ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 548

ฮูหยินหลี่รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก รู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อกร หากนางยังคงดื้อดึงต่อไปคงมีจุดจบที่น่าอนาถ

“วันนี้หม่อมฉันพูดมากเกินไป ซ้ำยังล่วงเกินพระชายา ขอพระชายาโปรดอภัยอย่าได้ถือสาหาความกับหม่อมฉันเลย พระชายาโปรดไว้ชีวิตเถิดเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเยาะในใจ ท่าทางเมื่อครู่หายไปไหนแล้วล่ะ? แค่ลองทดสอบดูเล็กๆ น้อยๆ ยังถึงขึ้นขอความเมตตา

ในบรรดาผู้คนรอบๆ ดวงตาลุกเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าเหลิ่งชิงฮวนใช้อุบายจนถึงขั้นทำให้ฮูหยินของขุนนางในราชสำนักคุกเข่าลงต่อหน้าอ้อนวอนร้องขอชีวิต สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เหลิ่งชิงฮวนอย่างไม่วางตา

ด้านนอกมีเสียงปรบมือและเสียงหัวร่อดังพร้อมกับเสียงกระดิ่ง “มีคนกล้ายั่วโมโหพระชายาอ๋องฉีด้วยหรือ ข้าละนับถือความกล้านั้นจริงๆ”

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนได้ยินเสียงนั้นก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

ฮองเฮาและนางสนมทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ ใครกันที่หยิ่งยโสถึงกล้าทำเสียงดังเช่นนี้? ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงจะมีอำนาจไม่น้อย

ทุกคนหันหน้าด้วยความประหลาดใจ เห็นฮ่องเต้ถูกล้อมรอบด้วยผู้คนกำลังเดินเข้ามาด้านในตำหนัก

ด้านหลังเขาไม่ไกลคือราชทูตของหนานจ้าว น่าเยี่ยไป๋ และสาวงามพร้อมกับเครื่องประดับเงินแวววาวทั่วทั้งศีรษะและร่างกาย ขณะที่นางเดิน เครื่องเงินเหล่านั้นก็สั่นไหวและส่งเสียง

เด็กสาวนางนี้มีใบหน้าไร้เดียงสา นางยิ้มและชำเลืองมองฮูหยินหลี่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านพี่ของข้ายั่วโมโหพระชายา เป็นเหตุให้กองทัพหนึ่งแสนห้าหมื่นนายและขุนพลท่านอ๋องฉี โฉวซือเส่าและเสิ่นหลินเฟิงมาบุกหนานจ้าว”

“ข้าคิดว่าคงไม่มีใครในฉางอันที่กล้ายั่วโมโหพระชายาอ๋องฉีได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตาบอดเช่นนี้ วันนี้เจ้าลำบากแล้ว ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจลึกๆ ไม่รู้ว่าควรจะใช้คำว่าวิญญาณตามติดหรือศัตรูบนทางแคบมานิยามน่าจาอี๋นั่วดี

เธอไม่คิดเลยว่าทูตที่หนานจ้าวส่งมาจะเป็นน่าจาอี๋นั่ว! หรือว่าหนานจ้าวไม่มีคนอื่นแล้วหรือ? ข้าราชการและนายพลจำนวนมากมีไว้แค่คอยกินข้าวอย่างเดียวหรือ? ถึงได้ส่งให้สตรีมาออกหน้าแทน

เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้ก็รีบคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ

ฮ่องเต้เดินตรงเข้าไปในตำหนัก เมื่อเดินไปถึงบัลลังก์ทองก็หันหลังกลับมา

“ตามสบายเถอะ งานเลี้ยงวันนี้จัดขึ้นเพื่อต้อนรับราชทูตจากหนานจ้าวทุกคนไม่ต้องมากพิธี รัชทายาทและองค์หญิงก็นั่งลงเถอะ”

น่าจาอี๋นั่วเป็นตัวแทนของกษัตริย์ของหนานจ้าว ดังนั้นเมื่อเข้ามาในงานก็ไม่อาจละเลยตำแหน่งนี้ได้

ทุกคนนั่งที่โต๊ะ ฮูหยินของหลี่ซ่างซูที่ล่วงเกินเหลิ่งชิงฮวนก็ยอมถอยออกไปไม่คิดแค้นอะไร

เหลิ่งชิงฮวนยังคงงุนงงและเอ่ยถามมู่หรงฉีที่เดินมาเงียบๆ “เกิดอะไรขึ้น? ท่านเอาคนชั่วร้ายเช่นนี้กลับมาได้อย่างไร”

มู่หรงฉีลดเสียงของเขา “ได้ยินว่ากษัตริย์ของหนานจ้าวตั้งใจจะส่งน่าจาอี๋นั่วมาเป็นตัวประกันที่ฉางอันเพื่อแลกกับน่าเยี่ยไป๋”

เหลิ่งชิงฮวนสับสนมากยิ่งขึ้น

เธอรู้ดีว่าสมัยโบราณผู้คนมักจะให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรี สตรีไม่มีตำแหน่งอะไรเลยด้วยซ้ำ แม้จะเกิดในตระกูลสูงส่งแต่ก็เป็นเพียงชื่อเสียงเท่านั้น

แต่สำหรับสองพี่น้องน่าจาอี๋นั่วและน่าเยี่ยไป๋นั้นกลับเด่นชัด

พี่น้องทั้งสองเป็นลูกหลานของราชวงศ์หนานจ้าว ดังนั้นพวกเขาจึงล้วนเป็นสมบัติอันมีค่า แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนถูกปฏิบัติต่างกัน

น่าเยี่ยไป๋อยู่ที่หนานจ้าวมีเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราและอาหารเลิศรส รอบกายรายล้อมไปด้วยสาวใช้ เขาจึงมีนิสัยหยิ่งยโสและเห็นแก่ตัว ในขณะเดียวกันหากเขาไม่ได้ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมาย เขาก็ไม่มีค่าอะไร

น่าจาอี๋นั่ววิ่งเต้นไปทั่วทุกสารทิศเพื่อช่วยเขา นางเรียนรู้วิชากู่ ยาพิษและคาถาอาคม ทนทุกข์ทรมานและฝึกฝนความสามารถจนจิตใจแข็งแกร่งและสงบ แม้ว่านางจะโหดเหี้ยม แต่ก็ต้องยอมรับว่านางมีไหวพริบและเฉลียวฉลาด

ไม่ว่าใครก็ตามก็มองออกว่าระหว่างสองคนนี้ใครมีประโยชน์มากกว่ากัน

แต่ตอนนี้น่าเยี่ยไป๋ถูกจับมาเป็นเชลย หนานจ้าวจึงใช้น่าจาอี๋นั่วมาแลกเปลี่ยนชีวิตของน่าเยี่ยไป๋ เป็นการซื้อกล่องคืนไข่มุกอย่างไม่ต้องสงสัย!

เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยถามอย่างตะลึง “เสด็จพ่อตอบตกลงหรือ?”

มู่หรงฉีส่ายหน้า “การตกลงกับหนานจ้าวยังไม่ได้ข้อสรุป เสด็จพ่อเองก็ยังไม่มีท่าทีอะไร หากอาการของน่าเยี่ยไป๋ดีขึ้นก็คงประมาณนั้น”

เหลิ่งชิงฮวนคิดพิจารณาสิ่งที่ฮ่องเต้คิด เขาหวังว่าน่าเยี่ยไป๋จะกลับไปที่หนานจ้าว หากน่าจาอี๋นั่วสามารถอยู่ในฉางอันในฐานะตัวประกันได้ก็ดูจะเป็นการดี แต่ว่าหากให้คนเจ้าเล่ห์อยู่จะเป็นภัยอย่างไม่ต้องสงสัย

ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของฮ่องเต้

“เสด็จพ่อรู้หรือไม่ว่าน่าจาอี๋นั่วเป็นคนวางยาฆ่ายายหลิง”

มู่หรงฉีพยักหน้า “วันนี้น่าจาอี๋นั่วยอมรับทันทีที่เจอหน้าเสด็จพ่อ ซ้ำยังโขกศีรษะให้เสด็จพ่ออย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ สองแคว้นมาเจอหน้ากัน เสด็จพ่อจึงไม่อาจคิดแค้นอะไรเพื่อแสดงความใจกว้าง”

ก็จริง จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ แล้วจะคิดแค้นได้อย่างไร?

เธอนิ่งเงียบไม่พูดจา มู่หรงฉีเอ่ยเสียงต่ำอีกครั้ง “เมื่อครู่มีใครมาทำอะไรเจ้าหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “มีคนบอกว่าเสี่ยวอวิ๋นเช่อไม่ใช่บุตรของท่านเพคะ”

มู่หรงฉียกยิ้มเย็น “ใคร?”

เหลิ่งชิงฮวนมองเขายิ้มๆ “ทำไมเพคะ จะไปคิดบัญชีหรือ?”

“กล้าหาเรื่องเจ้าต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ไม่ควรสั่งสอนสักหน่อยหรือ?”

รู้จักช่วยภรรยาจัดการ เด็กดีมีอนาคตเสียจริง

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “ไม่ต้องกังวลเพคะ นางคงไม่อยู่ดีแล้ว คาดว่าวันนี้หลังจากออกจากวังนางก็คงจะถูกไล่ออกจากจวน ชื่อเสียงถูกทำลายจนป่นปี้ ตัวตลกเช่นนี้ไม่ต้องให้ถึงมือท่านหรอกเพคะ”

มู่หรงฉีเห็นว่าเธอมีความมั่นใจดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตรวจสอบเพิ่มเติม เพียงแค่ยื่นมือออกมาจากแขนเสื้อและแอบจับมือของเหลิ่งชิงฮวน

“ในอนาคตเจ้าไม่ต้องกล้ำกลืนความโกรธ แม้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น ข้าก็จะปกป้องเจ้าเอง”

เธอคือเหลิ่งชิงฮวนที่ต้องกล้ำกลืนความโกรธงั้นหรือ? แต่คำรักนี่ก็ฟังลื่นหูดี เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยตอบรับอย่างเชื่อฟัง รู้สึกดีที่ได้รับการปกป้อง หากเธอเป็นคนที่ชอบสร้างปัญหาจริงก็มาดูกันว่ามู่หรงฉีจะทำรักเอ็นดูเธอจนถึงที่สุดจริงไหม

เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เป็นเพียงดวงไฟดวงน้อยระหว่างคนทั้งสอง เขานั่งอย่างเรียบร้อยไม่ต่างอะไรกับพวกผู้ใหญ่ ฟังทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันไม่จบไม่สิ้นจนเขาเกิดความคิดบางอย่าง

"ทำไมท่านพ่อลำเอียงจัง"

มู่หรงฉีผงะไปชั่วขณะ “ลำเอียงตรงไหน?”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อจ้องเขม็งและถามด้วยความโกรธ “ท่านแม่สร้างปัญหา และท่านบอกว่าจะปกป้องนาง แต่ข้าเพียงแค่สร้างเรื่องเล็กๆ ท่านกลับตีก้นข้า ไม่แปลกเลยที่ลุงอวี๋จะบอกว่าท่านเป็นพวกเห็นความสัมพันธ์ทางกายดีกว่ามิตรภาพ แม้แต่ลูกชายก็ไม่เว้น”

ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น

มู่หรงฉีเอ่ยอย่างจนปัญญา “ท่าแม่ของเจ้าเป็นสตรี พวกเราเป็นบุรุษก็ต้องปกป้องนางสิ”

เสี่ยวอวิ๋นเช่อทำหน้ามุ่ยไม่พอใจและพึมพำเสียงต่ำ “ตอนนางตีข้านางดูไม่เหมือนสตรีเลยสักนิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา