว่าได้รับการเคารพจากหลายแคว้นเสียอีก ความตื่นเต้นพลุ่งพล่าน เป่าหนวดเปิดตาเพื่ออวดบารมี

“เหลิ่งชิงฮวนกล้าตีเจ้า ข้ายกโทษให้นางไม่ได้!”

เสนาบดีเหลิ่งซึ่งอยู่ข้างๆ กระวนกระวายใจจนขยี้ฝ่ามือ ยากมากว่าจะรอปู่หลานหยุดพูด เลยรีบพูดแทรก และทำใบหน้ายิ้มแย้ม “หนูน้อย ข้า ข้าเป็นตาของเจ้า”

เสี่ยวอวินเช่อกะพริบตาดวงโต และเหลือบมองเสนาบดีเหลิ่ง “ท่านคืออัครเสนาบดีแห่งราชวงศ์ปัจจุบันใช่หรือไม่”

ระหว่างเข้าเมืองหลวง เฟิงเหล่ยอวี้เล่าเรื่องราวของเขาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว

เสนาบดีเหลิ่งรีบพยักหน้า “เหลิ่งชิงฮวนเป็นลูกสาวของข้า ข้าเป็นตาของเจ้า”

เสี่ยวอวินเช่อทำเสียงไม่พอใจอย่างจริงจัง “ไม่สั่งสอนลูก คือความผิดของบิดา ข้าอยากเจอท่านนานแล้ว อยากถามท่านว่า ตอนนั้นท่านสั่งสอนท่านแม่ของข้าอย่างไร ทำไมถึงโหดเหี้ยม และร้ายกาจเช่นนี้ ท่านไม่กลัวนางขายไม่ออกหรือ”

ประโยคนี้ ทำเอาเหล่าขุนนางหัวเราะครื้นเครง

ทำฮ่องเต้ขำขันเสียแล้ว หลานชายแสนดีของตนเองไม่เพียงแต่ความรู้ดี แต่ยังนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้จริง คำพูดคำจาล้วนอ้างอิงจากหลักฐาน โตขึ้นมาคงจะโดดเด่น แน่นอนว่าเป็นอัจฉริยะ

“แม่ของเจ้าล่ะ” ฮ่องเต้เพิ่งจะนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขาคำนึงหาเหลิ่งชิงฮวนมานานแล้ว ตั้งแต่ฟันปลอมซี่นั้นหายไป

เสี่ยวอวินเช่อขมวดคิ้วและทำหน้าขมขื่น พลางถอนหายใจด้วยความหดหู่ “องค์รัชทายาทแห่งหนานจ้าวไม่ระวัง ดันมาตกหลุมรักท่านแม่ของข้า และแย่งนางไปแล้ว”

แต่จู่ๆ หลานชายตัวน้อยกลับเพิ่มมา เหมือนกับหินก้อนใหญ่กระทุ้งกระดานหก ทำเอาทุกคนตรงหน้าตัวสั่นจนตรงดิ่งขึ้นท้องฟ้า

ปริมาณนี้หนักเกินไป

รวมถึงเสนาบดีเหลิ่ง เขากระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างชัดเจน เหมือนกับฉีดเลือดไก้อย่างไรอย่างนั้น เดินรอบๆ ฮ่องเต้ เหมือนกับลาเตี้ยกลึงหินโม่ แถมยังทำหน้าตะกละ

ฮ่องเต้มองหลานชายในอ้อมกอด มองอย่างไรก็ไม่พอ เสนาบดีเหลิ่งขัดหูขัดตาเล็กน้อย เลยจับมือ “ถอยออกไป ทุกคนถอยออกไป อย่าโยกไปมาต่อหน้าข้า รำคาญใจนัก”

ว่ากันว่าคำพูดของฮ่องเต้ล้ำค่าดั่งหยก แต่ฝ่าบาทของตนเองพูดกลับไปกลับมา พูดจาไม่น่าเชื่อถือ เมื่อครู่ยังตำหนิอย่างรุนแรง บอกว่าเรื่องพวกนี้หากไม่ปรึกษาหาคำตอบออกมา ใครก็ห้ามกลับบ้านกินข้าว แต่พอหันหลังก็ไล่คนอื่นไปเสียอย่างนั้น

ทุกคนเหลือบมองรูฟันสีดำของฮ่องเต้ หดคอลง และออกไปจากวัง เสนาบดีเหลิ่งรู้สึกโกรธเคือง แต่ไม่กล้าพูดออกไป ทำใจจากไปไม่ได้

ข่าวที่ว่าหลานชายตัวน้อยของฮ่องเต้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ราวกับลมพัดแรง ชะตากรรมอันตรายและน่ากลัวมาก

คนมากมายรู้สึกเหลือเชื่อ ปีนั้นพระชายาฉีตายไปแล้วมิใช่หรือ นอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของท่านฉีอ๋องสองวัน ถึงจะถูกเอาไปใส่โลงศพ จากนั้นร่วงลงหน้าผาสูงชัน แถมยังโดนน้ำซัด จะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ถึงแม้นางจะฟื้นคืนชีพจากความตาย กลิ้งไปกลิ้งมาเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะรักษาลูกไว้ได้ มหัศจรรย์จริงๆ

ดังนั้น คนจำนวนมากจึงสงสัยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่หลายชายของฮ่องเต้ ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังจะซ่อนแผนการร้ายอะไรไว้

ฝ่าบาทเฉลียวฉลาดและองอาจกล้าหาญเช่นนี้ เหตุใดถึงหลงกลง่ายเช่นนี้ แค่เด็กน้อยคนนี้เรียกว่าเสด็จปู่ เขาก็มีความสุขเป็นเด็กน้อยแล้วหรือ

คืนนี้ ถูกกำหนดให้เป็นค่ำคืนที่นอนไม่หลับ สัตว์ประหลาดชั่วร้ายมากมายปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริง วิ่งอย่างตื่นตระหนกอย่างลับๆ ติดต่อกับคนของตัวเอง พรุ่งนี้เช้าบนราชสำนัก ร่วมลงนามยื่นหนังสือ ขอให้วินิจฉัยเลือดระบุสัมพันธ์เครือญาติ

สายเลือดของราชวงศ์จะแปดเปื้อนไม่ได้ ถึงแม้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะยังมีชีวิตอยู่ เด็กคนนี้ก็อาจจะไม่ใช่หลานชายของราชวงศ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา