ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 533

“เหลิ่งชิงหลาง นานถึงเพียงนี้แล้วเจ้ายังไม่สำนึกอีกหรือ นี่คือผลกรรมของเจ้า!”

เหลิ่งชิงเฮ่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากอีกฟากหนึ่งจึงรีบเดินตามเสียงนั้นไปอย่างรวดเร็ว เห็นเหลิ่งชิงหลางกำลังด่าทออย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบา ๆ

“เดิมทีข้าไม่อยากให้เจ้ารู้ เกรงว่าเจ้าจะไม่สบายใจ”

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่อย่างไม่แยแส ฉากดังกล่าวตรงหน้าไม่ดูจริงๆ

อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้สึกสงสารเหลิ่งชิงหลางแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เหลิ่งชิงหลางเห็นหน้าเธอ ความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะฆ่าปรากฏขึ้นบนหน้าของนางอย่างชัดเจน คนประเภทนี้อันตรายเกินไป สมควรแล้วที่ขังนางเอาไว้แบบนี้

เธอไม่ใช่คนใจดีมากพอที่จะสงสารหรือเห็นใจคนที่จงใจทำร้ายตัวเองและลูก

“ข้าไม่เป็นอะไร เมื่อครู่ข้าเห็นเงาของใครบางคนวิ่งผ่านไป ข้าก็เลยเดินมาดูเสียหน่อย”

เหลิ่งชิงเฮ่อมองไปรอบๆ อย่างสงสัย “มีคนผ่านมา? ไม่มีทาง ใครจะผ่านมาที่นี่กัน เดิมทีท่านฉีอ๋องส่งทหารสองคนเฝ้าสุสานของเจ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใกล้เข้ามาใกล้ ทว่าเพิ่งสั่งให้กลับออกไปเมื่อสองวันที่ผ่านมา คนธรรมดาไม่มีทางที่จะเข้ามาที่นี่ได้”

แต่เมื่อครู่เธอเห็นกับตา รอยเท้าของชายคนนั้นบนพื้นสามารถอธิบายได้ทุกอย่าง

เหลิ่งชิงฮวนหันหน้าไปทางอื่นพลางนึกถึงสิ่งที่เหลิ่งชิงหลางพูดเมื่อครู่ “เหลิ่งชิงฮวน เจ้ายังไม่ตายจริงๆ งั้นหรือ”

นางรู้ว่าเธอไม่ตาย?

ใครเป็นคนบอกนาง

แถมยังแอบสะกดรอยตามเธอมาจนถึงที่นี่ เหลิ่งชิงหลางตั้งใจซ่อนตัวอยู่หลังหลุมฝังศพเพื่อจู่โจมในตอนที่เธอไม่ทันตั้งตัว นางรู้ว่าเธอมาที่สุสาน?

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก เพราะสุดท้ายแล้วเหลิ่งชิงหลางในตอนนี้เป็นเหมือนคนไร้ประโยชน์ นางจะทำอะไรได้อีก

“หรือบางทีอาจเป็นแค่คนเดินผ่านมา” เธอพูดเพื่อคลายความสงสัยของเหลิ่งชิงเฮ่อ หลังจากนั้นสองพี่น้องจึงกลับไปด้วยกัน

เหลิ่งชิงหลางหมดแรงทรุดตัวลงบนพื้น ดูเหมือนว่าการต่อสู้ดิ้นรนเมื่อครู่จะทำให้เรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายนางหมดไป

นางใช้ชีวิตอยู่อย่างไรค่ามาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และยังหนีจากเงื้อมมือแห่งความตายครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวังเพราะนางต้องทนเห็นมู่หรงฉียืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของเหลิ่งชิงฮวน มีชีวิตเหมือนศพเดินได้ นางรู้สึกดีใจและรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับความเจ็บปวด

นางเพียงแค่ถูกทรมานร่างกาย แต่มู่หรงฉีต้องเจ็บปวดเข้าไปในจิตใจ นั่นทำให้ดูน่าสังเวชยิ่งกว่าตัวนางเองไม่รู้กี่พันเท่า

นางเพลิดเพลินไปกับความสุขในทางที่ผิดมาตลอดระยะเวลา 5 ปี ในทำนองเดียวกันมู่หรงฉีเองก็ไม่ปล่อยให้นางตาย

ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนกลับมาแล้ว นางกับมู่หรงฉีรักกันอย่างลึกซึ้ง แล้วนางจะอยู่ต่อไปด้วยฐานะอะไร

จะอยู่ต่อไปเพื่อให้เหลิ่งชิงฮวนมองตัวเองด้วยความเย้ยหยัน?

นางไร้ค่าไม่มีแม้ซึ่งความหวังอีกต่อไป ถึงจะต้องตายนางจะไม่ยอมให้เหลิ่งชิงฮวนได้เปรียบแบบนี้แน่!

นางหันกลับมาช้าๆ มองไปที่หลุมฝังศพของเหลิ่งชิงฮวน ร้องไห้อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง ทุบหน้าอกและกระทืบเท้าเหมือนคนบ้า

หลังจากร้องไห้และหัวเราะแบบนี้มาทั้งวัน แม้แต่ทหารยามเฝ้าหลุมฝังศพก็หมดความอดทน เขาเดินมาและชี้ไปที่หน้าของนาง

“หากรู้ว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ เหตุใดทำเจ้าถึงยังทำตั้งแต่แรก สมควรแล้วที่เจ้าจะมีจุดจบเช่นนี้ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังจะแต่งงานกับพระชายาอีกครั้ง แต่เจ้ากลับถูกล่ามไว้ที่นี่เหมือนสุนัข นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ นี่คือผลกรรม!”

เหลิ่งชิงหลางหันกลับมาและถามอย่างเกรี้ยวกราด “แต่งงานอะไร”

ผู้ดูแลสุสานเย้ยหยัน “แน่นอนว่าเป็นเกี้ยวขนาดใหญ่ แบกพระชายากลับเข้าประตูวังอย่างสง่างามน่ะสิ ตอนนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองบ้านรู้เรื่องนี้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้บอกพระชายา เพราะอยากทำให้พระชายาประหลาดใจ ดูเอาไว้ นี่สิถึงเรียกว่าได้รับความโปรดปราน ท่านฉีอ๋องช่างใส่ใจพระชายาจริงๆ พวกเขาได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้งและยังมีรัชทายาทตัวน้อยที่น่ารักอีกด้วย”

เหลิ่งชิงหลางหัวเราะไม่ออก นางยืนนิ่งราวกับหลักไม้ที่ติดอยู่หน้าหลุมฝังศพ

ผู้ดูแลสุสานส่งเสียงพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นว่าในที่สุดนางก็หยุดสร้างปัญหา เขาจึงเดินกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนตามเดิม

เหลิ่งชิงหลางนั่งอยู่หน้าหลุมศพอย่างว่างเปล่าตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง ก่อนจะลากร่างอันหนักอึ้งค่อยๆ คลานไปที่หลุมฝังศพ ยกมือขึ้นและกัดนิ้วอย่างแรง เลือดแดงฉานไหลรินออกมาทันที

นางเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สองสามตัวบนศิลาจารึกหินอ่อนสีขาวด้วยมือสั่นเทา “ครอบครัวพังทลาย เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด!”

จากนั้นนางลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมดในร่างกายกระโดดเอาศีรษะกระแทกบนศิลาหน้าหลุมศพอย่างแรง สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักและสิ้นใจทันที

เลือดแดงสดไหลซึมลงพื้นใต้ฝ่าเท้าเปรอะเปื้อนเป็นสีแดงฉาน

ข่าวการทำร้ายตนเองตนสิ้นใจของเหลิ่งชิงหลางแพร่กระจายไปยังจวนมหาเสนาบดี

ในช่วงห้าปีมานี้ เสนาบดีเหลิ่งยังคงตัดใจจากลูกสาวคนนี้ไม่ได้ เขามักจะคำนึงถึงนางอยู่ตลอด คอยมอบเสื้อกันหนาวยามหิมะตก มอบอาหารให้เมื่อยามหิว ทว่าเหลิ่งชิงหลางกลับหวาดระแวงมากขึ้นเรื่อยๆ เอาแต่ตีโพยตีพายและไม่เคยสำนึกผิดต่อความผิดที่ตนเองทำจนทำให้เสนาบดีเหลิ่งค่อยๆ หมดความอดทนไปทีละน้อย

เมื่อเหลิ่งชิงหลางเสียชีวิต แม้ว่าเขาจะโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าภาระอันหนักอึ้งได้ถูกปลดปล่อย

เขาถอนหายใจเป็นเวลานาน “วันมงคลแบบนี้ ชิงหลางจงใจสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับชิงฮวน เราควรเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อน อย่าเพิ่งบอกให้ท่านฉีอ๋องกับชิงฮวนรู้เรื่องนี้ ให้สักคนเอานางไปฝังเสียก่อน ผ่านวันนี้ไปค่อยแจ้งให้จวนฉีอ๋องทราบเพื่อจัดการพิธีศพ”

วันนี้เป็นวันแต่งงานของฉีอ๋องและชิงฮวน เป็นการดีกว่าหากจะซ่อนข่าวร้ายนี้ไว้ชั่วคราวเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนต้องกังวล

เหลิ่งชิงเฮ่อและฉู่รั่วซีตื่นแต่เช้าตรู่ เริ่มเตรียมการสั่งคนกวาดฝุ่น ติดคำอวยพรที่หน้าประตูและแขวนริบบิ้นผ้าไหมสีแดง

มู่หรงฉีกำชับไว้ล่วงหน้าว่าเขาต้องการทำให้ชิงฮวนประหลาดใจ โดยขอให้นางกลับไปพักที่จวนมหาเสนาบดีเมื่อวันสำคัญใกล้เข้ามาถึง

แต่จวนมหาเสนาบดีนั้นใช้ชีวิตอย่างพอประมาณมาโดยตลอด ดังนั้นแม้แต่โคมแดงยังเพิ่งเลือกมาใช้ในเช้าวันนี้

เหลิ่งชิงเฮ่อยุ่งมากจนไม่มีเวลาจัดการเรื่องของเหลิ่งชิงหลาง

เหลิ่งชิงเจียวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามเสนาบดีเหลิ่ง “ให้ลูกส่งพี่รองเป็นครั้งสุดท้ายดีหรือไม่”

เสนาบดีเหลิ่งมองไปที่เหลิ่งชิงเจียวด้วยความลังเล

เด็กที่เคยอ้วนอุ้ยอ้ายเมื่อก่อนได้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง ทว่านิสัยใจคอของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่หยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการเหมือนตอนเป็นเด็ก ตรงกันข้ามนิสัยของเขากลับสงบนิ่ง มั่นคงและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเข้าทำงานที่กรมอาญา เดิมทีเสนาบดีเหลิ่งเห็นว่าเขาไม่สนใจเรียนและอยากให้เขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่นอนเกียจคร้านอยู่ในจวนโดยเสียเวลา อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงเด็กอายุสิบสามหรือสิบสี่

แต่คำพูดคำจารวมถึงการกระทำของเขานั้นเคร่งครัดและเรียกได้ว่าเฉลียวฉลาดเกินวัยเล็กน้อย เขาเรียนรู้วิชามากมายได้อย่างรวดเร็ว แม้เพื่อนร่วมงานยังบอกว่าอนาคตนั้นของเขานั้นเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา