ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 534

เสนาบดีเหลิ่งมองเหลิ่งชิงเจียวด้วยรู้สึกไม่สบายใจ เดิมทีเขาเป็นเด็กที่มักถูกเอาอกเอาใจมาตลอด บัดนี้จินซื่อได้รับโทษประหารชีวิต เหลิ่งชิงหลางยังมาตายจากไป เขาจึงไม่อาจรู้เลยว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

เขาพยายามเกลี้ยกล่อมตบไหล่เหลิ่งชิงเจียวเบาๆ “พี่สาวเจ้าจากไปแบบนี้ก็ดีแล้ว ถือว่าเป็นการปลดปล่อยนาง”

เหลิ่งชิงเจียวก้มหน้าลงซ่อนสีหน้าพลางพูดด้วยเสียงต่ำ “สิ่งที่ท่านพ่อพูดเป็นความจริงอย่างยิ่ง ลูกเองก็คิดแบบเดียวกัน”

“เรื่องจะโทษชิงฮวนไม่ได้ พี่รองของเจ้าต่างหากที่สมควรถูกตำหนิ”

เหลิ่งชิงเจียวกำมือในแขนเสื้อแน่น เขาพยายามระงับสีหน้าและยิ้มให้กับผู้เป็นพ่อ “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ชิงเจียวเข้าใจและไม่โทษพี่ชิงฮวนเลย”

เสนาบดีเหลิ่งรู้สึกโล่งใจมาก “ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ พ่อยังกังวลอยู่ว่าเจ้ายังติดต่อใกล้ชิดกับจินเอ้อร์และฟังเรื่องไร้สาระจากเขาอยู่หรือไม่”

“จะเป็นไปได้อย่างไร” เหลิ่งชิงเจียวปฏิเสธ “พี่จินเอ้อร์มีส่วนพัวพันกับคดีครั้งล่าสุดของฟังผิ่นจือ เป็นเรื่องยากกว่าที่เขาจะได้รับอิสรภาพจึงไม่กล้าสร้างปัญหาอีก ที่สำคัญใครเขาไม่เคยพูดอะไรกับลูกอีกเลย”

เสนาบดีเหลิ่งไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอะไรต่อ

ทันทีที่เหลิ่งชิงฮวนกลับมาฉางอัน เหลิ่งชิงหลางก็เลือกที่จะตายด้วยความมุ่งมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอักษรขนาดใหญ่แปดตัวที่ฝากอยู่บนหลุมฝังศพเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แสดงความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งต่อเหลิ่งชิงฮวน เขากลัวว่าเหลิ่งชิงเจียวจะได้รับผลกระทบทางความรู้สึกเช่นกัน

ในเมื่อเหลิ่งชิงเจียวยืนกราน แปลว่าเขาต้องมีจิตใจแน่วแน่ชัดเจน นอกจากนี้เขากับเหลิ่งชิงหลางเป็นพี่น้องกัน ย่อมอยากจะเห็นนางเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นผู้เป็นพ่อจึงพยักหน้าเห็นด้วย

“ก็ดีเหมือนกัน เรื่องเช่นนี้ไม่อาจขัดต่องานแต่งงานของราชวงศ์ได้ เจ้าไปหาพี่รองก่อน เราจะตามไปฝังศพนางหลังจากงานแต่งงานของชิงฮวนจบลง”

เหลิ่งชิงเจียวยกมุมปากขึ้น ส่งเสียงตอบรับในทันที

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนตื่นขึ้น พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว ลานเงียบสงัดไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหว โดยปกติแล้วเสี่ยวอวิ๋นเช่อมักจะจะตื่นแต่เช้าตรู่และพูดจาเสียงดัง

นางลุกขึ้น เห็นคนรับใช้รอให้ไปอาบน้ำ ไม่นานนักฉู่รัวซีเข้ามาจากข้างนอกอย่างยิ้มเจ้าเล่ห์

สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังกำลังถือถาดที่มีซุปเกี๊ยวเต็มชาม

ฉู่รั่วซียื่นตะเกียบให้เธอ “เมื่อเช้าพวกเรากินไปก่อนหน้านี้แล้ว และสั่งให้พ่อครัวทำเผื่อท่านด้วยชามหนึ่ง”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย “ทำไมต้องรบกวนพี่สะใภ้เอามาให้ข้าด้วยตัวเองแบบนี้”

ตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอเป็นนายหญิงของจวนมหาเสนาบดี ส่วนเธอเป็นแค่แขก

“ทำไมท่านสุภาพเหลือเกิน นี่คือเนื้อกุ้งสดใหม่ยัดไส้ กัดแล้วชุ่มฉ่ำ ท่านเยอะๆ เลยนะ เดี๋ยวจะมีแขกมาที่บ้าน งานจะเริ่มตอนเที่ยงและมีงานเลี้ยงตอนกลางคืนอีก เดี๋ยวจะหิวเสียก่อน”

เมื่อวานนี้เธอได้ยินจากเหลิ่งชิงเฮ่อว่าเพื่อนร่วมงานของพ่อจะมาดื่มที่จวนมหาเสนาบดี

พวกเขาจัดเตรียมโต๊ะไวมากมาย นี่ไม่ใช่งานขึ้นปีใหม่หรือเทศกาลอะไร แต่เมื่อวานนี้จางหลัวดูแลการทำความสะอาดจวนอย่างระมัดระวัง เธอจึงคิดว่าแขกเหล่านี้อาจมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เหลิ่งชิงฮวนคีบขึ้นมาอย่างตั้งใจและยัดเข้าไปในปาก “ทำไมถึงดิบล่ะ”

ฉู่รั่วซีปรบมือดังฉาด “เกี๊ยวบนเสลี่ยง ดิบแบบนี้น่ะถูกแล้ว ดิบๆ แบบนี้จะได้มีลูกหลานเต็มเมือง” (คำว่าดิบในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่าให้กำเนิด)

เหลิ่งชิงฮวนผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็คิดว่าฉู่รั่วซีกำลังล้อเล่นแน่ๆ “ไม่ได้นั่งบนเสลี่ยงสักหน่อย จะเรียกเกี๊ยวบนเสลี่ยงได้อย่างไร”

ฉู่รั่วซีสั่งให้สาวรับใช้นำเกี๊ยวไปต้มใหม่แล้วนำมาเสิร์ฟอีกครั้ง

ไม่นานสาวใช้อีกคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกล่องหวีผม จากนั้นทำความเคารพเหลิ่งชิงฮวนและยืนรออยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม

ฉู่รั่วซีบังคับให้เหลิ่งชิงฮวนนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “เดี๋ยวแขกจะมาที่จวนของเราแล้ว ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยากจะทำความเคารพพระชายา ดังนั้นต้องแต่งตัวให้ดี” ไม่ใช่นัดบอดสักหน่อย ทำไมต้องแต่งตัวด้วยล่ะ

เมื่อมองดีๆ วันนี้ฉู่รั่วซีเองก็สวมชุดใหม่เอี่ยมเช่นกัน ทำให้เธอเลิกรู้สึกสงสัย

เหลิ่งชิงฮวนไม่ปฏิเสธความใจดีของฉู่รั่วซี ปล่อยให้หญิงชราหวีผมอย่างเชื่อฟัง

ฉู่รั่วซีทนรออยู่ในห้องไม่ไหว นางดูกังวลและวิ่งออกไปข้างนอกครั้งแล้วครั้งเล่า บางครั้งคนรับใช้ก็มาหาพวกนางและกระซิบกระซาบกัน

ไม่รู้ว่ามีเทพเซียนที่ไหนจะมาเป็นแขกในบ้านวันนี้ ทำไมทุกคนถึงดูตื่นเต้นกันเหลือเกิน

หญิงชราช่วยหวีผมของเธออย่างชำนาญ ทาแป้งเล็กน้อย ปัดแก้มเธอเป็นสีแดงและทาริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่อ่อนโยนราวกับกลีบดอกไม้ ทำให้คิ้วและดวงตาของเธอดูมีมิติมากขึ้น

เอ่อ แป้งนี่มันไม่หนาไปหน่อยเหรอ แต่งหน้าหนักไปหน่อยไหมเนี่ย แถมทรงผมก็ยังดูประหลาดอีกด้วย

คนรับใช้ที่อยู่ข้างนอกกำลังวุ่นอยู่กับการวิ่งไปมาเหลิ่งชิงฮวนรู้สึกงุนงงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะสั่งให้หญิงชราหยุดและลุกขึ้นปัดเสื้อผ้าอยากจะออกไปดูข้างนอก

หญิงชราอยากจะห้ามเธอ ไม่รู้ว่าโตวโตว แม่หวังและคนอื่นๆไปไหนกันหมดถึงไม่มีใครอยู่รับใช้สักคน

ทุกอย่างเป็นปกติ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อคนรับใช้ในคฤหาสน์เห็นเธอ ทำไมทุกคนถึงยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มนั้นเหมือนมีความหมายมากมาย

เมื่อเสี่ยวอวิ๋นเช่อเห็นเธอ จึงรีบวิ่งมาแต่ไกลกระโดดขึ้นลงราวกับลูกบอล

วันนี้เด็กน้อยสวมเสื้อคลุมผ้าสีแดงสด แม้แต่รองเท้าบู๊ตเล็กๆ ของเขาก็ยังเป็นสีแดง แม้ว่ามันจะเสริมด้วยหยกแกะสลักสีชมพู แต่สีแดงยังคงโดดเด่นเหนือสีอื่นใด หากไม่ใช่ปีใหม่หรือวันหยุดเทศกาล เราจะใส่ชุดสีแดงไปทำไม

เธอดึงมุมเสื้อของอวิ๋นเช่อพร้อมกับบ่น “ทำไมเจ้าถึงใส่ชุดสีแดงแบบนี้ ทำอย่างกับเป็นซองอั่งเปาเลย”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อเงยหน้าขึ้นพลางจับมือเธอและพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านลุงให้ข้าใส่ เขาบอกว่าเดี๋ยวจะให้ข้าแต่งเมีย”

เหลิ่งชิงฮวนทำหน้าบูดบึ้ง “ยังเด็กยังเด็กเหตุใดถึงเอาแต่คิดอยากแต่งงาน เลี้ยงนางไหวหรือ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อเท้าเอวมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือจับแขนเสื้อของเธอ ทำให้ดูคล้ายกับกาน้ำชาทรงกลม

“หากมีแค่พี่เหล่ยอวี้คนเดียว งั้นข้าก็เล่นซ่อนแอบไม่สนุกน่ะสิ หากข้าสามารถมีภรรยาให้มากมายเหมือนเสด็จปู่ ข้าจะได้สอนพวกนางขี่ม้าออกรบ ส่วนข้าจะเป็นแม่ทัพใหญ่”

พระเจ้า! ไม่ผิดแน่ ความทะเยอทะยานแบบนี้ พ่อของเจ้ารอให้หญิงสาวโยนผ้าเช็ดหน้าให้ ส่วนเจ้าปล่อยให้อีกฝ่ายต่อสู้กัน แน่ใจหรือว่าจวนฉีอ๋องจะไม่พังทลายเอาเสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้นใครเขาแต่งงานมีภรรยามากมายขนาดนั้นกัน คิดว่านับเกี๊ยวอยู่หรือไง

เหลิ่งชิงฮวนซึ่งไม่เคยเห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของฮ่องเต้จึงรู้สึกว่าเสี่ยวอวิ๋นเช่อใช้คำพูดไม่เหมาะสม

อีกอย่างเธอรู้สึกว่าการสอนลูกชายมีปัญหาใหญ่ เอควรจะอยู่บ้านสั่งสอนให้มากกว่านี้ดีหรือไม่

เหลิ่งชิงฮวนมองไปยังกาน้ำชาเล็ก ดูดีมาก... ไม่ว่าเขาจะใส่เพื่อแต่งงานหรือไม่ก็ถือว่าดูดีมาก

ก่อนจะยกมือขึ้นบิดจมูกเล็กน้อย “ดูลุงของเจ้าสิ ยอมเล่นกับเจ้าถึงขนาดนี้”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อขมวดคิ้ว “แต่ท่านลุงไม่รู้วิธีฝึกดาบ น่าเบื่อมาก ท่านแม่ เราจะกลับบ้านเมื่อไร ข้าคิดถึงฮวนฮวนแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนตบริมฝีปากของเขา คำว่าฮวนฮวนที่ออกมาจากปากลูกชายทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ ยิ่งไปกว่านั้น นางมาอยู่ที่จวนมหาเสนาบดีสองสามวันแล้ว แต่มู่หรงฉีสามารถฝืนทนไม่ไถ่ถามเธอกับลูกบ้างเลย

เธอคิดว่าเขาจะมารับเธอกับลูกที่จวนมหาเสนาบดีในวันรุ่งขึ้น

ผ่านช่วงโปรโมชั่นไปแล้วหรือไง ฉันจำได้ว่าตอนแรกที่เพิ่งเจอกัน เขาปรารถนาที่จะอยู่กับฉันวันละสิบสามชั่วโมง ไม่ยอมไปไหน

แท้จริงแล้วความรักมันสามารถสลายหายไปได้จริงๆ ใช่ไหม

เธอคิดพลางเม้มริมฝีปาก ในตอนนั้นเองดูเหมือนว่าจะมีเสียงกลองและเครื่องดนตรีต่างๆ ดังอยู่ข้างนอก ล่องลอยไปตามลมเข้าไปในกำแพงสูงของจวนมหาเสนาบดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา