ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 554

เทียนซื่อถือกล่องยาเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน การแข่งขันกำลังใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว

มู่หรงฉีสั่งกำชับว่า “อย่าได้ใส่ใจมากเกินไป ยังไงข้าก็เป็นของเจ้าเสมอ คนอื่นไม่สามารถแย่งไปได้ แม้ว่าเสด็จพ่อจะพระราชทานให้นางอภิเษกสมรสกับข้า คงแค่มีเจตนาให้ข้าเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของนางในฉางอันก็เท่านั้น”

เหลิ่งชิงฮวนแบะปาก “ตาเฒ่าคนนี้แย่ที่สุด เขาทนเห็นข้ามีช่วงเวลาที่ดีไม่ได้ อยากให้คนอื่นมาแทนที่ข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสนุกกับการยุ่งเรื่องของคนอื่น จนไม่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายล่ะก็ คงจะไม่มีเรื่องวุ่นวายอย่างวันนี้เกิดขึ้นหรอก?”

มู่หรงฉีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ที่จริงแล้วเสด็จพ่อชื่นชมเจ้ามาก ที่ท่านทำเช่นนี้ คงมีเหตุผลของพระองค์นั่นแหละ พระองค์น่าจะเห็นความบาดหมางระหว่างน่าเยี่ยไป๋กับน่าจาอี๋นั่วอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นจึงจงใจที่จะยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน หากพวกเขาทั้งสองคนบาดหมางกันอย่างสิ้นเชิงจริง ๆ ขึ้นมาละก็ น่าจาอี๋นั่วก็จะอยู่ในฉางอันอย่างเชื่อฟัง ไม่คิดแผนการใด ๆ ขึ้นอีก และไม่กลายเป็นหนามยอกอกที่หนานจ้าวทิ้งเอาไว้ในฉางอัน”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ การเป็นลูกสะใภ้ของเชื้อพระวงศ์มันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด? ทุก ๆ วันมีแต่คนจ้องวางแผนทำร้ายและถูกใช้ประโยชน์ ไม่ถูกสิมีแต่ตาเฒ่าผู้นั้นคนเดียวนั่นแหละที่ดูเหมือนจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเอง พระชายาเซวียน พระชายาเฮ่าและคนอื่น ๆ ต่างใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข

พูดไปยังไงก็เป็นตัวเองคนเดียวที่ถูกกลั่นแกล้ง คิดว่าตัวเองเป็นเด็กโง่ต้อนแกะที่ไม่รู้จักโลกภายนอกหรือไง? หรือเห็นว่าเป็นลูบพลับนิ่มๆสามารถบีบยังไงก็ได้?

หลังจากได้เตรียมการล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ท่านทูตของหนานจ้าวที่ถูกส่งออกไปก็ได้กลับเข้ามาพร้อมกับแบกเปลที่มีคนคนหนึ่งนอนอยู่ข้างบนเข้ามา และใช้ผ้าขาวคลุมเอาไว้ ศีรษะและใบหน้าก็ถูกคลุมด้วยผ้าเช็ดหน้าเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากมืออันเรียวยาวที่เผยออกมาให้เห็นแล้ว คนผู้นี้ต้องเป็นผู้หญิงคนหนึ่งและยังเป็นหญิงสาววัยรุ่นอีกด้วย

นอกจากนี้ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนว่ากำลังเปลือยเปล่าทั้งตัว ดังนั้นภายใต้ผ้าคลุมสีขาวที่ปกปิดอยู่ จึงสามารถมองเห็นรูปร่างที่งดงามได้รางๆ

เหลิ่งชิงฮวนไม่เข้าใจ

น่าจาอี๋นั่วก้าวขึ้นไปข้างหน้าและยิ้มไปให้เหลิ่งชิงฮวนอย่างมั่นอกมั่นใจ “คนที่ว่าข้าได้พามาแล้ว นางเป็นมนุษย์กู่ที่ข้าเลี้ยงเอาไว้ นางอาสาอย่างกล้าหาญยอมให้ข้าใช้พิษกู่ ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ตาม แน่นอนว่าหากท่านมีความเมตตาจริง คงจะยอมรับความพ่ายแพ้นี้ไปตั้งนานแล้ว ถ้าข้าลงมือเองก็จะสามารถช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้”

เหลิ่งชิงฮวนมองดูแวบหนึ่ง มนุษย์กู่ผู้นั้นนอนอยู่บนเปลหาม และหายใจยังสม่ำเสมออยู่ ปลายนิ้วขยับเล็กน้อย ดูเหมือนว่ายังมีสติอยู่

เธอไม่มีอะไรจะพูด แม้ว่าเธอจะเห็นใจหญิงสาวคนนี้ที่ต้องมาเผชิญกับสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ แต่นางเป็นชาวเมืองของหนานจ้าว ตัวเองไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปยุ่งมาก สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามรักษาชีวิตของนางเอาไว้

ในท้องพระโรงทุกคนกำลังจับตามองมาและถ้าตนอยากจะรักษาคนผู้นี้ ก็ต้องเลิกผ้าขาวขึ้นมา และจะเป็นการเผยให้เห็นใบหน้าและเรือนร่างของนางต่อหน้าประชาชี ทำให้นางไม่เหลือศักดิ์ศรีเลยแม้แต่น้อย

เหลิ่งชิงฮวนจึงเอยว่า “ขอติดตั้งม่านใช้ผ้าม่านบังเอาไว้ ขอให้ทุกท่ายถอยออกไปสามฟุต”

ฮ่องเต้ทรงโบกพระหัตถ์ ทันใดนั้นก็มีมหาดเล็กก้าวเข้ามาตรงหน้าทันที และทำการติดตั้งฉากกั้นกับผ้าม่านล้อมตัวนางและน่าจาอี๋นั่ว ทั้งสามคนถูกล้อมเอาไว้ตรงกลางพอดี

ขุนนางฝ่ายบุ่นและบู๊ที่เฝ้าดูความคึกคักถอยกลับไปข้างหลัง กลับไปนั่งประจำที่ตัวเอง มู่หรงฉีมองนางอย่างรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย ชิงฮวนส่งสายตาให้เขาสงบใจไม่ต้องเป็นห่วง

น่าจาอี๋นั่วรับขวดหยกขาวสามขวดจากผู้ติดตามของนางมาและเปิดขวดทีละขวดต่อหน้าเหลิ่งชิงฮวน “พวกเรามาเริ่มกันเถอะ?”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้าตอบรับ “ได้”

น่าจาอี๋นั่วก้าวขึ้นไปข้างหน้า และแหวกมุมผ้าที่ปิดอยู่บนใบหน้าของหญิงสาวขึ้น เผยให้เห็นคางที่ขาวเนียนละเอียดอ่อนของนาง จากนั้นก็ง้างปากของนางขึ้นและเทสิ่งของสองขวดลงไปในปากของผู้หญิงคนนั้น

เหลิ่งชิงฮวนมองไปยังสิ่งที่เทออกมาจากขวดทั้งสองขวด ขวดหนึ่งเป็นเม็ดสีทองๆขนาดเท่ากับเมล็ดงา ไม่รู้ว่าเป็นไข่หนอนหรือว่าเป็นเม็ดยา อีกอันมีลักษณะโปร่งใสเหมือนคริสตัล ต้องเป็นยาอย่างแน่นอน

ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงกูรูกูรูดังขึ้นจากท้องของหญิงสาวคนนั้น จากนั้นนางก็ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมา ราวกับว่าร่างกายเหมือนกำลังเกิดปฏิกิริยาขึ้น และค่อย ๆ บวมขึ้นด้วยความเร็วไวแสงจนมองไม่ทัน

ไม่น่าร่างกายถึงไม่มีเสิ้อผ้าสักตัว ถ้าสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ เกรงว่าคงถูกดันจนะระเบิดออกมา

น่าจาอี๋นั่วก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็กรีดข้อมือผู้หญิงบนเปลหามออกเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบหนอนที่มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายเล็กๆ ออกมาจากขวดสุดท้าย หนอนตัวนั้นถูกกลิ่นเลือดดึงดูดในทันที และไต่ไปตามมือของน่าจาอี๋นั่วไปที่บนบาดแผลของผู้หญิงคนนั้น คาดไม่ถึงว่าจะไต่ไปตามบาดแผลและเจาะเข้าไปในเนื้ออย่างรวดเร็ว!

ดูฉากนี้เข้าไปแล้วทำให้เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว

หญิงสาวที่อยู่บนเปลหามก็ดูเหมือนจะทนทุกข์ทรมานจนถึงขีดจำกัดแล้ว เริ่มดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด และก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าเวทนา อาจเป็นเพราะว่าใบหน้าของนางบวมจึงพูดไม่ค่อยชัดเจน ซึ่งทำให้เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงเหลิ่งชิงหลางที่ถูกตัดลิ้นในตอนนั้นขึ้นมา

ทำไมรู้สึกน้ำเสียงนี้ดูคุ้นเคยนิดหน่อยล่ะ? ดูเหมือนว่าจะเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน

ผู้คนที่มางานเลี้ยงที่นั่งห่างออกไปนอกผ้าม่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ได้ยินเพียงแค่เสียงกรีดร้องไม่หยุดไม่หย่อน เสียงนั้นโหยหวนเกินบรรยาย และรู้ว่าคนผู้นั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดมหาศาลอย่างแน่นอน ต่างอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นกับวิชาพิษกู่ของหนานจ้าวนี้ พากันกลัวจนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้ากันหมด

หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หญิงสาวคนนั้นก็สงบลง

ผ้าคลุมที่ปิดบนใบหน้าค่อยเลื่อนไปด้านข้างจากการดิ้นไปมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ไม่สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นใคร

เหลิ่งชิงฮวนตั้งใจมองใบหน้าของนาง ผิวพรรณของนางขาวใส่จนจะโปร่งแสงอยู่แล้ว เส้นเลือดใต้ผิวหน้าก็เห็นได้สะดุดตาอย่างมาก และโครงหน้าก็เป็นเพราะบวมจึงทำให้เปลี่ยนรูปไป แยกเค้าโครงเดิมไม่ออกแล้ว

เป็นไปได้ว่าตัวเองอาจจะคิดมากเกินไปกระมัง?

ลมหายใจของมนุษย์กู่ค่อย ๆ อ่อนลงเรื่อยๆ คนก็ดูเงียบไป ไม่ขยับเขยื้อนตัวแล้ว ราวกับว่าตกอยู่ในภาวะสลบไสลไปแล้ว

น่าจาอี๋นั่วโบกมือให้เหลิ่งชิงฮวนแล้วเปล่งเสียงตะโกนออกมา “ขอเชิญพระยาชาฉีแสดงฝีมือเถอะ? การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”

นางกำนัลรีบจุดธูปสองดอกทันที แล้วเสียบลงในกระถางธูป ธูปหนึ่งดอกเสียบด้านในผ้าม่านส่วนธูปอีกหนึ่งดอกเสียบในท้องพระโรงเพื่อใช้สำหรับจับเวลา

เหลิ่งชิงฮวนเอาแต่จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวในมือของน่าจาอี๋นั่ว และพิษกู่ที่นางใช้ทั้งหมดล้วนเป็นพิษที่แปลกใหม่จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไร

เธอก้าวไปข้างหน้าและแหวกผ้าขาวบนตัวของมนุษย์กู่ออก เป็นเพราะผิวของผู้ป่วยขาวจนเกือบจะโปร่งใสอยู่แล้ว จึงเห็นเส้นเลือดได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน ในเส้นเลือดมีส่วนที่นูนขึ้นมาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวกลิ้งไปมา

หากลองเดาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าดู นี่น่าจะเป็นสิ่งสีทองที่มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดงาที่น่าจาอี๋นั่วกรอกใส่ปากของหญิงสาวผู้นั้น หลังจากเข้าสู่ร่างกายของหญิงสาวแล้ว มันก็ทำการดูดซับสารอาหารและค่อยๆเติบโตอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้นะหรือคือหนอนไหมพิษที่น่าเยี่ยไป๋เคยกล่าวถึง ท้ายที่สุดมันจะทะลุออกมาและทะลวงร่างของหญิงสาวคนนี้จนพรุนเป็นรู!

เพื่อจัดการกับแมลงเหล่านี้ เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้ว่าควรจะใช้ยาอะไรรักษา เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทันที โดยการเจาะเลือดของหญิงสาวคนนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว และใช้ระบบตรวจจับพิษในร่างกายเพื่อที่จะสั่งยาที่เหมาะสมให้

ในขณะเดียวกันเธอก็หันหลังไปหยิบยาหลายตัวออกมาจากกล่องยา และใช้ล้อเจียรค่อยๆ กรีดมันออกแป๊ะจากนั้นก็แกะฝาที่ปิดด้านบนออก และจัดเรียงวางเป็นแถวใต้เท้าของนาง การเคลื่อนไหวทั้งหมดไหลลื่นเหมือนกับน้ำไหล ทั้งชำนาญและเด็ดเดี่ยวอย่างมาก

ภายใต้การจ้องมองของอี๋นั่ว เธอหยิบเข็มเงินออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและแทงเขาจุดฝังเข็มต่าง ๆ ของผู้ป่วย

เมื่อฝังเข็มลงไปที่จุดผนึกชีพจรแล้ว หนอนกู่ก็จะถูกคุมขังอยู่ทุกจุดเหมือนกับถูกจองจับอยู่ในคุกก็ไม่ปาน

จากนั้นเธอก็ถือมีดผ่าตัดขึ้นมาและผ่าลงบนผิวหนังของผู้ป่วยเบา ๆ และหยิบเข็มเงินออกมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็มีหนอนไหมทองพิษโผล่ออกมาจึงทำการเขี่ยออกมาจากบาดแผลและโยนลงไปในขวดยาต่าง ๆ ทันที

น่าจาอี๋นั่วที่กอดอกดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของนางก็หัวเราะเบาๆ “แม้ว่าวิธีของท่านใช้จะได้ผลอย่างมาก แต่ถ้าหากอยากกำจัดหนอนไหมทองพิษของข้าให้หมดในเวลาหนึ่งก้านธูปนั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก”

เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้พูดอะไรมาก แค่หยุดการเคลื่อนไหวในมือลง จดจ่ออยู่กับการเขย่าขวดยาและเลือดตัวอย่างเอามาตรวจสอบอย่างใจจดใจจ่อ

ทำเอาน่าจาอี๋นั่วรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาน้ำพวกนั้น ทั้งหมดใสราวอย่างกับน้ำทั้งหมด ไม่รู้ว่าพวกมันทำประโยชน์อะไรได้บ้าง?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา