ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 53

สรุปบท ตอนที่ 53 เลี้ยงเหมือนนางเป็นหมู: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 53 เลี้ยงเหมือนนางเป็นหมู – ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บท ตอนที่ 53 เลี้ยงเหมือนนางเป็นหมู ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉลิมพล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เหลิ่งชิงฮวนผงะไปชั่วครู่ คาดไม่ถึงว่ามู่หรงฉีจะพูดหยอกเล่นด้วยคำพูดหวานๆ แบบนี้ได้ด้วย นางเม้มริมฝีปากลงและถลึงตาจ้องมองเขาอย่างหงุดหงิด บรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนค่อยๆ ละลายหายไป

มู่หรงฉีกระตุกมุมริมฝีปากขึ้น รอยยิ้มส่งผ่านไปถึงดวงตา “ทหารหลายคนที่ถูกถ่ายเลือดออกไปในวันนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“แน่นอนว่าไม่เป็นไร แค่อย่าลืมบำรุงสารอาหารเพิ่มให้กับพวกเขาก็เท่านั้นเอง”

มู่หรงฉีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งออกจากอก “พวกเขาคิดว่าจะมีผลกระทบต่อการแต่งงานและมีลูกในอนาคต มีบางคนถึงขั้นฝากฝังแม่ไว้กับพี่น้องคนอื่นๆ แล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนอึ้งไปชั่วครู่ ถึงได้นึกขึ้นได้ว่าคนยุคนี้ยังคงมีความคิดว่าอสุจิและเลือดเป็นรากฐานของความเป็นบุรุษ หากพวกเขาจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ แต่ความหวาดหวั่นนี้ไม่สามารถขัดขวางความมุ่งมั่นของพวกเขาในการตัดสินใจจะช่วยเหลือสหายผู้ร่วมรบ ไม่แม้แต่จะคิดถึงชีวิตของตัวเองสักนิด

พวกผู้ชายกลุ่มนี้ซื่อบื้อแต่น่ารักจริงๆ

นางอดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ในรอยยิ้มจึงแฝงไปด้วยความรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว “พวกท่านไม่เคยหลั่งเลือดในสนามหรอกหรือ? มันก็เหตุผลเดียวกัน”

“นั้นมันไม่เหมือนกันนะ” มู่หรงฉีเกาหัวตัวเอง เกิดอธิบายออกมาไม่ถูกชั่วขณะ จึงทำไม้ทำมือพร้อมเอ่ยขึ้นมา “ในมือเจ้าถือเลือดที่เจาะออกมา มันช่างน่ากลัวมาก อีกทั้งเข็มเล่มนั้นอีก”

หรือว่าชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงบึกบึนคนนี้จะกลัวเข็ม? หรือไม่ก็เป็นเพราะครั้งก่อนโดนตัวเองฝังเข็มเข้าไป จึงเกิดเป็นโรคกลัวเข็มขึ้นมา?

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที

“กินอะไรสักหน่อยเถอะ” มู่หรงฉีเริ่มเกลี้ยกล่อมด้วยความอดทนอีกครั้ง ราวกับว่าต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษตัวน้อยที่ทำอะไรไม่ได้ “ในค่ายทหารไม่มีอาหารอะไรที่ถูกปากหรอกนะ”

เหลิ่งชิงฮวนเหล่มองไปที่ชามโจ๊กหมูสับเล็กน้อย ข้าวเป็นเพียงข้าวกล้องธรรมดา และเพิ่มหมูสับลงไป ด้านบนโรยด้วยต้นหอมสีเขียว หยดน้ำมันงานิดหน่อย น่าจะมียาสมุนไพรอะไรอยู่ในนี้ด้วย ดมแล้วได้กลิ่นหอมของสมุนไพรอ่อนๆ

ดูออกว่าพ่อครัวคงทำอาหารอย่างตั้งอกตั้งใจมากแล้ว

นางเริ่มหิวนิดหน่อยแล้วจริงๆ ตั้งแต่เที่ยงก็ไม่ได้กินอะไรลงท้องเลย อดทนมาจนถึงตอนนี้ หิวมานานแล้ว มองไปเห็นที่ฟูกอยู่ที่ข้างๆ โต๊ะ จึงลงไปนั่งขัดตะหมาด และยกชามเซรามิกที่ปั้นออกมาหยาบใบใหญ่ขึ้นมา กินเข้าไปคำหนึ่งรู้สึกรสชาติพอใช้ได้ จึงกินบรรเทาหิวไปก่อน มีเพียงหมูสับที่ใส่ลงไปข้างในยังจัดการไม่ดีเท่าไร แม้แต่น้ำมันงาก็ยังช่วยดับกลิ่นคาวไว้ไม่ได้

ดูเหมือนว่าท่านอ๋องท่านนี้ก็ไม่ได้อยู่ดีกินดีในค่ายทหารเสียเท่าไร อาหารที่กินดื่มทุกวันก็คงไม่ได้ดีเลิศไปกว่านี้เป็นแน่

หลังจากฝืนกินไม่กี่คำ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมานิดหน่อย กลืนต่อไปไม่ลงอีก จึงวางชามที่อยู่ในมือเอาไว้ด้านข้างๆ

“รสชาติไม่ถูกใจใช่ไหม? อยากกินอะไร ข้าจะได้สั่งคนเข้าเมืองไปซื้อมา”

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นยืน “ท่านไม่จำเป็นต้องแสร้งทำท่าทีเกรงใจหม่อมฉันเยี่ยงนี้ สำหรับเรื่องรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดหม่อมฉันจะพยายามทุ่มแรงกายแรงใจอย่างเต็มที่ในการรักษาเขาให้ปลอดภัย หม่อมฉันแค่ทำเพื่อข้อตกลงระหว่างท่านกับหม่อมฉันเท่านั้น

คืนนี้หม่อมฉันต้องอยู่ในค่ายทหารต่อ รอให้เขากลับเข้าสู่สภาวะปกติแน่นอนแล้ว หม่อมฉันแนะนำให้ส่งตัวเขาไปพักฟื้นที่จวนอ๋องต่อ หม่อมฉันจะได้ปรับตัวยารักษาให้เขาได้ตลอดเวลา

หลังจากนั้นขอให้ท่านอ๋องได้โปรดทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้โดยไว และมอบตำราหย่าให้กับหม่อมฉัน ทางด้านไทเฮาจะจัดการอย่างไรกับเหลิ่งชิงหลาง หม่อมฉันไม่สนใจ หม่อมฉันเชื่อว่าท่านอ๋องต้องมีวิธีที่จะปกป้องคนรักของท่านแน่นอน”

นางพูดจบก็หันหลังเดินจากไป ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู ก็หันกลับมาอีกครั้ง “รอให้น้ำในถุงหยดหมดแล้ว ก็ดึงหัวเข็มที่ปักอยู่ออกก็ได้แล้ว ไว้สายๆ หม่อมฉันจะมาตรวจอาการอีกครั้ง”

นางกลับเข้าไปที่กระโจมเมื่อสักครู่และนอนหลับพักผ่อนต่อ ครั้งนี้ไม่มีใครเข้ามารบกวนแล้ว นางนอนจนถึงช่วงตอนกลางคืน

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง รอบๆ ตัวก็มืดสนิทหมดแล้ว ด้านนอกหน้าต่างมีเสียงตะโกนฆ่าฟันและเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง เธอเหม่อลอยไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าเป็นอยู่ในปีไหนเดือนอะไร

ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งถึงเรียกสติกลับคืนมาได้ เมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นมาได้ ก็เลิกผ้าห่มออก ลุกขึ้นมา และเดินไปที่กระโจมด้านข้างเพื่อตรวจอาการ

มีชายหนุ่มในค่ายทหารคนหนึ่งคอยเป็นทหารเฝ้ายามอยู่ข้างหน้า สภาพร่างกายของเขาปกติทั้งหมด เพียงแต่มีไข้เล็กน้อย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติของกลไกร่างกาย

เมื่อเดินออกมาจากกระโจม มองไปรอบๆ ไกลออกไปมีกระโจมทอดยาวเหยียดติดๆ กันสุดลูกหูลูกตา และมีกองไฟเป็นย่อมๆ ไม่รู้ว่าในสนามอันกว้างใหญ่กำลังฝึกทหารกันอยู่หรือเปล่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก

บางครั้งก็มีเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังขึ้นเป็นช่วงๆ

ราวกับว่ามีแรงดึงดูดบางอย่าง เหลิ่งชิงฮวนเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว บรรดาทหารยืนล้อมรอบอยู่ตรงกลางสนาม ทุกคนดูมีชีวิตชีวา เลือดร้อนเดือดพล่าน ทหารที่รับผิดชอบเฝ้าสังเกตการณ์เห็นนางจากระยะไกล ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและทำความเคารพต่อนาง

ตรงกลางสนาม มีเหล่าทหารนับสิบกำลังวางแนวต่อสู้ล้อมรอบคนคนหนึ่งไว้ตรงกลาง รวมแรงรวมกำลังกันอย่างสมบูรณ์แบบไร่ที่ติไม่มีช่องโหว่ใดๆ

คนที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางถือหอกเงินและสวมชุดสีดำ เคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา หอกไม้โบกสะบัดเหมือนดั่งเถิงไห่เจียวหลงก็ไม่ปาน รับมือได้อย่างคล่องแคล่วภายใต้การเข้าล้อมของทุกคน ฝีมือที่ชำนาญการ ท่วงท่าอันสง่างามแข็งแรงปราดเปรียวนั้นทำให้เหลิ่งชิงฮวนที่ได้เห็นเกิดความหลงใหล

เสียงชื่นชมและเสียงโห่ร้องรอบๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุด

ทั้งสองคนเดินออกจากค่ายทหารมา นอกค่ายทหารมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน ต้นหญ้าขึ้นเขียวชอุ่ม มีแมลงในฤดูร้อนที่เพิ่งเกิดใหม่ส่งเสียงร้องอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงอึกทึกครึกโครมของในค่ายทหารแต่อย่างใด

ความพลุกพล่านวุ่นวายของค่ายทหาร ประกอบกับแสงของจันทร์ที่ส่องสว่างดั่งน้ำใสในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเงียบสงบของที่นี่

มู่หรงฉีกลางเสื้อคลุมปูลงบนพื้นหญ้า แล้วก็เปิดกล่องใส่อาหารออก นำจานอาหารที่อยู่ในกล่องอาหารออกมาทีละจาน นำมาวางเรียงไว้บนเสื้อคลุม สุดท้ายก็นำซุปออกมาจากชั้นล่างสุดของกล่องอาหาร “เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด พ่อครัวในจวนบอกว่าถ้าทำน้ำซุปจะช้าไป องครักษ์เห็นว่ามีน้ำตาลกรวดรังนกที่ปรุงสำเร็จแล้ว จึงนำมาให้เจ้าด้วย”

น้ำตาลกรวดรังนกที่ทำสำเร็จไว้แล้ว? เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่า ในจวนนอกจากพวกเขาสองคนแล้ว มีเพียงเหลิ่งชิงหลางที่เป็นเจ้านายอีกคนหนึ่ง น้ำตาลกรวดรังนกนี้ต้องถูกเตรียมเอาไว้ให้นางอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ถูกส่งมาที่นี่ เหลิ่งชิงหลางที่อยู่ในจวนไม่โกรธจนจมูกเบี้ยวหรอกหรือ?

รังนกแดงนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอน

นางมองดูเครื่องเคียงอื่นๆ มีหน่อไม้เส้นฝอยโรยงารสชาติจืดสบายคอ ยังมีรากบัวกรอบๆหั่นเต๋ารสชาติเปรี้ยวเผ็ด ห่านย่างอบในหม้ออันชุ่มช่ำ หมูแดงอบน้ำผึ้ง หัวสิงโตเนื้อปู และยังมีของหวานอีกจานหนึ่ง อาหารแต่ละอย่างมีปริมาณเพียงเล็กน้อย จัดวางอยู่ในชามด้วยความประณีตเป็นอย่างมาก มีสีสันสวยงามและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ กระตุ้นต่อมตะกละของเหลิ่งชิงฮวนขึ้นมาในทันที

เป็นเวลานานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กินอาหารมื้อใหญ่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือฝีมือพ่อครัวชั้นเอกอีก

เหลิ่งชิงฮวนนั่งขัดขาลงบนพื้นหญ้า มู่หรงฉียื่นตะเกียบไปให้แล้วพูดว่า “บนพื้นหญ้ามันเย็น มีความชื้น”

เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองเขาที่จงใจเหลือที่ครึ่งหนึ่งของเสื้อคลุมเอาไว้ จึงรับน้ำใจจากเขา นั่งลงบนเสื้อคลุม

ข้าวอันหอมกรุ่นที่ยังมีไอร้อนหนึ่งชามถูกยัดเข้ามาในมือ เหลิ่งชิงฮวนไม่มีความเกรงใจแม่แต่น้อย เริ่มลงมือซัดให้เกลี้ยงทันที

มู่หรงฉีกินอย่างช้าๆ ค่อยๆ เคี้ยวให้ละเอียดและกลืนลงช้า ไม่พูดไม่จา ท่าทางการกินสง่างามและดูสูงส่งอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกดูแคลนยิ่งนัก นี้เป็นท่าทีของบุรุษที่พึงมีที่ไหนกัน ทำกระมิดกระเมี้ยนเห็นชัดๆ ว่าเป็นบุรุษที่ออกมาจากค่ายทหาร จะมาแสร้งทำท่าทีเป็นคุณชายที่เบื่ออาหารให้ใครเห็นกัน?

มู่หรงฉีคนนี้จริงๆ เลย ประสบการณ์การอยู่ในค่ายทหารที่มีภายหลังได้ขัดเกลานิสัยดั้งเดิมของเขาที่ถูกอบรมสั่งสอนและความเคยชินที่มีออกไปเล็กน้อย แต่ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาพิเศษที่ต้องนำทัพออกรบ โดยปกติจะทำตัวเข้มงวดกับตัวเองตลอด

ยิ่งไปกว่านั้น มาเจอกับผู้หญิงที่เขมือบอาหารเก่งแบบนี้ เขากลัวว่าอาหารจะไม่พอให้นางกิน

เขาได้ยินมาว่าผู้หญิงที่มีครรภ์จะมีต่อมรับรสชาติแปลกๆ มีบางคนชอบกินเปรี้ยว มีบางคนชอบกินเผ็ด และบางคนดมกลิ่นคาวไม่ได้เลย แต่นางคนนี้ที่เมื่อช่วงบ่ายเพิ่งอาเจียนจนหมดสติไป แต่ความอยากอาหารยังคงดีอยู่อย่างน่าประหลาดใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางเพิ่งเห็นบาดแผลอันโชกเลือดของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา