ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 518

ชาวฉางอันเล่ากันปากต่อปาก ทั้งมู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนต่างก็มีความลับที่น่าเหลือเชื่อถูกปกปิดเอาไว้ เล่าขานเรื่องการต่อสู้น่าพิศวงนี้

พวกหญิงสาววัยรุ่นแรกแย้มที่อยู่ในเรือนหอ ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งหน้าแดงใจเต้นระรัว เลือดพลุ่งพล่าน ต่างชื่นชมอิจฉาเรื่องราวของเหลิ่งชิงฮวน ได้แต่เฝ้ารอตาปริบๆ จะมีวีรบุรุษเช่นนี้หล่นมาจากฝากฟ้า มอบเรื่องราวที่ดีงามยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง

เหลิ่งชิงฮวนในฐานะที่เป็นตัวเอกของเรื่องก็ไม่คิดเหมือนกัน ข่าวคราวเงียบหายไปห้าปีแล้ว ตอนนี้ตัวเองมาปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นวิธีการเปิดตัวที่เกริกก้องอย่างนี้ นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

เมื่อเธอเดินไปตามตรอกซอกซอยในเมืองอวี้โจว ต่างก็ได้รับความรักและความเคารพจากผู้คน ทำให้เธอไม่สบายใจ

ไม้เด่นในป่า ลมพัดโค่นลง ข่าวกระพือเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี ความสงบเงียบและสงบสุขที่ตัวเองเฝ้าปรารถนามาโดยตลอด กลัวก็แต่ ณ เวลานี้ จะต้องถูกรบกวนแล้ว

เมื่อโฉวซือเส่าได้ยิน ในใจก็ยิ่งไม่หมดอารมณ์

เสิ่นหลินเฟิงเคยถามเขาเป็นการส่วนตัว : ชอบเหลิ่งชิงฮวนจริงๆใช่ไหม?

เขาหลีกเลี่ยง ไม่ได้ให้คำตอบกับใคร

เขามีความเคารพตัวเองและภาคภูมิใจมากกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ไม่ยอมให้เสิ่นหลินเฟิงมองหัวใจของตัวเองทะลุปรุโปร่ง

ทว่า ก็ยิ่งหวงแหนทุกช่วงเวลาที่อยู่กับเหลิ่งชิงฮวนมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย

เมื่อได้รับข่าวที่แคว้นหนานจ้าวยอมจำนน เหลิ่งชิงฮวนก็ตัดสินใจกลับเมืองหลวงทันที

ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็ยังคงฝากเลี้ยงอยู่ในวังหลวง แม้ว่าเจ้าเด็กน้อยจะร่างกายแข็งแรง แต่ว่าไม่ได้เจอหน้าแม่ของตัวเองเสียตั้งนาน และก็เป็นครั้งแรกไม่รู้ว่าเขาจะร้องไห้งอแงหาแม่หรือเปล่า

แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้เธอล้วนเข้าข้างตัวเอง เพระว่า ตอนนี้เสี่ยวอวิ๋นเช่อตกอยู่ท่ามกลางสาวงาม มีความสุขกับการใช้ชีวิตใหม่จนลืมบ้านตัวเอง ลืมแม่เสือที่ดุร้ายไปตั้งนานแล้ว

งานที่สั่งให้ทำเสิ่นหลิงเฟิงนั้นยังจัดการไม่เสร็จ เขาในฐานะข้าหลวงใหญ่แห่งราชสำนัก ยังต้องรับผิดชอบเรื่องการฟื้นฟูอวี้โจวหลังจากที่เกิดภัยพิบัติ จำเป็นต้องล่าช้าออกไปอีกสองวัน

เหลิ่งชิงฮวนและโฉวซือเส่าก็เลยกลับมาก่อน

ทั้งคู่เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค รักษาผู้ป่วยโรคระบาด ดังนั้น แม้ว่ามู่หรงฉีจะกลับจากอวี้โจวช้ากว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่กี่วัน แต่เพราะหัวใจที่จะกลับบ้านเป็นดั่งลูกธนู เขาจึงกลับมาถึงเมืองหลวงเร็วกว่าเหลิ่งชิงฮวนก้าวเดียว

เหลิ่งชิงฮวนรีบกลับมาอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอน ยังไม่ทันทีจะเข้าเมือง รองแม่ทัพอวี๋ก็ได้รับข่าว ท้ายที่สุด คนที่สวมชุดแดง หลงตัวเองเหมือนโฉวซือเส่ามีอยู่ไม่มากนัก ทหารที่ถูกรองแม่ทัพอวี๋ส่งมาไถ่ถามข่าวคราว มอบแวบเดียวก็จำได้แล้ว

รองแม่ทัพอวี๋ไม่มีกำลังหลักพึ่งพา ไม่สามารถแสดงฝีมือได้ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เมื่อได้รับข่าว ก็ให้คนขี่ม้าตรงมาที่ประตูเมืองทันที

เหลิ่งชิงฮวนและโฉวซือเส่าทั้งสองขี่ม้า หนุ่มสาวรูปงาม สะดุดตาเป็นพิเศษ

และเมื่อเข้าประตูเมืองมา ก็ถูกตีล้อมไว้

รองแม่ทัพอวี๋พลิกตัวลงจากหลังม้า แทบจะกอดขาม้าของเหลิ่งชิงฮวนร้องไห้อย่างเจ็บปวด

“พระชายา รีบไปช่วยท่านอ๋องข้าด้วยเถิด หากท่านกลับมาช้ากว่านี้อีกเพียงนิดเดียว เกรงว่าจะไม่ได้พบหน้าเขาแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนชะงักงัน เห็นรองแม่ทัพอวี๋ขมขื่นเสียใจเหมือนพ่อแม่ตาย ในใจก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที จนเกือบล้มตกลงจากหลังม้า “ท่านอ๋องของท่านเป็นอะไร? ได้รับบาดเจ็บเหรอ?”

“เปล่า ไม่มี!” รองแม่ทัพอวี๋ปฏิเสธอย่างรีบร้อน “แต่ก็ใกล้จะตายแล้ว เขาถูกฮ่องเต้ผูกติดอยู่กับเสาธง ความผิดฐานที่โยกย้ายทหารโดยไม่ได้รับอนุญาต”

โฉวซือเส่าเมื่อได้ยินก็มีความสุข “ฮ่องเต้ทรงปรีชาสามารถเสียจริง เที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เจ้ามู่หรงฉีควรที่จะได้รับบทเรียนจริงๆ เพื่อไม่ให้เขาอาละวาดอีก”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกไม่สบายใจ ฮ่องเต้เป็นแบบอย่างของเอาเปรียบคนอื่นแล้วยังแกล้งทําเป็นเสียเปรียบ ฉางอันแทบจะพิชิตแคว้นหนานจ้าวได้โดยที่ไม่ต้องเสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว ลูกชายของตนเองไม่มีคุณงานความดีกลับมีความทุกข์แทน ทำไมยังต้องลงโทษอีก?

“ฮ่องเต้มีรับสั่งว่าอย่างไร? ต้องโบยหรือว่าตัดหัว?”

รองแม่ทัพอวี๋ชะงักไป “ดูเหมือนจะไม่ได้พูดอะไร บอกแค่ว่าภายในสามวัน หากท่านยังไม่กลับเข้าเมือง ก็จะลงโทษเขาอย่างรุนแรง”

เกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา