ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 555

หนอนพิษกู่ที่ถูกแช่อยู่ในยาน้ำมีการเปลี่ยนแปลงไป มีบางตัวยังคงดิ้นไปดิ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา มีบางตัวขดเป็นก้อนกลมขดลงตัวเหลือเท่าเมล็ดงา เห็นได้ชัดว่ายาชนิดนี้ใช้ได้ผลกับหนอนไหมพิษจริงๆ

เหลิ่งชิงฮวนรีบใช้เข็มฉีดยาดูดของเหลวขึ้นแล้วฉีดเข้าไปในร่างกายของมนุษย์กู่ จากนั้นก็ใช้ผลของการตรวจเหลือดที่ทดสอบพิษออกมาได้ทำสูตรล้างพิษต่าง ๆออกมา และใส่ลงไปในตัวยาที่เพิ่งเตรียมขึ้นมาอย่างเร่งด่วน โดยใช้สำลีก้อนจุ่มลงไปในยาน้ำแต่ละชนิดและรีบทาบนแผลที่เพิ่งกรีดออกอย่างรวดเร็ว

ซึ่งแต่ละครั้งที่ทาลงบาดแผลก็มีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันไป

น่าจาอี๋นั่วก็ตระหนักได้ในทันทีว่า “ที่แท้การรักษาด้วยเข็มด้วยมีดของท่านใช้ประโยชน์อย่างนี้นี้เอง ท่านใช้วิธีการปิดผนึกด้วยจุดด้วยการฝังเข็มตามจุดชีพจรต่าง ๆ และใช้ยาที่แตกต่างกันไป ก็จะสามารถตรวจหายาแก้พิษที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการล้างพิษในเวลาอันสั้นที่สุดได้ และก็ใช้ประโยชน์จากตัวพิษกู่ที่เอาออกมา โดยนำมาค้นหาวิธีกำจัดตัวพิษกู่ให้ได้ผลในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าทำสองสิ่งในเวลาพร้อม ๆ กัน พระชายาฉีช่างเก่งสมคำร่ำลือจริง ๆ”

เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองไปที่ธูปเล็กน้อย ยังดีที่ใช้เวลาไม่มากนัก ก่อนอื่นต้องทำการจัดการหนอนไหมทองพิษกับพิษกู่ที่อยู่ในร่างกายของนางก่อน ก็จะสามารถมีสมาธิกับการจัดการไส้เดือนฝอยตัวสุดท้ายได้

ตอนนี้เธอกำลังแข่งขันกับเวลาเพื่อช่วยชีวิตคนที่กำลังถูกพิษกู่ จึงไม่อยากสนใจและออกความคิดเห็นอะไรกับสิ่งที่น่าจาอี๋นั่วพูด เพราะว่าหากพิษที่มนุษย์กู่ได้รับไม่สามารถบรรเทาอาการได้อย่างทันท่วงที ร่างกายของคนผู้นี้จะบวมต่อไปเรื่อย ๆ และในที่สุดผิวหนังก็จะไม่สามารถทนต่อแรงดันได้อีก ทั้งหมดก็จะปริออกมาตามบาดแผล และทำให้เจ็บปวดและเกิดการผลเสียอย่างมากกับร่างของมนุษย์กู่

ในขณะที่เธอกำลังทดสอบยาอยู่นั้น ก็ได้เปิดฟังก์ชันการสแกนตรวจร่างกายของวงแหวนนาโนซึ่งสามารถมองเห็นได้ราง ๆ ว่าในกระเพาะอาหารของผู้ป่วย มีแมลงที่เหมือนเส้นเลือดฝอยยังไงยังงั้นกําลังดิ้นอยู่

สามารถสรุปได้ว่านี่คงเป็นหนอนไส้เดือนที่น่าจาอี๋นั่วเพิ่งจะนำใส่เข้าไป หลังจากเข้าสู่ร่างกายแล้วมันก็เริ่มกินสารอาหารที่อยู่ข้างในร่างกายมนุษย์กู่และเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ถ้าหากใส่ไปจำนวนมากกว่านี้ ร่างกายของผู้ป่วยคงถูกดูดกินสารอาหารเข้าไปทีละนิดจนไม่เหลือ แมลงพวกนี้มันจะกัดกินอวัยวะภายในของผู้ป่วยหรือเปล่านะ?

และยิ่งกว่านั้นหนอนพิษกู่ก็เข้าไปทางกระแสเลือดในร่างกาย แต่ทำไมมันถึงไปเกาะแน่นอยู่ในกระเพาะอาหารได้ล่ะ? เป็นอย่างที่คาดไว้จริง ๆ ด้วยหนอนกู่พวกนี้ช่างลึกลับและซับซ้อนอย่างมาก

ดังนั้นจึงบอกได้ว่าที่น่าจาอี๋นั่วให้เวลาเธอแค่เพียงหนึ่งก้านธูปเดียว มันคงไม่ทันการเสียแล้ว แม้แต่เทพเซียนต้าหลัวก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตคนที่มีอวัยวะภายในทั้งหมดว่างเปล่าไม่เหลือได้หรอก

เธอยังไม่ทันได้คิดเลยว่าจะหาวิธีอะไรมากำจัดหนอนพิษกู่ที่มีลักษณะเป็นเส้นบาง ๆ เหล่านี้ได้ แต่จากการที่สังเกตยาที่ใช้ทาที่บาดแผล จะเห็นได้ว่ามีแผลจุดหนึ่งที่อาการบวมค่อย ๆ บรรเทาลง นี่ต้องเป็นเพราะฤทธิ์ของยา จึงลงมือผสมยาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลและป้อนยาให้มนุษย์กู่กลืนลงไป

ดวงตาของน่าจาอี๋นั่วเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยและริมฝีปากก็ยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน

เหลิ่งชิงฮวนจ้องมองปฏิกิริยาตอบสนองของมนุษย์กู่อย่างไม่วางตา เมื่อเห็นว่าหลังจากกินยาไปครู่หนึ่งแล้ว อาการบวมทั่วทั้งร่างกายก็ค่อย ๆ บรรเทาลดลงอย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนว่าสิ่งที่น่าเยี่ยไป๋พูดนั้นจะเป็นความจริง

เธอเพิ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอกได้เพียงชั่วครู่เดียว ก็เห็นมนุษย์กู่มีปฏิกิริยาผิดปกติขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายนางเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตก็ไม่ปาน ชักอยู่หลายครั้งจากนั้นริมฝีปากก็เปลี่ยนไปเป็นสีม่วงและอาเจียนฟองสีขาวออกมา ชักและเกร็งไปทั้งตัว

เธอตกใจในทันทีและก้าวเข้าไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการของนาง เมื่อเห็นมนุษย์กู่หยุดหายใจ หัวใจเต้นอ่อนแรงลงเรื่อยๆ และสัญญาณชีพจรก็ค่อยๆหายไปทีละนิดทีละนิด

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกงุนงงในทันที เห็นได้ชัดว่าพิษในร่างกายมนุษย์กู่ถูกถอนออกไปแล้ว ทำไมถึงมีอาการผิดปกติขึ้นมากะทันหัน? และทำให้อาการของนางแย่ลงไปกว่าเดิมได้ล่ะ?

เธอเงยหน้าขึ้นมามองน่าจาอี๋นั่วอย่างลุกลี้ลุกลน

น่าจาอี๋นั่วมองนางพร้อมกับหัวเราะใส่ “ง่ายมากเลย ข้ารู้จักพี่ชายของข้าดี รู้ดีว่าเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองให้ได้ คิดจะเล่นตัดไฟตั้งแต่ต้นลมกับข้า จึงเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับข้าอย่างหมดเปลือกให้กับท่านฟัง

ดังนั้นยาพิษที่ข้าป้อนให้นางเมื่อครู่นี้จึงไม่ใช่ยาพิษธรรมดา หากท่านใช้เลือดเม่นมาเป็นตัวยาในการล้างพิษ มันจะสร้างพิษใหม่ที่ร้ายแรงกว่าพิษเดิมในร่างกายของนาง และแกนพลังชีวิตกู่ที่อยู่ในร่างกายก็จะเสพพิษเข้าไป และได้รับการกระตุ้นการเจริญพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง และหนอนพิษกู่เหล่านี้จะกัดเซาะสารอาหารในร่างกายของมนุษย์กู่ในอัตราที่น่าตกใจ และนางก็จะเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็วเหมือนดอกไม้ดอกหนึ่ง

ดังนั้นการแข่งขันระหว่างของพวกเราก็จะจบลง ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่า หากข้านับหนึ่งถึงห้าเมื่อไรนางก็จะตายในทันที”

รู้มานานอยู่แล้วว่าน่าจาอี๋นั่วเป็นคนเจ้าเล่ห์และรับมือได้ยาก แต่นึกไม่ถึงว่านางจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย

ยังเหลือธูปอีกครึ่งก้าน แต่มนุษย์กู่ผู้นี้ไม่สามารถทนได้จนถึงตอนที่ธูปหมดเป็นแน่ การแข่งขันจะจบลงจริงๆนะหรือ?

เหลิ่งชิงฮวนร้อนรนใจเหมือนไฟกำลังลุกอยู่พักหนึ่ง แม้ว่ามู่หรงฉีจะเคยพูดเอาไว้ว่า วางใจได้มีเขาอยู่ทั้งคน แม้ว่าจะแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าตนเป็นคนชอบเอาชนะจึงไม่อนุญาตให้ตัวเองแพ้ได้

เธอทำการตรวจสอบกรุ๊ปเลือดของมนุษย์กู่ผู้นี้ด้วยความไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็นำถุงพลาสมาที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันออกมาจากวงแหวนนาโน และทำการถ่ายเลือดให้มนุษย์กู่ โดยหวังว่าจะชะลอความเร็วของหนอนพิษกู่ที่กัดกินอวัยวะภายในของมนุษย์กู่ได้

ในช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา เธอพยายามอย่างต่อเนื่องในการค้นหาประโยชน์ของแหวนนาโนให้ลึกเข้าไปอีก และได้ค้นพบแหล่งเก็บพลาสมา จึงทำการเก็บพลาสมาของกรุ๊ปเลือดต่าง ๆ เตรียมเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้นำมาใช้จริงๆ

หลังจากถ่ายเลือดเสร็จ เธอยังต้องทำเวลาด้วยการช่วยชีวิตปั๊มหัวใจและผายปอดเพื่อทำให้ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพขึ้นมาโดยเร็วที่สุด ต้องทำแบบนี้เธอถึงจะพอมีเวลาให้ตัวเองทำการช่วยชีวิตผู้ป่วยได้

แต่น่าเสียดายเพราะต้องอยู่ภายใต้การจับตามองอย่างใกล้ชิดจากน่าจาอี๋นั่ว ตัวเองจึงไม่สามารถนำอุปกรณ์ช่วยชีวิตในแหวนนาโนออกมาได้

เวลาผ่านไปทีละนิดทีละนิด

น่าจาอี๋นั่วยังคงผ่อนคลายและมั่นใจในตัวเองอย่างมาก ราวกับว่านางกำลังเฝ้าดูการต่อสู้ที่ไร้ความหมายของเหลิ่งชิงฮวนอยู่สุดท้ายแล้วก็ต้องออกแรงอย่างเสียเปล่าไม่ได้อะไรขึ้นมา

“วิธีการช่วยชีวิตของท่านพิเศษไม่เหมือนใคร ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ท่านสามารถช่วยชีวิตคนให้พ้นจากความตายมาได้ ต้องยอมรับจริงๆว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านทำให้ข้าต้องมองท่านใหม่เสียแล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ ทั่วทั้งร่างกายมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มไปหมด ถึงขนาดที่ถูกลมเย็นๆพัดใส่ ก็ทำให้เสียวสันหลังเย็นวาบขึ้นมา

มนุษย์กู่ได้กลับมามีสัญญาณชีพจร และหัวใจเริ่มที่จะเต้นขึ้นมาอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นมาเพื่อตรวจสอบม่านตาของอีกฝ่าย แต่พอยกมือขึ้นมา ถึงกลับต้องตกตะลึงในทันที และกะพริบตาปริบๆอย่างไม่เชื่อสายตา

น่าจาอี๋นั่วจ้องมองสีหน้าที่แสดงออกของนางอย่างไม่ละสายตาพรืด นางหลุดหัวเราะออกมา “ประหลาดใจใช่หรือไม่? ดูจากสีหน้าที่ประหลาดใจของท่านก็รู้แล้ว ของขวัญที่ข้านำมาให้ท่าน น่าจะทำให้ท่านต้องตกตะลึงแน่ ๆ”

เหลิ่งชิงฮวนตะลึงมากจริง ๆ นั่นแหละ เหมือนกับว่ากำลังตกใจสุดขีดจนแข็งทื่อไปเลย

เพราะว่าคนที่เธอกำลังช่วยชีวิตอยู่นั้นใบหน้าของนางที่เคยบวมน้ำค่อย ๆ หายไปก็กลับคืนเค้าโครงหน้าเดิม

แม้ว่าจะห่างหายกันไปห้าปี แต่ว่าใบหน้าแบบนี้เธออยากลืมก็ลืมไม่ลง

เธอหยุดการเคลื่อนไหวในมือลงและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ทำไมถึงเป็นนางได้?”

น่าจาอี๋นั่วเพียงแค่นั่งขัดสมาธิลงตรงข้ามนาง และมองไปที่คนที่อยู่บนเปลที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท และริมฝีปากยังคงม่วงค้ำอยู่ แต่ก็พอดูออกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นรูปงาม มีรูปหน้าและคิ้วที่งดงาม มีผิวขาวเนียนไร้ที่ติ ให้ความรู้สึกเหมือนดอกบัวขาว

“เดิมทีนางเป็นท่านหญิงผู้สูงส่งท่านหนึ่ง ครั้งแรกที่ได้พบนางที่จวนท่านอ๋องฉี นางดูสง่างามเกินเอื้อม ใครจะไปรู้ว่านางจะมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้”

มือของเหลิ่งชิงฮวนกำหมัดแน่น ผ่านมาห้าปีแล้วเคยได้ยินมาว่าในตอนนั้นมู่หรงฉีได้ส่งคนออกไปตามหาตัวนางทุกหนทุกเห็น แต่หายังไงก็หานางไม่เจอ คิดไม่ถึงว่านางจะตกมาอยู่ในเงื้อมมือของน่าจาอี๋นั่ว

จิ่นอวี๋ผู้เป็นตัวการร้ายที่เกือบจะฆ่าลูกในครรภ์ของตน ทำให้ตัวเองกับมู่หรงฉีต้องแยกทางกันไปเป็นเวลากว่าห้าปี!

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาพบเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้!

นี่ช่างเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากถึงมากที่สุดจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา