ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 550

ฮ่องเต้ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยราวกับว่าอยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว พระองค์ลูบเคราแล้วยิ้ม “องค์หญิงอี๋นั่วกับลูกชายข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันยิ่งนัก แต่ว่าท่านอ๋องฉีกับพระชายาเพิ่งจะกลับมาคืนดีกันอีกครั้งหลังจากที่แยกจากกันไปนาน อีกทั้งยังเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน เกรงว่ายังไม่มีแผนที่จะรับพระชายารองหรอกกระมัง?”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันสามารถรอได้ สามปีหรือห้าปีก็ไม่เป็นไรเพคะ” น่าจาอี๋นั่วกล่าวอย่างเด็ดขาด “อี๋นั่วเองก็ชื่นชมพระชายาฉีอยู่มาก รู้สึกถูกชะตากับพระนางอย่างมาก ถ้าหากสามารถเป็นพี่น้องกับพระนางได้จะต้องเป็นมิตรที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน”

มู่หรงฉีรอคอยเหลิ่งชิงฮวนตั้งห้าปี ไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนสักคน ถึงกระทั่งไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าใกล้ตัวเองในระยะสามฟุต ทุกคนต่างรู้สึกว่าวันนี้องค์หญิงหนานจ้าวผู้นี้คงต้องเจอกับความแข็งกระด้างจากมู่หรงฉีอย่างแน่นอน

เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ยังไม่รอให้ฮ่องเต้ได้เอ่ยถาม มู่หรงฉีก็ปฏิเสธขึ้นมาทันควัน “องค์หญิงไม่จำเป็นต้องรอหรอกขอรับ แม้ว่าจะผ่านไปอีกร้อยปี ข้างกายของมู่หรงฉีผู้นี้ก็จะมีเพียงแค่เหลิ่งชิงฮวนคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือชาตินี้ก็ตามจะไม่มีทางมีผู้หญิงอื่นอีกอย่างแน่นอน”

พูดออกมาแบบนี้ในที่สาธารณชนเช่นนี้โดยไม่ต้องครุ่นคิด

คำพูดของชายชาตรีเมื่อกล่าวออกมาแล้วย่อมไม่มีทางคืนคำ ช่างไม่ต่างอะไรกับคำสาบานที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่เลยสักนิด หากวันหนึ่งวันใดเขากลับคำนั่นก็คือการตบหน้าตัวเอง!

สายตาของทุกคนกวาดตาไปให้มองที่ทั้งสามคนตรงนั้นครู่หนึ่ง ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวผู้งดงามทั้งคู่ราวกับถูกสวรรค์สร้างขึ้นมา อีกทั้งก็มีลูกชายที่เหมือนกับแกะสลักออกมาด้วยหยก ทั้งฉลาดและน่ารักช่างเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ยิ่งนัก

ส่วนทางด้านเหลิ่งชิงฮวนที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคำยั่วยุของน่าจาอี๋นั่ว นางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาเอาแต่สนใจคีบผักให้เสี่ยวอวิ๋นเช่อท่าทางเฉยเมยไม่สนใจไยดี ส่วนน่าจาอี๋นั่วก็ไม่สนใจคำปฏิเสธที่ตรงไปตรงมาของมู่หรงฉีแม้แต่น้อย สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนเป็นโมโหเลยสักนิด

“ท่านอ๋องฉีทำไมท่านต้องรีบปฏิเสธด้วยเพคะ? เรื่องในภายภาคหน้าไม่มีใครที่สามารถคาดเดาได้? อีกอย่างในฉางอันเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานล้วนต้องทำตามคำสั่งท่านพ่อท่านแม่ และฟังคำของแม่สื่อไม่ใช่หรือ? จะแต่งหรือไม่แต่งนั้นต้องเป็นฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินใจไม่ใช่หรือเพคะ?”

นางทำให้มู่หรงฉีตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากมู่หรงฉีตอบปฏิเสธก็เท่ากับเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อฮ่องเต้

หลังจากฮ่องเต้ก็ขึ้นมานั่งหลังตรงอยู่บนบัลลังก์มังกรทอง ก็ทำท่าทางนิ่งสงบราวกับกำลังนั่งรอตกปลาก็ไม่ปาน เขากำลังรอดูว่าลูกชายของตนจะรับมืออย่างไร

ตอนที่สายตาของชายหนุ่มทั้งหลายในท้องพระโรงกวาดตามองมาที่มู่หรงฉี เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็หยุดกินอาหารและจ้องเขม็งไปที่ดวงตาสีดำขนาดใหญ่คู่หนึ่ง เขามองไปทางนี้ทีมองไปทางนู้นที ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของน่าจาอี๋นั่วสักเท่าไรจึงเอ่ยถามเหลิ่งชิงฮวนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ท่านแม่ ที่นางพูดหมายความว่าอะไรหรือ?”

แส้หนังที่เอวของเหลิ่งชิงฮวนเริ่มสั่นไหวขึ้นมาแล้ว อดไม่ไหวอยากจะฟาดใส่หน้าน่าจาอี๋นั่ว เมื่อได้ยินเสี่ยวอวิ๋นเช่อเอ่ยถามมาจึงยักไหล่ตอบกลับไป “นางบอกว่านางอยากเป็นภรรยาของท่านพ่อเจ้านะ”

ท่านพ่อจะแต่งภรรยาเข้ามาอีกหรือ? ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะแต่งงานกับท่านแม่ของตัวเองมาหมาด ๆ นะหรือ?

เขามองสำรวจน่าจาอี๋นั่วตั้งแต่หัวจรดเท้ามองไปที่เครื่องประดับเงินที่ประดับบนร่างกายของนางทั้งตัว ดูเหมือนว่านางจะร่ำรวยมาก ๆ เลยทีเดียวบางทีการเจรจานี้อาจจะไม่ขาดทุนก็ได้?

“ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านพ่อถึงไม่เห็นด้วยเล่า? มีภรรยาเพิ่มมาอีกหนึ่งคนไม่ดีหรืออย่างไร?”

แขกที่อยู่ที่นี่ต่างพากันหัวเราะเบา ๆ มีบางคนที่มีเจตนาดี มีบางคนก็มีเจตนาเยาะเย้ย

เหลิ่งชิงฮวนมองไปที่ลูกน้อยในอ้อมแขนของตนแล้วก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เขาเห็นผู้หญิงสวย ๆ เข้าหน่อยสมองก็ไม่ทำงานเสียแล้ว จุดนี้ช่างคล้ายกับท่านพ่อของเขาอยู่เล็กน้อย

เธอลูบหัวศีรษะของเขาและถอนหายใจเบา ๆ “แน่นอนว่ามีภรรยาเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนั้นเป็นเรื่องดี แต่เจ้าก็จะมีแม่เพิ่มมาอีกคนดีหรือไหม?”

เพิ่มท่านแม่ขึ้นมาอีกคนเขาไม่มีทางยอมอย่างเด็ดขาด แค่มีท่านแม่เพียงคนเดียวก็เกินพอแล้ว ถึงอย่างไรตัวเองก็มีก้นเพียงสองข้างเท่านั้น หากถูกตียังสามารถเปลี่ยนข้างสลับพักฟื้นได้

ถ้าต้องมีท่านแม่สองคน เฮ้อ ยังจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้อีกหรือ?

เสี่ยวอวิ๋นเช่อลุกขึ้นยืนดัง ตึง พร้อมกับพูดด้วยเสียงแจ้ว ๆ “แต่งงานกับท่านพ่อข้ามีอะไรดีนักหรือ? เขาโง่เขลาขนาดนั้น อีกทั้งยังแก่มากแล้วด้วย ผมหงอกหมดหัวแล้ว ถ้าท่านกลัวว่าจะแต่งไม่ออกจริง ๆ ละก็ ถ้ายังไงแต่งงานกับข้าดีหรือไม่ ข้ายินดีขอท่านแต่งงานด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา