ในสนามฝึกซ้อม เหลิ่งชิงฮวนถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มทหารเหมือนกับดวงจันทร์ที่ถูกล้อมรอบด้วยดวงดาวก็ไม่ปาน นางกำลังสอนศิลปะการต่อสู้สมัยใหม่ให้พวกเขาอย่างจริงจัง ด้วยท่าทางที่เข้มงวดและน่าเกรงขาม
การต่อสู้ในสนามรบ หนึ่งกระบวนท่าสามารถตัดสินชีวิตความเป็นความตายได้ ดังนั้นจำเป็นต้องทิ้งกำปั้นและขาที่ไร้ประโยชน์ ต้องใช้ประโยชน์จากอาวุธทั้งหมดที่สามารถโจมตีศัตรูได้ ไม่เพียงแต่จะใช้มีดใช้หอกที่อยู่ในมือเพียงเท่านั้น รวมไปถึงส่วนข้อศอก กำปั้น และเขาของพวกเรา ต้องทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้ออกแรงอย่างเต็มที่ในชั่วพริบตา โจมตีเพียงครั้งหนึ่ง จะต้องทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถมีโอกาสตอบโต้กลับมาได้
นางตั้งใจแสดงท่าทางการหลบดาบด้วยมือเปล่าอย่างจริงจัง สอนทหารโดยใช้หลักการที่ว่าสี่ตำลึงปาดพันชั่งคือจะทำยังไงถึงจะชนะโดยการออกแรงเพียงน้อยนิด และทำยังไงถึงจะโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ โดยการทำให้อีกฝ่ายคิดว่าสู้ไม่ได้เลยไม่ทันตั้งตัว
มีชายฉกรรจ์ในค่ายทหารคนหนึ่งออกมาแสดงการต่อสู้กับนาง แต่พวกเขาไม่ได้ออมมือให้เพราะเห็นนางเป็นพระชายาของฉีอ๋องแต่อย่างใด นางยกขาขึ้นมาแล้วแตะอย่างทะมัดทะแมง ดุร้ายเหมือนเสือตัวเล็กๆ ลืมความจริงที่ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ไปแล้วหรือเปล่า? หรือว่านางต้องการวางแผนแย่งชิงตำแหน่ง เข้ามาแทนที่ตัวเองอย่างนั้นหรือ?
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักอยู่อย่างสงบเสงี่ยม หาแต่เรื่องให้หนักใจจริงๆ
มู่หรงฉีกระแอมไอด้วยความโกรธ เหล่าทหารก็รีบแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว เหลิ่งชิงฮวนก็หยุดการเคลื่อนไหวที่กำลังทำอยู่
“ข้าไม่รู้จริงๆ เลยว่า พระชายาของข้าไม่เพียงแต่จะรักษาโรคและช่วยชีวิตคนได้แล้ว แต่ยังฆ่าคนเป็นด้วยงั้นหรือ?” คำพูดที่เอ่ยออกมาก็แอบแฝงไปด้วยการจิกกัดหาเรื่อง
เหลิ่งชิงฮวนเช็ดเหงื่อบนใบหน้า “หม่อมฉันเพียงแลกเปลี่ยนความรู้จากพวกเขาเท่านั้น แค่แลกเปลี่ยนทักษะการปกป้องตัวเองเท่านั้น เพราะการอยู่ในจวนฉีอ๋อง หากไม่มีทักษะการต่อสู้ คงไม่มีชีวิตรอดมาได้อยู่ถึงตอนนี้”
ทั้งสองคนพูดโต้ตอบกลับไปมา ทหารต่างพากันมองหน้ากัน เหมือนจะได้ยินถึงเสียงสัญญาณของพายุที่จะปะทุขึ้น จึงหดคอลงทันทีต่างคนต่างรีบแยกย้ายผลักกันและกันเพื่อจะออกไป
“สิ่งที่ข้าเห็นคือ เจ้ากำลังสอนพวกเขาในทางที่ผิด ในฐานะที่เป็นนักรบภายใต้กองกำลังฉีอ๋องของข้า พวกเขาจะต้องฝึกฝนอย่างหนัก ต้องรู้วิธีสู้เมื่อเผชิญกับดัก รู้วิธีบุกไปข้างหน้า พวกเขามีอาวุธแหลมคมอยู่ในมือ สามารถแทงทะลวงเข้าไปที่หน้าอกของศัตรูได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ทำตัวเหมือนพวกอ่อนปวกเปียก ปกป้องตัวเองมือเปล่า”
เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเยาะเย้ย “ท่านฉีอ๋องจะหยิ่งผยองเกินไปหรือเปล่า วรยุทธ์ของท่านนั้นไม่สามารถทำลายลงได้ก็จริงๆ แต่ว่าท่านไม่สามารถใช้มาตรฐานของท่านมาตัดสินผู้อื่น ท่านเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า พวกเขาจะมีอาวุธอยู่ในมือตลอดเวลาและสามารถชนะตลอดไม่มีทางพ่ายแเพ้”
“ในขณะที่ท่านกำลังสอนพวกเขาให้โจมตี ก็จำเป็นต้องสอนให้พวกเขารู้จักวิธีป้องกันตัว ท่านคงไม่อยากเห็นโศกนาฏกรรมอย่างที่รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเคยเจอเกิดขึ้นกับทหารคนอื่นๆ หรอกจริงไหมเพคะ”
“แค่อาศัยทักษะวรยุทธ์ไม่ได้เรื่องเมื่อสักครู่นี้นะหรือ?”
“เทคนิคการต่อสู้แม้จะดูเรียบง่าย แต่การต่อสู้สมัยใหม่เป็นการหลอมรวมแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ ไม่จำเป็นต้องฝึกในฤดูหนาวที่หนาวจัด และไม่ต้องไปฝึกในฤดูร้อนที่ร้อนที่สุด ไม่ต้องใช้เวลาหลายปีในการเสริมสร้างทักษะพื้นฐาน มันสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วและดึงศักยภาพสูงสุดในร่างกายมนุษย์ที่แฝงเอาไว้ออกมา ผลลัพธ์ของการโจมตีออกมาเป็นสองเท่า”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลของเหลิ่งชิงฮวน มู่หรงฉีจ้องเขม็งไปที่นาง และหัวเราะเหอะๆ เล็กน้อย “เหตุใดเก๋อเซี่ยไม่โผบินไปตามสายลม พุ่งทะยานไปไกลเก้าหมื่นลี้กันเล่า?”
เหลิ่งชิงฮวนตะลึงไปชั่วครู่ ไม่เข้าใจว่ากำลังการโต้เถียงเรื่องศิลปะการต่อสู้กันอยู่ดีๆ เหตุใดเขาจึงเปลี่ยนมาพูดถึงบทกวีขึ้นมาเสียล่ะ?
นางจ้องไปที่ดวงตาที่ผนึกไปด้วยความไร้เดียงสาคู่นั้น แล้วถามด้วยความงุนงง “หมายความว่าอะไร?”
มู่หรงฉีค่อยๆ ชะโงกตัวลงไป พร้อมกับยิ้มอย่างเย้ยหยันที่มุมปาก และค่อยๆ เอ่ยทีละคำออกมาจากริมฝีปาก “เจ้ามีความสามารถขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยเล่า?”
แม่งเอ๊ย ก็แค่เปลี่ยนวิธีพูดเป็นการพูดอ้อมๆ เพื่อด่าคน!
เหลิ่งชิงฮวนกัดฟัน และหันหลังเดินจากไป
มู่หรงฉีได้ชัยชนะอย่างไม่เต็มใจนัก อารมณ์ดีสุดๆ หัวเราะในลำคอเบาๆ “รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดฟื้นแล้ว ดูเหมือนสภาพจิตใจจะไม่เลวเลยนะ”
เหลิ่งชิงฮวนหหมุนตัวกลับและตรงไปที่ห้องของรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อไปตรวจร่างกายเขาอย่างละเอียด หลังจากสอบถามอาการเรียบร้อยแล้ว ก็แขวนถุงน้ำเกลืออีกครั้ง และสั่งกำชับเรื่องที่ต้องพึงระวังในการรักษา
เมื่อตอนที่ออกมา ก็เจอมู่หรงฉียืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู เขาเอ่ยถามนาง “หิวหรือไม่?”
เขารู้จักเพียงแค่สามคำนี้เท่านั้นหรือยังไง
เหลิ่งชิงฮวนส่ายหัวปฏิเสธ “ตอนนี้หม่อมฉันจะกลับไปที่จวน”
มู่หรงฉีไม่ยินยอม “หากรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดเกิดเป็นอะไรกะทันหันขึ้นล่ะ?”
เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด “ตอนช่วงกลางวันข้าจะรีบกลับมา”
“มีธุระอะไรสามารถมอบหมายให้พวกทหารไปทำก็ได้”
“ไม่ได้ ต้องกลับไปจัดการด้วยตัวเอง” เหลิ่งชิงฮวนยังขอร้องด้วยความดื้อรั้น
มู่หรงฉีมองนางด้วยสายตาจริงจัง “ถ้าเช่นนั้นบอกเหตุผลให้ข้าฟังสักหนึ่งข้อ”
เหลิ่งชิงฮวนโกรธจนอยากจะด่าถึงบุพการีออกมา ยังจะมีเหตุผลอะไรได้อีก? นางอยากจะอาบน้ำ!
ในตอนเช้าตั้งใจตื่นมาแต่เช้า อยากไปล้างตัวที่ริมแม่น้ำที่ไปเมื่อคืน แต่เมื่อไปถึงก็มีทหารหลายนายที่ตื่นมาฝึกกันตั้งแต่เช้ามายึดครองใช้แม่น้ำเสียแล้ว มีทั้งมาล้างขา มีทั้งล้างหน้าล้างตา แล้วก็มีคนแอบหันหลังปัสสาวะในพงหญ้า ตอนนั้นนางจึงกลับไปด้วยใบหน้าที่แดงฉาน
โชคยังดีคนที่มู่หรงฉีส่งมาค่อยรับใช้นาง ได้ถืออ่างน้ำสะอาดๆ มาให้นางล้างหน้าล้างตา แต่ตอนนี้หลังจากได้ผ่านการฝึกต่อสู้มา ก็รู้สึกว่าร่างกายเหนียวเหนอะหนะไปหมดเลยทนต่อไปไม่ไหว
มีเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น สบาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...