ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 556

มิน่าล่ะจิ่นอวี๋ถึงได้ปรากฏตัวเป็นมนุษย์กู่ที่ตัวเปลือยที่แท้ยังมีเจตนานี้ด้วย

นางคำนวณมาอย่างดีแล้วและรู้ว่าตัวเองจะต้องหลีกเลี่ยงสายตาของทุกคนเพื่อทำการรักษา

“ในปีนั้นเป็นท่านนั้นเองที่ช่วยเหลือนางไว้?”

“ไม่ใช่”

น่าจาอี๋นั่วส่ายหัว “ตอนที่ฉีจิ่งอวิ๋นถูกจับข้าก็ออกจากเมืองฉางอันไปแล้ว แต่ว่ายังมีคนของพวกข้าที่ยังอยู่ที่นี่อยู่ อย่างที่ท่านรู้หลังจากจิ่นอวี๋หนีออกมาจากจวนอ๋องฉีมาได้ ก็ตกจากหลังม้าและหนีเข้าไปในซ่องแห่งหนึ่งจึงโชคดีหลบหนีการตามล่าของรองแม่ทัพอวี๋ได้

แม่เล้าไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนาง จึงทำทุกวิถีทางบังคับให้นางออกไปรับแขก บังเอิญมาเจอเข้ากับคนของพวกเราพอดี

แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่รู้หรอกว่านางเป็นใคร แต่พวกเขารู้ดีว่าพี่ชายของข้าชอบคนงามเห็นว่านางหน้าตาตี จึงซื้อตัวนางมาให้พี่ชายของข้าเพื่อรับใช้ข้างกายเขาอย่างใกล้ชิด”

รับใช้อย่างใกล้ชิด? เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงหญิงสาวที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายน่าเยี่ยไป๋เหล่านั้น ช่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเสียจริง ๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันคอขึ้นมาอีกครั้งและกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

เหมือนว่าน่าจาอี๋นั่วจะรู้ว่านางกำลังความคิดอะไรอยู่จึงยิ้มอย่างชอบใจ และก็เอ่ยเสียงให้เบาลง “ตอนที่ท่านกับท่านพี่ของข้าออกมาจากฉางอันและกลับไปที่หนานจ้าวด้วยกัน เชื่อว่าท่านคงรู้และเข้าใจดีเกี่ยวกับพฤติกรรมการดำรงชีวิตของเขาอยู่ไม่น้อย เขาสามารถดึงประโยชน์จากผู้หญิงมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เรียกใช้สาวงามที่บอกบางเหล่านั้นอย่างน่าสังเวชจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าจิ่นอวี๋ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก

ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นนางก็คือในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งของท่านพี่ข้า ท่านพี่เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงโดยเชิญขุนนางที่มีตำแหน่งสูง ๆ หลายท่านในหนานจ้าวมาร่วมงาน หน้าที่ของจิ่นอวี๋ก็คือ ทำตัวเองให้สะอาดสะอ้าน จากนั้นก็นอนลงบนโต๊ะไม้ทองด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ปล่อยให้พ่อครัวในวังวางอาหารเย็น ๆ ต่าง ๆ นานาวางไว้บนร่างกายของนาง

ท่านพี่ได้ตั้งชื่อของเล่นรสนิยมต่ำนี้ให้ดูสวยหรูว่า จานหยกขาวที่มีชีวิตชีวาและมีกลิ่นหอมยั่วยวนใจเพื่อใช้เลี้ยงรับรองแขกของเขา

กลุ่มผู้ชายพวกนี้ถือตะเกียบงาช้างเอาไว้ในมือและแสดงกิริยาท่าทางที่น่ารังเกียจที่สุดต่อหน้านาง และหยอกล้อนางด้วยคำพูดลามกอนาจารต่าง ๆ ทำให้นางต้องอับอายขายหน้า จนต้องเบิกตาคู่งามขึ้นและจ้องเขม็งไปข้างหน้าด้วยความว่างเปล่า สีหน้าของนางไร้อารมณ์และเต็มไปด้วยความเฉยชา

เดิมทีข้าไม่ทันได้สังเกตเห็นนาง หรือจะพูดให้ถูกก็คือรู้สึกเหยียด ๆ กับผู้หญิงโสเภณีเหล่านี้จนไม่อยากมอง แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันนั้น มีคนหนึ่งตาดีบอกกับท่านพี่ผู้เป็นรัชทายาทของข้าว่า จานหยกขาวชิ้นนี้สวยไม่พอ มีตำหนิ เพราะว่านางดูเหมือนจะไม่บริสุทธิ์ ถูกทำให้มีมลทินแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่เสด็จพี่ข้ายอมรับไม่ได้มากที่สุด เขาไม่เชื่อจึงสั่งคนไปตรวจสอบที่ตรงนั้นทันทีและหลังจากยืนยันคำพูดของชายคนนั้นได้แล้ว ท่านพี่ก็โกรธเกรี้ยวใหญ่โตและสั่งให้คนลากนางไปที่แท่นตีและนำไปเฆี่ยนตีให้ตายทั้งเป็น

ตอนที่นางกำลังเดินผ่านข้าไป นางก็ร้องอ้อนวอนและกอดขาข้าเอาไว้ ในตอนนั้นข้าถึงได้เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน ภาพที่เห็นทับซ้อนกับภาพท่านหญิงจิ่นอวี๋ที่ข้าเคยเห็นในจวนอ๋องฉี ทำเอาข้าตกใจอย่างมาก

ข้าจึงโบกมือให้องครักษ์ถอยออกไป และช่วยนางจากเงื้อมมือของท่านพี่มา ให้นางคอยอยู่เคียงข้างข้า มาเป็นมนุษย์กู่ของข้า เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมา มนุษย์กู่ที่ข้ามีอยู่เสียชีวิตไปมากมายเพราะว่าทนการทรมานต่อไปไม่ไหวเหลือแค่นางเอาไว้ เพราะว่าข้ารู้สึกว่าสักวันหนึ่งหากข้าต้องเผชิญหน้ากับท่านขึ้นมา นางอาจจะมีประโยชน์ก็ได้”

เหลิ่งชิงฮวนย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเองยังอยู่ในการแข่งกันกับน่าจาอี๋นั่ว ตัวเองจะต้องมีสมาธิ จะต้องไม่ถูกควบคุมโดยน่าจาอี๋นั่วผู้นั้น แต่ว่าตัวนางเองก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในสมองมีแต่ความยุ่งเหยิง อดไม่ได้ที่จะฟังสิ่งที่น่าจาอี๋นั่วเล่าเกี่ยวกับเคราะห์กรรมที่น่าเศร้าของจิ่นอวี๋ที่เจอมาตลอดช่วงเวลาห้าปีที่ผ่านมา

ต้องบอกเลยว่าสิ่งที่จิ่นอวี๋ภาคภูมิใจที่สุดก็คือชาติกำเนิดของตัวนาง นางคิดเสมอว่าตัวเองสูงส่งเป็นเหมือนกับนกยูงตัวหนึ่ง

แต่ว่าวิธีการของน่าเยี่ยไป๋ผู้นั้นทำไมถึงได้เลวร้ายเยี่ยงนั้น? เลวยิ่งกว่าแม่เล้าเสียอีก!

ดังนั้นสุดท้ายแล้วศักดิ์ศรีของนางจึงถูกเหยียบย้ำจนเละไม่มีเหลือ ต้องยอมก้มศีรษะที่สูงส่งลง ถึงขนาดยอมถอดเสื้อผ้าออกจนหมด และถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาจากผู้ชายทั้งหลายอย่างน่าอับอาย ทุกคำพูดล้วนหยาบคายและลามกอนาจาร เชื่อได้เลยว่า นางคงตายด้านและด้านช้าจนกลายเป็นเหมือนศพที่เดินได้ยังไงยังงั้น

และในวันนี้ยังกลายมาเป็นเครื่องมือของน่าจาอี๋นั่วเพื่อใช้จัดการตัวเองเสียอีก

หากไม่รวมการกระทำที่ชั่วร้ายของนางที่มีต่อตัวเองในอดีต เคราะห์กรรมทั้งหลายที่นางเจอมาก็น่าเห็นใจอย่างมากจริง ๆ

น่าจาอี๋นั่วเลิกคิ้วขึ้นอย่างชอบใจ “ได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน นางได้ใช้วิชาคุมวิญญาณทำให้ท่านอ๋องฉีลุ่มหลง โดยตั้งใจจะใช้มือของเขาสังหารลูกในท้องของท่าน จนกระทั่งทำให้พวกท่านสองสามีภรรยาเกิดความบาดหมางระหว่างกัน จนต้องแยกทางกันไปเป็นเวลาห้าปี และเกือบที่จะพลัดพรากจากกันไปตลอดชีวิตนี้แล้ว

และก็ไม่รู้ว่านางแอบทำร้ายท่านมาแล้วกี่ครั้ง ครั้งนั้นถ้าหากว่าข้าไม่ไปปรากฏตัวที่บ้านพักบนภูเขาได้ทันเวลา ท่านก็คงยากที่จะหลุดพ้นจากการถูกล้อมโจมตีจากเหล่าแมลงพิษของแม่หมอร่างทรงวิญญาณได้อย่างปลอดภัย

ท่านว่าผู้หญิงแบบนี้จะช่วยนางไปเพื่ออะไร? นางเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ โทษท่านที่ทำให้นางไม่ได้ความรักที่ควรจะได้ และต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชอย่างในวันนี้เพราะท่าน วันใดที่นางได้พบท่านอีกครั้งก็คือวันที่นางจะบดขยี้ท่านให้เป็นเถ้าถ่าน

ท่านอย่าได้ดูถูกนางเชียวและคิดว่านางตาบอดแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ ท่านต้องรู้ว่านางคือมนุษย์กู่ของข้า ในร่างกายมีพิษกู่หลากหลายชนิดอยู่ข้างในตลอดเวลา ดังนั้นถ้าหากอยากจะฆ่าคนขึ้นมาไม่ใช่เรื่องยาก นางเป็นเหมือนงูเห่าที่ชาวนาเก็บมาเลี้ยง ต่อให้ท่านช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางก็จะแว้งมากัดท่านอย่างบ้าคลั่งอยู่ดี”

คำพูดของน่าจาอี๋นั่ว ทุกประโยคล้วนสะเทือนหัวใจเหลิ่งชิงฮวนอย่างมาก

นางรู้สึกสับสนอย่างมาก

ช่วยหรือว่าไม่ช่วยดี?

จากก้นบึ้งของหัวใจ นางปรารถนาให้จิ่นอวี๋ตายอย่างเจ็บปวดไปเสียอย่างงี้ ถึงอย่างไรฆาตกรก็ไม่ใช่ตัวเอง ไม่ต้องมีความรู้สึกผิดอะไร

อย่างมากก็แค่แพ้คนคนหนึ่ง แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ประเด็นหลักคือเรื่องศักดิ์ศรีต่างหากที่สำคัญ

นางมีความลังเลขึ้นมาแล้วและไม่สามารถตัดสินใจได้เสียที

“ข้ารู้ว่าท่านกำลังลังเล เพราะทั้งข้าทั้งจิ่นอวี๋ต่างก็เป็นคู่ต่อสู้ของท่าน ท่านจะเลือกอะไรดีละ บางทีในใจของท่าน จิ่นอวี๋ในตอนนี้ก็เป็นเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ไม่เป็นภัยคุกคามอะไรกับท่าน แต่ท่านก็ควรรู้เอาไว้ว่าระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน ถึงขั้นต้องทำให้ตายกันไปข้างแบบนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น จุดประสงค์ที่ข้าทำอย่างนี้ เหลิ่งชิงฮวนข้ารู้ว่าท่านเข้าใจดีว่าข้าไม่สนใจท่านอ๋องฉี ข้าแค่อยากหาวิธีกลับไปแผ่นดินเกิดของข้าเท่านั้น ถ้ายังไงพวกเราสองคนมาร่วมมือกันเถอะ ต่างคนต่างได้สิ่งที่ต้องการไปเป็นอย่างไร?

ท่านไม่ชอบเสด็จพี่ของข้า ท่านแค้นจิ่นอวี๋ ทำไมจึงไม่ทำตามที่ใจต้องการล่ะ? ท่านแค่ทำตามหัวใจของท่าน ล้มเลิกการช่วยเหลือจิ่นอวี๋ และความผิดฐานฆ่าคนก็เป็นของข้าเอง รอช่วงที่ท่านต้องรักษาท่านพี่ของข้า ท่านกับข้าควรร่วมมือกันจัดการทั้งภายในและภายนอกไปพร้อมๆกัน ข้าจะส่งคนไปลอบสังหาร และสร้างข้อแก้ตัวอันสมเหตุสมผลจนท่านไม่สามารถช่วยรักษาได้ และสิ่งนี้ก็จะไม่ทำให้ชื่อเสียงด้านทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของท่านต้องเสียหาย และยิ่งไปกว่านั้นไม่ทำให้ฮ่องเต้มาลงโทษท่านได้

ด้วยวิธีนี้ข้าก็จะสามารถกลับไปที่หนานจ้าวได้ และไม่สร้างความลำบากใจและรบกวนท่านกับท่านอ๋องฉีอีก ยิ่งไปกว่านั้นขอเพียงข้าได้กลับไปที่หนานจ้าวข้าจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้ขุนนางของหนานจ้าวยอมจำนนต่อท่านและท่านอ๋องฉี คอยเป็นกำลังเสริมช่วยพวกท่าน เป็นอย่างไรบ้าง?”

น่าจาอี๋นั่วกำลังเจรจาเงื่อนไขกับนาง อีกทั้งยังไม่ลังเลที่จะเปิดเผยความทะเยอทะยานของตัวเองออกมา และยื่นมิตรภาพมาให้ซึ่งเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจอย่างมาก

ทั้งน่าเยี่ยไป๋ทั้งจิ่นอวี๋ล้วนเป็นคนที่นางไม่อยากช่วยทั้งสิ้น ล้วนแต่เป็นคนที่นางเกลียดอย่างสุดขีดทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้นหากช่วยเหลือให้ทั้งสองคนรอด ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับตัวเองสักนิด

ต้องบอกเลยว่าน่าจาอี๋นั่วนั้นเก่งด้านการวางแผนโจมตีทางจิตในอย่างมาก

นางได้เตรียมพร้อมมานานแล้ว จิ่นอวี๋ต่างหากที่เป็นท่าไม้ตายสำคัญของนาง

เหลิ่งชิงฮวนหันหน้าไปมองธูปที่กำลังจุดอยู่ เหลือไม่ถึงหนึ่งในสามแล้ว

นางค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ พยายามทำให้สมองของตัวเองมีสติเข้าไว้ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผลที่สุด

เงียบสงบมาก

แม้แต่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวก็ยังไม่มี บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา