ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 553

บรรยากาศของงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนี้ไม่ถือว่าน่ารื่นรมย์เสียเท่าไร อยู่ ๆ ก็มีความตึงเครียดและจริงจังขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

แม้ว่านี้จะเป็นเพียงการแข่งขันระหว่างผู้หญิงสองคน และผลของการแข่งขันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครทั้งสิ้นสักนิด แต่อย่างไรก็ตามการแข่งขันในครั้งนี้ยังคงเป็นที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน

จุดสนใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ตัวอย่างเช่น ท่านหมอใหญ่ของสำนักหมอหลวงรีบมาที่นี่อย่างเงียบ ๆ เพื่อมาดูทักษะทางการแพทย์และการใช้พิษและรักษาพิษของทั้งสอง

สิ่งที่น่าเยี่ยไป๋ผู้นั้นให้ความสนใจก็คือความเป็นความตายของตัวเองและอารมณ์ของเหลิ่งชิงฮวน ส่วนสิ่งที่เสนาบดีเหลิ่งสนใจก็คือตำแหน่งพระชายาฉีของลูกสาวตัวเอง ทางด้านฮ่องเต้สิ่งที่พระองค์ให้ความสำคัญยิ่งล้ำลึกเข้าไปอีก

มีเพียงแค่มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนเท่านั้นที่พูดคุยหยอกล้อกันอย่างอารมณ์ขัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เสี่ยวอวิ๋นเช่อที่กำลังซุกซนอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความอบอุ่นและสดใสพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการแข่งขันในวันนี้มากนัก

ราชทูตจากหนานจ้าวเดินเข้ามาทูลรายงานเหลิ่งชิงฮวน “องค์รัชทายาทของหม่อมฉันขอเชิญพระชายาไปพูดคุยด้วยสักสองสามประโยค”

มู่หรงฉีปฏิเสธออกไปทันควันโดยไม่แม้แต่จะคิด “ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร รอถึงตอนที่จะเจรจาร่วมกันในอีกไม่กี่วันที่จะถึงเถอะ หากองค์รัชทายาทมีเงื่อนไขอะไรจะเสนอก็เสนอออกมาทีเดียวยังไม่สาย”

ราชทูตกดเสียงพูดให้เบาลง “องค์รัชทายาทของหม่อมฉันเพียงแค่ต้องการเป็นกำลังส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพระชายาฉีก็เท่านั้น ไม่มีทางเอาชีวิตของตนเองมาเป็นเรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน”

เหลิ่งชิงฮวนไม่กลัวน่าเยี่ยไป๋อยู่แล้ว อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สายตาของคนจำนวนมากที่จับจ้องเช่นนี้ เขาจะทำอะไรแผลง ๆ ได้อีก? เพียงแค่รู้สึกรำคาญ รำคาญอย่างมากเท่านั้น แค่เห็นเขาก็รู้สึกว่าไม่สบายลำคอ มีความรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา

ดังนั้นนางจึงปฏิเสธออกไป

ราชทูตคนนั้นก็กลับไปรายงานน่าเยี่ยไป๋ ผ่านไปไม่นานคาดไม่ถึงว่าน่าเยี่ยไป๋จะเดินเข้ามาหาทั้งคู่ด้วยตัวเอง เขามองชำเลืองไปที่มู่หรงฉีที่อยู่ข้าง ๆก่อนเอ่ยพูด “พระชายาฉีเป็นห่วงว่าท่านอ๋องฉีจะเข้าใจผิดอะไรงั้นหรือ?”

เข้าใจผิดนะหรือ เกรงว่าท่านยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ

เหลิ่งชิงฮวนตอบกลับไปอย่างไม่เกรงใจสักนิด “รัชทายาททรงกังวลมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าระหว่างข้ากับท่านนอกจากอาการป่วยของท่านแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดคุยกันก็เท่านั้น”

น่าเยี่ยไป๋เหลียวมองไปทางซ้ายทีขวาที แล้วจงใจลดเสียงให้ต่ำลง “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาพูดคุยถึงอาการป่วยของข้าละกัน สามารถพูดได้เลยว่า ที่ข้าน่าเยี่ยไป๋สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือกำลังของน้องสาวที่มีส่วนค่อยช่วยเอาไว้ส่วนหนึ่ง นางเสาะหาหมอและหมอกู่ที่มีชื่อเสียงทั่วหนานจ้าว รวบรวมและผนวจเข้าไว้ด้วยกัน วิชาหนอนพิษกู่ จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรประมาทอย่างเด็ดขาด”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่เตือนสติ เช่นเดียวกันข้าก็มั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตัวข้าเองเช่นกัน”

แม้ว่าตัวเองจะไม่ค่อยรู้ศาสตร์ของวิชาหนอนพิษกู่มากนัก แต่นางมีเทคโนโลยีระดับสูง หากมีแมลงพิษกู่ในร่างกาย ขอเพียงไม่ใช่วิชาไสยศาสตร์ ก็เชื่อว่าไม่มีทางปกปิดอุปกรณ์ตรวจจับที่ทันสมัยนี้ได้

“หรือว่าท่านไม่อยากเรียนรู้วิชาหนอนพิษกู่ที่อี๋นั่วถนัดและวิธีการรับมือกับมันงั้นหรือ? ฉางอันของพวกท่านไม่ได้มีคำกล่าวเอาไว้หรือว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”

“อยากรู้สิ” เหลิ่งชิงฮวนตอบอย่างตรงไปตรงมา “องค์รัชทายาทต้องการเข้าข้างคนนอกอย่างข้าและจัดการญาติพี่น้องของตัวเองเพื่อรักษาคุณธรรมนะหรือ? หากข้าชนะน่าจาอี๋นั่วขึ้นมา ใบหน้าของหนานจ้าวของพวกท่านก็จะไม่เหลือนะ”

น่าเยี่ยไป๋ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมพูดอย่างหนักแน่น “การแข่งขันในครั้งนี้ ข้าคาดหวังให้เจ้าเป็นผู้ชนะ”

เหลิ่งชิงฮวนกับมู่หรงฉีมองสบตากันด้วยความประหลาดใจ “ท่านอยากพูดอะไร ก็โปรดพูดออกมาตรง ๆ เถอะ”

น่าเยี่ยไป๋กระแอมไอเบา ๆ สองครั้ง “ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาอี๋นั่วได้ศึกษาการใช้มนุษย์มาทำมนุษย์กู่ ใช้คนเป็น ๆ มาเลี้ยงกู่วิชากู่จึงรุกก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

พิษกู่ที่นางถนัดที่สุดมีสามชนิด ชนิดแรกคือเหากู่ ตัวอย่างเช่นเดียวกับภัยพิบัติในเมืองอวี้โจว ซึ่งท่านก็เคยประสบพบเจอมาแล้ว

ยังมีหนึ่งอีกชนิดก็คือหนอนไหมทองกู่ เมื่อมันบุกเข้าไปในท้องของคน ก็จะปล่อยพิษออกมาได้อย่างต่อเนื่อง น้ำท่วมก็ไม่ตาย เผาไฟก็ไม่ตาย หรือแม้แต่ใช้มีดฟันมันก็ไม่ตาย มีพลังชีวิตแข็งแกร่งมาก ถ้าท่านกินยาเข้าไป เกรงว่าคงจะฆ่ามันไม่ตาย แต่กลับจะเป็นการทรมานเหยื่อจนตายไปมากกว่า ได้ยินมาว่าวิธีที่แก้ได้ดีที่สุดก็คือการใช้เม่น”

เหลิ่งชิงฮวนย่อมเคยได้ยินหนอนไหมทองกู่มาบ้าง และก็รู้วิธีแก้เล็กน้อย เป็นอย่างที่น่าเยี่ยไป๋กล่าวเอาไว้ ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนไม่สะทกสะท้านกับมัน แต่ที่มันกลัวมากที่สุดมีเพียงแค่อย่างเดียว ซึ่งก็คือเม่นที่มีหนามปกคลุมทั่วตัว เม่นไม่เพียงแต่จะกลืนพิษกู่ แต่ยังสามารถใช้เลือดของมันมาเป็นตัวยากระตุ้น ซึ่งสามารถแก้พิษของหนอนไหมทองกู่ได้

แต่ว่าหากน่าจาอี๋นั่วจะเดิมพันกับตัวเอง จะมาใช้วิธีที่มีทางแก้ที่ง่ายดายแบบนี้กับตัวเองได้อย่างไร?

เหลิ่งชิงฮวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

น่าเยี่ยไป๋เอ่ยพูดต่อ “แน่นอนว่า สิ่งที่นางเก่งกาจที่สุดสำหรับนางก็คือแกนพลังชีวิตกู่ที่เชื่อมโยงพลังวิญญาณเข้ากับนาง มันโหดเหี้ยมมากจนเกินต้านทาน มันสามารถกลืนกินอวัยวะสำคัญทั้งห้าภายในร่างกายของมนุษย์ทั้งหมดและบุกรุกสมอง ทำการควบคุมความคิดของอีกฝ่าย จนทำให้อีกฝ่ายเชื่อฟังผู้ใช้พิษกู่ ยกอย่างเช่นเมื่อห้าปีก่อนที่นางลงมือบนร่างของแม่หมอร่างทรงในตอนนั้น เพียงแต่ว่าในตอนนี้นางสามารถหาร่างที่ดีกว่าได้แล้วและเก่งกาจกว่าเป็นร้อยเท่า ถ้าท่านอยากจะชนะคงจะยากยิ่งกว่าไปเหยียบสวรรค์เสียอีก”

คำพูดของน่าเยี่ยไป๋ไม่ใช่การขู่ขวัญ แต่เหลิ่งชิงฮวนได้ฟังก็รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยในใจ

เทคนิคทางพิษวิทยานั้นลึกซึ้งแล้วกว้างขวางมาก ไม่ต้องพูดถึงสมัยโบราณเลย แม้แต่ยุคปัจจุบันก็มีที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่ยังไม่สามารถศึกษาได้อย่างลึกซึ้ง และอธิบายไม่ได้เช่นกัน จิตวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น หากมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ บางตำราเรียนจะเรียกรวมกันว่าสนามแม่เหล็กแต่เทคนิคลึกลับที่รวบรวมอยู่ในนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้สักคน

ยกตัวอย่างเช่น จิตวิญญาณของตัวเองที่ทะลุมิติมายังไงล่ะ

หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือวิชากู่ของน่าจาอี๋นั่ว หรือวิชามารของลักธินักบุญหญิง ทั้งลึกลับและซับซ้อนล้วนเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้

เธอตั้งใจฟังสิ่งที่น่าเยี่ยไป๋พูดจนจบ และชำเลืองมองไปภายในท้องพระโรง “ท่านมีวิธีรับมืองั้นหรือ?”

น่าเยี่ยไป๋ส่ายหน้าอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มี แต่ว่าข้ารู้ว่าร่างของแกนพลังชีวิตกู่ของนางคืออะไร?”

“คืออะไร?”

น่าเยี่ยไป๋โน้มตัวไปข้างหน้านางเล็กน้อย สีหน้าของมู่หรงฉีเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที และดึงเอาตัวเหลิ่งชิงฮวนมาไว้ด้านหลังของตัวเอง “องค์รัชทายาทโปรดสำรวมด้วย”

น่าเยี่ยไป๋ไม่สนใจแม้แต่น้อย และยกมุมปากยิ้มก่อนจะพูดสั้นออกมาแค่ประโยคเดียว “ตั๊กแตนตำข้าว”

ตั๊กแตนตำข้าว?

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นี่มันอะไรกันเนี่ย?

เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าแมลงที่มีเคียวและกระโดดโลดเต้นไปมาจะสามารถเข้าไปอยู่ในร่างกายของมนุษย์คนหนึ่งและควบคุมจิตใจของอีกฝ่ายได้

มันมีความร้ายกาจตรงไหน?

น่าเยี่ยไป๋กระแอมไอเบาๆ “ท่านดูเหมือนไม่เชื่อหรือ?”

“ข้ารู้สึกเสมอว่าน่าจาอี๋นั่วปฏิบัติต่อท่านในฐานะพี่ชาย บอกได้ว่าเลยทำด้วยใจและตรงไปตรงมา ดังนั้นจึงสงสัยว่าเพราะอะไรท่านถึงได้ขายนางได้”

“นั้นเป็นเมื่อก่อน” น่าเยี่ยไป๋ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาทางปลายจมูกเบา ๆ “หรือว่าท่านดูไม่ออกหรือว่า ข้าได้แสดงความจริงใจของข้าต่อท่านแล้ว”

สายตาของเหลิ่งชิงฮวนที่มองเขายิ่งดูแคลนมากยิ่งขึ้นไปอีก “น้ำใจครั้งนี้ข้าขอรับเอาไว้แล้วกัน”

น่าเยี่ยไป๋เหลือบมองใบหน้าที่นิ่งเหมือนน้ำของมู่หรงฉีและยิ้มอย่างมีเลศนัยให้เหลิ่งชิงฮวน “ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้การร่วมมือกันของท่านและข้าราบรื่น”

จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

ดวงตาของมู่หรงฉีส่องประกายขึ้นมาทันที “อาจเป็นกับดักหรือไม่?”

เหลิ่งชิงฮวนกัดริมฝีปากล่างเบาๆ และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าเคยเห็นมิตรภาพของสองพี่น้องคู่นี้กับตาตัวเองมาก่อน แต่ในวันนี้มักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกันแล้ว คำพูดของเขาบางทีอาจเชื่อถือได้กระมัง?”

“น่าเยี่ยไป๋จงใจบอกเรื่องที่ลึกที่สุดของน่าจาอี๋นั่วกับเจ้านั่นก็หมายความว่าเขาคาดหวังให้เจ้าชนะการแข่งขันในครั้งนี้ ข้าคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียที เขาทำเช่นนี้เกิดประโยชน์อะไรกับเขา?”

“ถ้าสมมุติว่าไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเช่นนั้นในทางกลับกันก็จะมีแต่ข้อเสีย”

อยู่ ๆ ก็เกิดความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในสมองของมู่หรงฉีทันที ทันใดนั้นก็คิดออกขึ้นมา “น่าจาอี๋นั่วไม่อยากให้เจ้าช่วยชีวิตน่าเยี่ยไป๋! ต้องการทำลายการเจรจาอย่างสันตินี้ลง เมื่อเป็นเช่นนั้นนางถึงจะมีโอกาสกลับไปหนานจ้าวได้”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะอย่างเย่ยหยันเบา ๆ “นี่น่าจะเป็นเพราะเมื่อถึงตอนที่อยู่บนความเป็นความตาย มนุษย์จะเปิดเผยสันดานที่ไม่ดีที่ปกปิดเอาไว้ออกมานั่นแหละ? น่าเยี่ยไป๋เป็นพวกรักชีวิตกลัวตาย เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้ เขายอมขายน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองจะเป็นอะไร? คำพูดของเขาเชื่อถือได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา