ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 57

สรุปบท ตอนที่ 57 ธาตุไฟเข้าแทรก: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 57 ธาตุไฟเข้าแทรก จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 57 ธาตุไฟเข้าแทรก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เมื่อใดที่มู่หรงฉีเผชิญหน้ากับเหลิ่งชิงหลาง เขามักจะเต็มไปด้วยความอดทนและอารมณ์ดีอย่างเต็มเปี่ยม แตกต่างกับตอนที่อยู่ต่อหน้าเหลิ่งชิงฮวนอย่างสิ้นเชิง “ก็บอกไปหมดแล้ว ที่นางมาค่ายทหารก็ด้วยเรื่องสำคัญ แต่ไหนแต่ไรระหว่างพวกเราก็ไม่มีทางที่จะ…”

ยังไม่ทันกล่าวจนจบ ก็มีเสียงหวานหยาดเยิ้มดังขึ้นจากด้านหลัง “ท่านอ๋องเพคะ เห็นผ้าเช็ดหน้าของหม่อมฉันวางไว้ตรงไหนหรือไม่เพคะ เพิ่งเอามาเช็ดเหงื่อให้ท่าน ทำไมพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเสียแล้ว”

เขาหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ และเห็นผมเปียกๆ ที่ยาวแผ่สยายถึงเอวของเหลิ่งชิงฮวน นางอยู่ในเสื้อคลุมผืนหนาของเขา เอนกายพิงกรอบประตูอย่างเอื่อยเฉื่อย คอปกเสื้อเผยอออกเล็กน้อย ดวงตาสวยราวกับฤดูใบไม้ผลิ ผิวขาวอมชมพูจากการโดนบ่มจากไอร้อน คล้ายกับดอกเหมยสีแดงตกลงบนหิมะ สีแดงอมชมพู กระจ่างใสราวกับผลึก

สีหน้าของเหลิ่งชิงหลางเปลี่ยนไปในทันใด ใบหน้าซีดขาวและชี้นิ้วไปที่เหลิ่งชิงฮวน ริมฝีปากนั้นสั่น “เจ้า ทำไมเจ้าใส่เสื้อผ้าของท่านอ๋อง”

เหลิ่งชิงฮวนเย้ยหยันเบาๆ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร หากข้าไม่ใส่เสื้อของท่านอ๋อง แล้วจะให้ใส่เสื้อของผู้ใดเล่า”

มู่หรงฉีไม่ได้อธิบาย ใบหน้าของเหลิ่งชิงหลางก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้น “ที่นี่คือค่ายทหาร เหตุใดเจ้าถึงได้…”

เหลิ่งชิงฮวนเดินบิดเอวเข้ามาหาคนทั้งคู่ มือหนึ่งเลิกชายเสื้อบนพื้นขึ้น เผยให้เห็นรองเท้าและหลังเท้าที่ขาวราวกับหยก

เธอกะพริบตาถามอย่างสงสัย “ฟังจากน้ำเสียงของน้องแล้ว ทำไมดูเหมือนพี่ได้ทำเรื่องอะไรเลวร้ายมากๆ ลงไป ราวกับโดนจับฐานลักลอบมีชู้บนเตียงอย่างนั้นแหละ ท่านอ๋อง หรือว่าที่เมื่อคืนหม่อมฉันนอนในห้องของท่านมีอะไรผิดหรือเพคะ”

“ท่านปล่อยให้นางนอนห้องของท่านหรือเพคะ” เหลิ่งชิงหลางน้ำตาไหลพราก ราวกับถูกฟ้าผ่า

มู่หรงฉีอธิบาย “สภาพในค่ายทหารค่อนข้างลำบาก มีแค่กระโจมของข้าที่สภาพพอไหว อีกทั้งยังใกล้กับห้องของรองแม่ทัพ สะดวกดูแล”

เหลิ่งชิงฮวนหาวฟอดใหญ่

“พูดก็พูดเถอะ เมื่อคืนท่านไม่พูดไม่จาก็จับหม่อมฉันโยนลงพื้น ทำจนเอวของหม่อมฉันแทบหัก ตื่นขึ้นมาหมดเรี่ยวแรงไปค่อนวัน เมื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังดีที่น้องมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องมาติดพันหม่อมฉันเพียงคนเดียว ให้หม่อมฉันได้พักบ้าง พวกท่านค่อยๆ คุยกันไปนะ”

คำพูดกำกวมทำให้เหลิ่งชิงหลางมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา และเหลือบมองที่มู่หรงฉี เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น อยากจะใช้เท้าบดขยี้พื้นให้เป็นรู แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาพร่างพรู

“เจ้า พวกเจ้า…”

มู่หรงฉีอยากจะอธิบายว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร

แต่ตั้งแต่เหลิ่งชิงฮวนออกมาจากในห้อง ห่มด้วยเสื้อตัวนอกของเขา ยิ่งเห็นรูปร่างเพรียวบางและสวยงามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังเผยให้เห็นหน้าอกที่ขาวกระจ่างใส คนผู้นี้ดูมีความหลากหลาย เต็มไปด้วยความเย้ายวนจนบรรยายไม่ถูก

แม้แต่เหล่าทหารในค่ายทหารที่อยู่ไกลออกไป ทว่าสายตาของพวกเขากลับวนเวียนอยู่แต่ที่นี่

มู่หรงฉีรู้สึกอึดอัดมากและความโกรธก็ปะทุขึ้น ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด และยังยิ้มด้วยดวงตาและคิ้วที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เขาจึงโกรธในทันที “ยังไม่รีบกลับไปอีก!”

เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ตอบโต้อย่างเช่นเคย นางยิ้มอย่างยั่วเย้าและยกมุมปากใส่เขาเล็กน้อย “ถ้างั้นหม่อมฉันกลับไปพักผ่อนบนเตียงนะเพคะ”

นางบิดขี้เกียจพร้อมกับสวมรองเท้าเดินส่ายกลับไป เอวเรียวบิดเป็นเกลียวอยู่ในเสื้อคลุมตัวหนาคล้ายกับงูน้ำตัวหนึ่ง

เหลิ่งชิงหลางใจแตกสลาย ตั้งแต่ตอนที่รังนกโดนส่งมาที่ค่ายทหารแห่งนี้ นางก็เริ่มใจเต้นตุ้มๆ

ต่อมๆ ต่อมาเหลิ่งชิงฮวนก็อยู่ข้างนอกทั้งคืน ยิ่งทำให้นางทรมาน มาบัดนี้ลางสังหรณ์ที่เลวร้ายทุกอย่างก็กลายเป็นความจริง และเหลิ่งชิงฮวนยังเป็นคนแรกที่ได้ติดต่อกับมู่หรงฉี

เห็นชัดๆ ว่ามู่หรงฉีเกลียดผู้หญิงคนนี้มากไม่ใช่หรือ ขนาดนางพูดคำว่าเหลิ่งชิงฮวนสามคำนี้ เขาก็จะสีหน้าเคร่งขรึมในทันทีราวกับพายุกำลังใกล้เข้ามา พริบตาเดียว ทั้งคู่ก็คุยกันลับหลังนาง นี่มันอะไรกัน?

มู่หรงฉีเห็นสีหน้านางไม่ดี จึงอธิบายด้วยเสียงอู้อี้ “ข้ากับนางไม่มีอะไรกัน เจ้าอย่าเข้าใจผิด”

คำพังเพยกล่าวไว้ว่า ผู้หญิงห้ามเอาใจ ยิ่งเอาใจยิ่งได้ใจ หากเขาทำหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จา เหลิ่งชิงหลางก็จะไม่กล้าบุ่มบ่าม แต่เมื่อเขาริเริ่มไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเหลิ่งชิงฮวน จึงทำให้เหลิ่งชิงหลางรู้สึกเหนือกว่าอีกครั้ง และเล่นแง่ต่อหน้ามู่หรงฉีขึ้นมา

“ใครจะเชื่อล่ะ นางเข้าไปอยู่ในห้องของท่านแล้ว สวมใส่เสื้อผ้าของท่าน ท่านกลับโกหกหม่อมฉันว่าไม่ชอบนาง!”

ผู้หญิงมีสมบัติล้ำค่าสามประการ หนึ่งร้องไห้ สองสร้างปัญหา สามแขวนคอตัวเอง นี่คือหลักธรรมที่ตระกูลจินทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่ากับมหาเสนาบดีฝ่ายขวา เหลิ่งชิงหลางทำให้เห็นแล้วว่ามันเป็นความจริง

แค่เสียดายที่มู่หรงฉีเป็นแค่ลาตัวหนึ่ง พอเหลิ่งชิงหลางร้องไห้ เขาก็ยอมจำนน เมื่อนางเอะอะโวยวาย เขาก็รำคาญ

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้สนใจข้า ทำไมต้องตอบโต้ชิงหลางไปทุกที่”

เหลิ่งชิงฮวนวางผ้าเช็ดหน้าลง และหันหลังกลับมากะพริบตาอย่างสงสัย ในดวงตากระจ่างใส

“เสื้อตัวนี้ท่านเป็นคนเตรียมให้หม่อมฉัน ท่านเป็นคนดูแลจัดการให้หม่อมฉันอาบน้ำ เมื่อคืนที่โดนท่านโยนลงพื้นก็เป็นความจริง หม่อมฉันมีพูดอะไรผิดสักคำไหม สมมุติว่านางเข้าใจผิด นั่นก็เพราะใจของนางสกปรก จะว่าไป เดิมทีพวกเราก็เป็นสามีภรรยากัน ถึงคราวที่อนุจะมาเจ้ากี้เจ้าการแล้วเหรอ”

มู่หรงฉีโกรธอยู่พักหนึ่งแล้วมองนางอย่างเย็นชา “คำพูดและการกระทำของเจ้าช่างไร้สาระ เหมือนพวกหญิงคณิกาที่ยืนพิงประตูแล้วขายยิ้ม จะไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ยังไง”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกโกรธทันที พูดสู้ไม่ได้แล้วจะมาโจมตีกันเหรอ

“งั้นที่ท่านอ๋องอารมณ์ไม่สู้ดี ท่าทางคล้ายธาตุไฟเข้าแทรกเช่นนั้น ยังไม่พอขจัดความสงสัยในใจนางอีกหรือ”

“ช่างไร้ยางอาย คำพูดเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาได้”

“เรื่องที่ไร้ยางอายกว่านี้พวกท่านก็ทำมาแล้ว ก็ยังเจอหน้าผู้คนได้อยู่นี่”

มู่หรงฉีกัดฟันแน่นและเดินเข้าไปใกล้นาง “พวกเราทำเรื่องไร้ยางอายอะไร”

เอ่อ นางพูดโดยไม่คิด สองคนนี้ทำเรื่องน่าอายอะไรหรือเปล่า นางก็ไม่รู้ ลืมซื้อตั๋วเข้าชม

เมื่อเขาคุกคามบีบบังคับ เหลิ่งชิงฮวนจำต้องถอยหลังหนึ่งก้าว “สุภาพบุรุษตกลงกันด้วยวาจาไม่ใช่ด้วยกำลัง”

มู่หรงฉีเห็นท่าหวาดกลัวของนาง ในใจก็รู้สึกพึงพอใจ เขาทำเหมือนแมวกำลังหยอกหนู เขาโน้มตัวลง ดวงตาเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ “ข้าเหมือนธาตุไฟเข้าแทรกตรงไหนเหรอ”

“ไม่ใช่” เหลิ่งชิงฮวนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “หมายถึงความโกรธ โกรธมากเกินไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา