ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 552

สรุปบท ตอนที่ 552 ล้วนเป็นพวกท่านที่บีบบังคับข้า: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 552 ล้วนเป็นพวกท่านที่บีบบังคับข้า – ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บท ตอนที่ 552 ล้วนเป็นพวกท่านที่บีบบังคับข้า ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ในหมวดนิยายนิยาย โรแมนติค เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉลิมพล อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนพูดคุยหยอกล้อกันอย่างมีอารมณ์ขันกันสองต่อสอง ราวกับว่าไม่ได้สนใจกับการยั่วยุของน่าจาอี๋นั่วแม้แต่น้อย

ดวงตาของข้าราชบริพารทั้งหลายในท้องพระโรงมีประกายแวววับ พากันกระซิบกระซาบ ท่าทางราวกับว่ากำลังได้ชมการแสดงที่สนุกสนานอยู่ยังไงยังงั้น

เรื่องนี้คุ้มค่าให้พวกเขารอชมจริงๆ

ท่านอ๋องฉีกับพระชายาฉีอุตส่าห์หวนกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง มีงานพิธีเสกสมรสครั้งยิ่งใหญ่อลังการ แสดงความรักกันจนแม้แต่เทพผีเทวดาทั้งหลายยังชังน้ำหน้า เป็นไงกรรมตามมาทันพอดี คาดไม่ถึงว่าจะมีองค์หญิงหนานจ้าวเข้ามาสอดแทรกระหว่างกลางอีก

แม้ว่านางจะเป็นถึงองค์หญิงจากแคว้นที่ตกต่ำ แต่ว่าเมื่อดูจากภูมิหลังและวิธีการของนางแล้ว ดูจะสูงไปกว่าเหลิ่งชิงหลางและจิ่นอวี๋แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น คราวนี้ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกเสียแล้ว ดูสิว่าพระชายาฉีจะรับมืออย่างไร?

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญเช่นนี้ การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบต่อวงกว้าง การแต่งงานครั้งหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อีกมากมาย และทำให้ราชสำนักในฉางอันเกิดความวุ่นวายได้

ทุกคนพากันกำลังกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครสนใจที่จะกินจะดื่มกันแล้ว

เหลิ่งชิงฮวนสั่งให้คนกลับไปเอากล่องยาของตัวเองที่จวนอ๋อง

น่าจาอี๋นั่วก็ทูลขอตัวกลับออกจากงานเลี้ยงไปครู่หนึ่งเพื่อจะเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

ส่วนน่าเยี่ยไป๋ก็หาข้ออ้างเพื่อที่จะออกจากงานเลี้ยงและตามออกไป

“อี๋นั่ว!”

เขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่โมโหและร้อนรน

น่าจาอี๋นั่วกำลังออกคำสั่งแก่คณะราชทูตที่อยู่ข้างหน้าด้วยเสียงเบา ๆ เมื่อได้ยินเขาเรียกตนเอง จึงรีบหันหน้ามามองทันที “ท่านพี่ ไม่ได้พบกันหลายวัน สีหน้าของท่านเริ่มดูดีขึ้นมาแล้ว? ดูเหมือนว่าทักษะทางการแพทย์ของเหลิ่งชิงฮวนผู้นี้ไม่ควรจะมองข้ามจริง ๆ”

น่าเยี่ยไป๋ไม่ได้ตอบคำถามของนาง แต่จ้องมองไปที่ใบหน้าของนางไม่วางตา “ตามข้ามา ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับเจ้า!”

น่าจาอี๋นั่วเอียงศีรษะทำใบหน้าไร้เดียงสา “มีอะไรจะพูดรอให้แข่งขันเสร็จก่อนค่อยพูดไม่ดีกว่าหรือ?”

“ไม่ได้!”

น่าเยี่ยไป๋พูดอย่างเด็ดขาด และหันหลังเดินกลับไปยังทางที่ไม่มีใครอยู่

น่าจาอี๋นั่วสั่งให้พวกราชทูตรออยู่ที่เดิมก่อน ส่วนตัวเองเดินตามหลังเขาไป

ด้านหลังชั้นวางดอกไม้มีเถาวัลย์เลื่อยบดบังเอาไว้ รอบข้างไร้ซึ่งผู้คน

น่าเยี่ยไป๋ที่เดินอยู่ข้างหน้าหันหลังกลับมาและเอ่ยถามอย่างเย็นชา “เจ้าเพียงแค่บอกข้ามา วันนี้ที่เจ้าทำเช่นนี้ทำเพื่ออะไรกันแน่?”

น่าจาอี๋นั่วหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขาและเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีที่ไม่แม้แต่จะยอมแพ้เลยสักนิด “จะทำเพื่ออะไรได้เล่า? ท่านอ๋องฉีทั้งมีเสน่ห์ทั้งสง่างาม และยังเป็นนักรบที่กล้าหาญและเก่งในการต่อสู้อีก เป็นวีรบุรุษบนม้าที่หายาก ข้าชื่นชมเขามานานแล้ว ข้าแค่ต่อสู้เพื่อความสุขตลอดชีวิตของตนเอง มีอะไรผิดตรงไหนงั้นหรือ?”

น่าเยี่ยไป๋ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอขึ้นอย่างเยาะเย้ย “หากเจ้าอยากแต่งงานกับมู่หรงฉี พี่คนนี้ก็ไม่ขัดข้อง หากในอนาคตเจ้าอยากจะอยู่ที่ฉางอันจึงทำการวางแผนขึ้นเพื่อเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตเจ้าเอง ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ทำไมเจ้าต้องเลือกทำในช่วงเวลานี้ด้วย? จะรอให้ร่างกายของข้าหายดีก่อนไม่ได้หรือยังไง?”

“ข้าคิดว่า หากบั้นปลายชีวิตของข้ามีที่พึ่งพิง ท่านพี่จะดีใจแทนข้าเสียอีก”

“ยังจะเล่นลิ้นอีกงั้นหรือ?” อยู่ ๆ น่าเยี่ยไป๋ก็ขึ้นเสียงจนไอขึ้นมาครู่หนึ่ง ไออย่างรุนแรงจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้อะไรงั้นหรือ? เจ้าไม่ได้อยากแต่งงานกับมู่หรงฉี แต่เจ้าแค่จงใจที่จะยั่วยุเหลิ่งชิงฮวนต่างหาก!

การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในอีกสักพัก ถ้าสมมุติว่าเหลิ่งชิงฮวนเกิดแพ้ขึ้นมา และฮ่องเต้ก็จะมีพระราชทานให้เจ้าแต่งงานกับมู่หรงฉี ส่วนเหลิ่งชิงฮวนคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งพระชายา และวิธีที่ตรงที่สุดและเงียบที่สุดในการขับไล่เจ้าออกจากเมืองฉางอันก็คือการกำจัดข้าทิ้งเสีย

หากตอนที่นางกำลังรักษาข้าอยู่และเกิดพลั้งทำพลาดอะไรขึ้นมาจนข้าตายไป เช่นนั้นการเจรจาอย่างสันติระหว่างสองประเทศจะถูกทำลายลง เสด็จพ่อและเสด็จแม่จะต้องถอนคำสั่งคืนอย่างแน่นอน เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในฉางอันในฐานะตัวประกันอีกใช่หรือไม่?

วันนี้เมื่อข้าได้เห็นเจ้า ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ดูเหมือนว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปแล้ว เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด เจ้าหวังว่าให้ข้าตายไปสินะ!”

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่ข้าก็พอจะมีความหวังสามารถกลับไปที่หนานจ้าวได้อีกครั้ง! มิฉะนั้นข้าคงต้องถูกฝังกระดูกเอาไว้ที่ฉางอัน ชั่วชีวิตนี้ไม่สามารถกลับหนานจ้าวได้อีกอย่างงั้นหรือ?”

น่าเยี่ยไป๋เดือดดาลและจ้องมองนางด้วยความโกรธ ริมฝีปากเริ่มสั่นสะท้าน “เจ้ากำลังจะก่อกบฏ!”

“ต่อให้ข้าจะก่อกบฏ ท่านจะทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าสมมุติว่าข้าเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา ดูสิว่าใครจะเป็นตัวประกันแทนท่านได้อีก?”

น่าเยี่ยไป๋เห็นว่าใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล จึงมีท่าทีที่อ่อนลงมาทันที

“พี่ปฏิบัติต่อเจ้าดีเสมอมา ยกให้เจ้าเป็นความภาคภูมิใจของข้ามาโดยตลอด เจ้าจะไม่สนใจความเป็นพี่เป็นน้องของพวกเราแล้วงั้นหรือ?”

“หากมีเพียงคนเดียวระหว่างข้ากับท่านที่สามารถกลับไปที่หนานจ้าวได้ ท่านพี่จะเลือกอย่างไร?”

“ไม่ใช่เพราะพี่รักตัวกลัวตาย แต่เจ้าก็เคยบอกเอาไว้ว่าแผ่นดินของหนานจ้าวยังจำต้องให้พี่ไปสืบทอด”

“ไม่ต้องพูดข้ออ้างที่สวยหรูเหล่านี้แล้ว” น่าจาอี๋นั่วยิ้มอย่างเย็นชา “เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ท่านก็จะเลือกได้อย่างไม่ลังเล ท่านมีสิทธิ์อะไรมาประณามข้า? ตอนนี้ข้ากับท่านล้วนก็อยู่ที่ฉางอันทั้งคู่และใครสามารถกลับหนานจ้าวไปได้ก็ต้องพึ่งพาความสามารถของแต่ละคนแล้ว”

“เจ้ามันบ้าไปแล้ว เจ้ามันบ้าไปแล้วจริงๆ”

“ข้าบ้าไปแล้วนะสิ!” น่าจาอี๋นั่วกะพริบตาปริบ ๆ และฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้ “นี่เป็นสิ่งที่พวกท่านบังคับข้าเอง มาโทษข้าไม่ได้!”

เมื่อหันกลับไปอย่างกะทันหัน เครื่องประดับเงินที่ประดับอยู่บนศีรษะและชายเสื้อก็กระทบกันส่งเสียงดัง นางหันหลังและเดินจากออกไปเลย

น่าเยี่ยไป๋จ้องมองไปที่แผ่นหลังด้านหลังของนาง ด้วยสายตามืดมนและหนาวเย็นดุจน้ำแข็ง

จากนั้นก็เอ่ยพูดออกมาทีละคำเล็ดลอดออกมาจากซอกฟัน “ในเมื่อเจ้าไม่มีความเมตตา ถ้าเช่นนั้นอย่ามาโทษข้าว่าไร้คุณธรรม”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา