ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 58

เหลิ่งชิงฮวนหลังพิงกับโต๊ะ พยายามเอียงไปข้างหลัง ให้ออกจากการคุกคามของมู่หรงฉี หลังที่ตึงยิ่งทำให้เส้นโค้งของสรีระชัดเจนยิ่งขึ้น คอเสื้อกว้างที่เปิดออก เผยให้เห็นผิวที่ขาวราวกับหิมะ

ลูกกระเดือกของมู่หรงฉีขยับเองอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ราวกับพายุถาโถม จากนั้นเปลวไฟก็ลุกโชน

เขารู้สึกว่าใจของเขาเหมือนมีเปลวไฟที่ลุกไหม้จริงๆ ให้ตายเถอะ

เหลิ่งชิงฮวนตระหนักถึงอันตรายเป็นอย่างดี เธอยื่นมือออกไปดันหน้าอกที่ใกล้เข้ามาของเขา เสียงสั่นเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ราวกับสายเครื่องดนตรีที่ถูกดึง และสายพิรุณยามตกลงในทะเลสาบ

“ท่าน ท่านคิดจะทำอะไร!”

เส้นเลือดบนหน้าผากของมู่หรงฉีเต้นแรง เขาพยายามระงับอารมณ์ดิบในใจของตัวเอง และยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย “กำลังขอคำแนะนำจากเจ้า ถึงวิธีบรรเทาไฟในกายที่มากเกินไป”

ใบหน้าเล็กๆ ของเหลิ่งชิงฮวนซีดขาวด้วยความตกใจ “หม่อมฉันกับท่านอ๋องไม่ถูกกัน ท่านน่าจะไปหาบัวขาวน้อยของท่าน ย่อมรักษาอาการป่วยของท่านได้แน่”

ในตอนนี้หญิงสาวฝีปากกล้าจู่ๆ ได้กลับกลายเป็นลูกแมวน้อย มู่หรงฉีต่อสู้กับนางถึงสามร้อยหกสิบห้ารอบ และพ่ายแพ้ทุกรอบ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงชัยชนะ

“เมื่อกี้เจ้าเพิ่งบอกเองว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน ต่อให้เกิดอะไรก็…”

น้ำเสียงที่แหบแห้งและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ จงใจซ่อนประโยคท้ายไว้ให้คนคิด

ใบหูของเหลิ่งชิงฮวนแดงเถือก ติ่งหูที่เล็กบอบบางชวนให้คนน้ำลายสอ จู่ๆ น้ำเสียงที่ชอบแกล้งคนของมู่หรงฉีก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เหงื่อเม็ดเล็กๆ ใสแจ๋วผุดออกจากหน้าผากของเขา

เหลิ่งชิงฮวนกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าที่ดูแล้วสยองขวัญ “ใช่ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ต่อให้เกิดอะไร อย่างมากก็เป็นแค่การเกี้ยวราพาสี อย่างนั้นใช่ไหม”

เมื่อได้เห็นความเจ้าเล่ห์ชั่วขณะในดวงตาของนาง ในใจของมู่หรงฉีก็มีเสียงเตือนทันที รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว เข่าของเหลิ่งชิงฮวนก็ได้เข้าทักทายเขาแล้ว โชคยังดี ที่มีโชค โชคในโชค ด้วยความคล่องแคล่วปราดเปรียว เขาหลบหนีภัยรุนแรงนี้ ไม่ได้จบลงด้วยโศกนาฎกรรม

สีหน้าของมู่หรงฉีเปลี่ยนไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “เหลิ่งชิงฮวน เจ้าจะลงมือเหี้ยมโหดจริงๆ ใช่ไหม”

นี่คือการเกี้ยวราพาสีเหรอ เห็นๆ อยู่ว่าต้องการจะทำให้เขาสูญพันธุ์

เหลิ่งชิงฮวนหมุนข้อมือหนึ่งรอบ แล้วหยิบเอาเข็มเงินออกมาสามเล่ม หายใจถี่ๆ อย่างตื่นเต้น “จะเป็นอะไรไปล่ะ? หากท่านกล้าพูดแทะโลมหม่อมฉันอีกคำละก็ รับประกันเลยว่าชั่วชีวิตนี้ท่านจะไม่ต้องกังวลเรื่องธาตุไฟอีก”

มู่หรงฉีรู้ความร้ายกาจของเข็มเงินดี นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น แม้จะบอกว่าตัวเองเก่งกาจในวิทยายุทธ ฝ่ามือเดียวก็สามารถทำให้นางไม่มีลมหายใจ แต่เข็มเงินไม่มีตานี่นา?

เขารู้สึกว่าเมื่อครู่สมองของเขาน่าจะมีปัญหา ทำไมถึงได้รู้สึกว่าผู้หญิงที่ดุร้ายเช่นนี้มีเสน่ห์ไปได้

ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มลายวับไปในทันที มู่หรงฉีหน้าตึง ปากแข็งอย่างดื้อดึง “เหลิ่งชิงฮวน ข้าไปพูดแทะโลมอะไรเจ้า? ก่อนอื่นเจ้าต้องเป็นผู้หญิงเสียก่อน!เจ้าไม่ใช่ผู้ชายเสียด้วยซ้ำ เจ้าก็แค่คนป่าเถื่อน!”

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองเขาอย่างมีความหมาย “ถ้างั้นรสนิยมของท่านอ๋องก็ช่างแปลกประหลาดเกินไป คนป่าเถื่อนยังไม่ยอมปล่อย ก็คงเป็นคนเลวทราม”

มู่หรงฉีตระหนักว่าตนเองปากไม่ตรงกับใจ ก็หน้าแดงขึ้นทันที และเดินหนีไป

เหลิ่งชิงฮวนเป็นเหมือนชีวิตที่เหลือของเขาหลังจากภัยพิบัติ อีกนิดก็แทบทรุดลงกองกับพื้น

มีวิธีเดียวที่มู่หรงฉีจะระบายความโกรธได้ นั่นก็คือการฝึกกองทหาร

เขาตลบขึ้นหลังม้า รวบรวมเหล่าทหารที่ฝึกการต่อสู้กับเหลิ่งชิงฮวนในตอนเช้า วิ่งไปรอบๆค่ายทหารสองสามรอบ กระทั่งพวกเขาเหนื่อยจนคลานกับพื้น ขยับกายไม่ไหวอีก

เมื่อฝืนใจกลับไปยังค่ายทหาร ก็เห็นกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเหลิ่งชิงฮวน พูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่และมีเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย

เขาจึงพาทหารระลอกสองออกไปฝึก

จนถึงวันที่สาม เหล่าทหารเมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนก็เดินหนี

เหลิ่งชิงฮวนดึงบังเหียนม้าของเขาไว้และถามอย่างโมโห “ ท่านทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ทนไม่ได้ที่เห็นหม่อมฉันคุยกับคนอื่นงั้นเหรอ”

ความขุ่นเคืองของมู่หรงฉีทั้งเก่าและใหม่ปั่นป่วนอยู่ในอก เขาเย้ยหยันอย่างเย็นชา “เจ้าโวยวายว่าอยากจะหย่า ผลลัพธ์คือตอนนี้คุณย่า คุณตา คุณยาย ยังมีพี่ๆ น้องๆ ในค่ายทหารต่างคิดว่าเจ้ามีเสน่ห์ดึงดูดใจ เจ้ามันผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอก”

เหลิ่งชิงฮวนเยาะเย้ย “พวกเขาชอบหม่อมฉันนั่นมันก็เป็นความสามารถของหม่อมฉัน ท่านไม่ชอบหม่อมฉัน นั่นมันเสด็จตาบอดเอง! เห็นว่าหม่อมฉันขวางหูขวางตา ท่านใส่ใจแค่เรื่องให้หม่อมฉันกลับจวนอ๋องก็พอ ท่านคงรอไม่ไหวที่จะถีบหัวส่งอยู่แล้วนี่”

มู่หรงฉีก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ในค่ายทหารจะไม่เหมาะสมจริงๆ มันคือหายนะ ตั้งแต่ที่นางเข้ามาค่ายทหาร ที่นี่ก็เริ่มมีลมปีศาจพัดมาแล้ว

เขาโบกมือ “เตรียมรถ กลับจวน!”

เขาเดินนำหน้าไปก่อน

เหลิ่งชิงฮวนตะลึงไม่ขยับตัวไปพักหนึ่ง หม่อมฉันจะกลับจวนอ๋องก็เพราะจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าท่าน ท่านกลับเดินกระแทกกลับไปนี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ตัวเองอยู่ที่นี่ก็คงไม่ใช่เรื่อง

เหล่าทหารมองส่งเธอและมู่หรงฉีจากไปอย่างไม่เต็มใจ หันกลับมาก็ตีกลองเฉลิมฉลอง สองคนนี้ต่างรู้สึกว่าตัวเองได้รับความอยุติธรรม ทำไม่คิดบ้างละว่าเหล่าทหารที่เข้าไปพัวพันกับพวกเขานั่นล่ะที่ได้รับความอยุติธรรมที่สุด

ในวันนี้กระดูกใกล้จะแหลกสลายอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะมัวแต่มองพระชายาอยู่เหรอ ไม่ใช่เพราะมัวแต่เล่นตลกไน้สาระอยู่กับพระชายาอยู่เหรอ ไม่ใช่เพราะมัวประจบประแจงเอาใจจนเกินไปหน่อยเหรอ ท่านอ๋องของเราขี้อิจฉาเกินไป

ยังดีที่สถานการของรองแม่ทัพคงที่หน่อยแล้ว ค่ายทหารสภาพค่อนข้างลำบาก ทหารกล้าที่ดูแลก็งุ่มง่ามเงอะงะไม่เหมาะสม พวกเจ้าสองคนย่างเท้าออกไป วันที่สองก็ต้องทำตามคำสั่งของมู่หรงฉี ให้จัดเตรียมเปลยกส่งรองแม่ทัพเข้าไปพักฟื้นในจวนอ๋อง

มู่หรงฉีส่งหมอหญิงสองคนและหมอประจำตระกูลไปดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของรองแม่ทัพพร้อมกัน เหลิ่งชิงฮวนไปเยี่ยมวันละสามครั้ง สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น

หลังจากหมอประจำตระกูลได้ยินเกี่ยวกับวิธีการรักษาของเหลิ่งชิงฮวน ก็ให้เลื่อมใสนางจากใจเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่คาดคิดเขาเรียกเหลิ่งชิงฮวนที่อายุน้อยกว่าว่าท่านอาจารย์

เหลิ่งชิงฮวนละอายใจ วัฒนธรรมทางการแพทย์ของจีนนั้นกว้างขวางและลึกซึ้ง หมอประจำตระกูลก็มีชื่อเสียงระดับปรมาจารย์ ตัวเองจึงละอายใจ สิ่งที่ทำให้เหนือกว่าก็มีแค่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยกว่า

วันนี้แม่นมเตียวมีธุระที่บ้าน นางออกจากจวนไปตั้งแต่เช้าตรู่ มื้อเช้าของเหลิ่งชิงฮวนเป็นอาหารที่หลิงกวนเอ๋อร์ซื้อมาจากข้างนอก หลังจากกินเต้าฮวยใส่น้ำตาลงาไปหนึ่งชาม จากนั้นก็หาเวลาไปจวนกั๋วกง สายตาของเหล่าไท่จวินที่มองดูเธอ ยากที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ยังมีความคลุมเครือนิดๆ นั่นอีก ทำให้เธอรู้สึกกลัว อยากกลับไปเร็วๆ

เหล่าไท่จวินพูดติดตลกกับป้าสะใภ้ที่อยู่ข้างหลัง“เมื่อเห็นเจ้า ข้าก็ให้นึกถึงคำพูดของคุณปู่ของเจ้า เจ้ากับฉีเอ๋อร์เป็นคู่รักที่มีความสุข ยามปกติอาจจะเข้ากันไม่ได้ แต่ยามมีภัย เจ้าดูปฎิกิริยาของฉีเอ๋อร์ซิ รีบเข้าไปอุ้มเจ้าไม่ปล่อยมือ ข้าขำจนตัวกระตุก…”

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! คนแก่สองคนนี้ทำตัวไม่น่าเคารพ แก่แล้วเลอะเทอะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา