เหลิ่งชิงหลางฟาดผ้าที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้งดัง “เพี้ยะ” เสียงดังขึ้นมา
“ช่างกำเริบเสิบสานไปแล้ว เมื่อตอนที่ใกล้จะแต่งงาน ท่านแม่ก็เคยกำชับกับข้าไว้ก่อนหน้านี้ แต่ข้าไม่เชื่อ ไม่คิดเลยว่า นางจะกล้ามีความคิดเช่นนี้จริงๆ แม่จ้าว ไปจับนางแพศยานั่นมาให้ข้าที ข้าอยากจะเห็นนักว่าทำไมนางถึงได้กล้าดีเช่นนี้? หรือว่าไม่รู้ว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าแค่ไหน?”
“ฮูหยินท่านต้องใจเย็นๆ กว่านี้ก่อนเจ้าค่ะ” แม่จ้าวเหลือบมองไปยังลานด้านนอกจวนทางหน้าต่าง และกระซิบเตือนด้วยเสียงเบา “ต่อให้ท่านถามนางไป นางก็จะพูดจากลับกลอก หรือต่อให้ท่านตีนางจนตาย นางก็ไม่มีทางยอมรับออกมา และยังจะทำลายความรู้สึกระหว่างนายกับบ่าวเสียเปล่า”
เหลิ่งชิงหลางมองสำรวจไปที่แม่จ้าวที่อยู่ตรงหน้า และนึกถึงคำเตือนจากตระกูลจินที่กำชับด้วยความหวังดีครั้งแล้วครั้งเล่า
ตระกูลจินบอกว่า ถ้าหากตัวนางอยากยกจือชิวขึ้นมาเป็นสาวใช้ข้างห้องนั้นก็ถือว่าเป็นพระคุณของนาง แต่ถ้าจือชิวตะเกียกตะกายขึ้นมาด้วยตัวเองละก็ นั้นก็คือการไม่เห็นหัวเจ้านายอยู่ในสายตา คนประเภทนี้มีบุญคุณท่วมหัวแต่กลับเนรคุณคน มีความทะเยอทะยานสูง ไม่สามารถเลี้ยงไว้จนเคยตัวได้
แต่แม่จ้าวนั้น ไม่มีความทะเยอทะยานสิ่งใดในใจมีแต่หวังดีคิดจะทำเพื่อเจ้านายเท่านั้น
จือชิวรับใช้เหลิ่งชิงหลางมาหลายปี และซื่อสัตย์มาโดยตลอด ดังนั้นเหลิ่งชิงหลางจึงทำเป็นหูทวนลมไม่ฟังคำพูดที่พูดเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความหวังดีของจินซือ หลังจากแต่งงานเข้าจวนอ๋องมาแล้ว จะไปไหนมาไหนก็จะพาจือชิวไปด้วยเสมอ แม้ว่าตอนอยู่ต่อหน้ามู่หรงฉี จือชิวชอบพูดมากเกินงาม แกล้งทำอะไรอวดฉลาดเล็กๆ น้อยๆ ตัวเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
กลับเป็นแม่จ้าวคนนี้ ที่แอบทำอะไรต่างๆ อย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ดูแลทุกอย่างทั้งภายนอกและภายในจวนไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ไม่เคยมาทำอวดเก่งต่อหน้าตัวเองเลยสักครั้ง
เรื่องที่แม่จ้าวกับจือชิวลับหลังไม่ลงรอยกันนั้น นางรู้มาตั้งนานแล้ว เพราะว่าลับหลังจือชิวเองก็แอบนินทาแม่จ้าวเอาไว้อยู่ไม่น้อย แต่ที่เหลิ่งชิงหลางปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เพราะว่าถ้าหากทั้งสองคนเข้ากันได้ดี นางที่เป็นเจ้านายต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายระวังตัวเอง
วันนี้เมื่อได้ยินแม่จ้าวเอ่ยพูดเรื่องไม่ดีของจือชิวต่อหน้าตัวเอง ตัวนางจึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงต้องการเรียกหาจือชิวมาถามไถ่เพื่อยืนยัน
“ถ้าไม่ชักสีหน้าให้นางเห็นสักนิด หรือว่าจะปล่อยให้นางทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ต่อไปหรือไง? ต่อให้ไม่มี ก็ต้องมีพูดเตือนให้ทราบหน่อย ให้นางตายใจให้เร็วที่สุด”
แม่จ้าวยิ้มเล็กน้อย “ช่วงนี้ที่คุณหนูใจร้อนหงุดหงิดง่ายไปหน่อย ก็ต้องเป็นเพราะจือชิวนางหนูคนนี้มีส่วนทำให้เป็นแบบนี้อยู่แปดในสิบส่วน”
“หมายความว่าอย่างไร?” เหลิ่งชิงหลางถามด้วยความสงสัย
“ยกตัวอย่างเรื่องที่ท่านอ๋องเกลียดพระชายาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องหย่ากับพระชายาไป ฮูหยินแค่ทำเพียงต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดีที่สุด ทำให้ท่านอ๋องเห็นว่าความดีของท่านแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทำไมจะต้องไปทะเลาะกับพระชายาอ๋องซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยเจ้าค่ะ?
พระชายาเป็นคนตัวเปล่าไม่มีอะไรต้องเสียสักอย่าง ยอมทุ่มหมดตัวไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ถึงขนาดใช้มีดบีบบังคับท่านอ๋องยังกล้าทำออกมาได้ พวกเราไม่สามารถทำได้ นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว สุดท้ายก็เป็นเพียงการอยากอวดฉลาดแต่กลับกลายเป็นการปล่อยไก่แทน อีกทั้งยังเป็นการผลักท่านอ๋องกลับไปสู่อ้อมแขนของพระชายาอีก
ท่านลองคิดไตร่ตรองดูดีๆ หลายครั้งหลายครา นอกจากแม่หนูจือชิวคนนั้นที่ไปทำตัวโดดเด่นต่อหน้าท่านอ๋องแล้ว ท่านเคยได้อะไรมาบ้างหรือไม่เจ้าค่ะ? ใครจะไปรู้ว่าแม่หนูจือชิวกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่? ท่านถูกนางยุยงจนใจร้อนเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
คำพูดของแม่จ้าวทำให้ตื่นออกจากภวังค์ฝัน ทำให้เหลิ่งชิงหลางเข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลัน ไม่ว่าจือชิวจะมีเป้าหมายอะไร ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ดีเมื่อมองสิ่งที่ทำผ่านมาทั้งหลาย ตัวเองกลับไม่ได้ประโยชน์อะไรสักนิดจริงๆ อย่างที่ว่า
“ถ้าเช่นนั้นแม่จ้าวท่านเห็นว่าควรทำเยี่ยงไรดี?”
“พระชายายินดีที่จะป่วนอย่างไรก็เป็นเรื่องของพระนาง ท่านแค่สนใจเรื่องที่จะทำยังไงให้ท่านอ๋องชอบท่านก็พอเจ้าค่ะ ขอแค่ได้รับความโปรดปราน ไม่ว่าจะพูดอะไรทุกอย่างล้วนได้ทั้งสิ้น”
“แล้วจือชิวล่ะ?”
“เรื่องนี้บ่าวไม่กล้าพูดอะไรมาก ถ้าฮูหยินชอบให้นางรับใช้ ก็แค่หาใครสักคนให้นางแต่งด้วย หยุดยั้งความทะเยอทะยานของนางไปเจ้าค่ะ”
ในดวงตาของเหลิ่งชิงหลางแวบให้เห็นถึงแววตาอันโหดเหี้ยม ไม่ว่าสิ่งที่แม่จ้าวพูดมาจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จก็ตาม จือชิวมีความทะเยอทะยานหรือไม่นั้น แต่ข้อเสนอของแม่จ้าวก็ไม่เลวเหมือนกัน ขอเพียงยกจือชิวให้แต่งานกับคนอื่นไป บางทีนางอาจจะทำตัวสงบเสงี่ยมตามหน้าที่ที่ควรทำ
เจ้าเด็กคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาดเล็กน้อยจริงๆ อีกทั้งยังเป็นถึงมือขวาของตัวเอง ถ้าจะให้ทิ้งไปไม่ใช้งานแล้ว ก็น่าเสียดายจริงๆ นั่นแหละ
คำพูดของแม่จ้าวฟังหูไว้หูจะดีกว่า เรื่องนี้จะต้องจัดการให้ดีๆ ลำเอียงเพียงเล็กน้อย เจ้านายกับบ่าวก็อาจจะมีใจออกห่างกันได้ คนที่ได้ประโยชน์ก็มีแต่เหลิ่งชิงฮวน
ช่วงหลายวันมานี้เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเป็นอิสระอย่างที่สุด ได้ยินแม่นมเตียวบอกว่า มู่หรงฉีนำทหารไปปราบโจรแล้ว
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะถูกตัวเองทำให้โกรธขึ้นมาจริงๆ ถึงได้วิ่งไปฆ่าคนเพื่อระบายความโกรธอย่างงั้นหรือ? แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลังจากฆ่าคนดับกระหาย แสดงบารมีมากพอแล้ว กลับมาก็คงเป็นปกติได้นิดหน่อย จะได้ไม่ต้องใช้ตัวเองเป็นเป้า และใช้ชีวิตอยู่ในความหวาดผวาหวาดกลัวตลอดเวลา
แต่ว่าท่านอ๋องที่เป็นเทพแห่งสงครามกลับไปปราบโจรเสียได้ นี่มันจะเหมือนกับการขี่ช้างจับตั๊กแตนเกินไปหน่อยไหม แค่เพียงใช้ชื่อเสียงเรียงนามก็ทำให้พวกโจรทั้งหลายเกรงกลัวไม่กล้าหือยอมจำนนแล้ว ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปหลายๆ วันแบบนี้ อีกทั้งเอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับงานจนไม่กลับบ้านกลับช่อง? อย่าลืมสิภายในเรือนจื่อเถิง ยังมีหญิงที่งดงามหยาดเยิ้มรอร่วมหอด้วยอยู่หนึ่งท่าน
แย่แล้วเจ้าหมอนี่ไปกินยาอะไรผิดมาอีกหรือเปล่านะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...