ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 567

“ในเมื่อฉีเอ๋อร์กับชิงฮวนขอความเมตตาเพื่อเจ้า ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าตอบคำถามอีกต่อไป แต่คดีความนี้ต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด ต้องเปิดเผยความจริงเพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเจ้าเอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพิกถอนตราประทับหงส์ในการดูแลหกตำหนักของเจ้าเป็นการชั่วคราว และมอบให้พระสนมฮุ่ยเฟยกับหลินเฟยช่วยกันดูแลสองคน ส่วนเจ้าจงให้ความร่วมมือหาตัวคนที่ลอบทำร้ายพระสนมฮุ่ยเฟยออกมาก่อน และอธิบายเหตุผล”

ฮองเฮาไม่กล้าตอกกลับ จึงขอบคุณสำหรับความเมตตาอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม

แมลงพิษบนร่างกายของพระสนมฮุ่ยเฟยสามารถรักษาได้ด้วยกินยา ไม่นานก็จะเหมือนกับคนทั่วไป

ขันทีที่รับผิดชอบในการไต่สวนจิ่นอวี๋เดินเข้ามา และกราบทูลฝ่าบาทว่า “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงจิ่นอวี๋ไม่ยอมรับสารภาพ นางบอกว่า นอกเสียจากท่านฉีอ๋องจะไปพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงฉีเส้นเลือดตรงหน้าฝากเต้นตุบๆ และกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ไป!”

ฮ่องเต้ทำเสียงไม่พอใจ “พวกไร้ประโยชน์ ปากของสตรีแค่คนเดียวก็แงะไม่ออกอย่างนั้นหรือ”

ขันทีเหงื่อแตกพลั่ก พลันร้องขอให้ไว้ชีวิต

เหลิ่งชิงฮวนเข้าใจ จิ่นอวี๋ถือเป็นกู่มนุษย์ของน่าจาอี๋นั่ว คาดว่าชีวิตคงจะอยู่ในกำมือของน่าจาอี๋นั่ว หากต้องการให้นางสารภาพทุกอย่างที่รู้ออกมา การลงโทษตามปกติ คงจะไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ

นางเหลือบมองมู่หรงฉีซึ่งอยู่ข้างๆ และก้าวขึ้นไปข้างหน้า “ฝ่าบาท ให้ชิงฮวนไปพูดกับจิ่นอวี๋สักประโยคสองประโยคไม่ดีกว่าหรือ”

“ไม่ได้!” มู่หรงฉีพูดเสียงแข็ง “คนผู้นี้อันตรายเกินไป”

“ไม่เห็นเป็นไร ข้าไม่เข้าใกล้นางก็พอแล้ว” เหลิ่งชิงฮวนมีภาพต้นไผ่อยู่ในใจ

ฮ่องเต้พยักหน้า “เจ้าระวังตัวด้วยล่ะ”

“เช่นนั้นข้าไปกับเจ้าด้วย” มู่หรงฉีเปลี่ยนความคิด

นั่นจะได้อย่างไร

เหลิ่งชิงฮวนปฏิเสธทันที และขยิบตาให้เขาอย่างเงียบๆ

มู่หรงฉีไม่เข้าใจเจตนาของเหลิ่งชิงฮวน แต่พอเห็นใบหน้าปลิ้นปล้อนของนาง ก็รู้ว่าต้องมีขีดจำกัดอย่างแน่นอน จึงไม่รบเร้าอีกต่อไป

เหลิ่งชิงฮวนไปยังตำหนักเย็นทันที ผลักประตูเข้าไป และยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าจิ่นอวี๋

จิ่นอวี๋เพิ่งจะโดนลงโทษ ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ กำลังหวีผมอันยุ่งเหยิงอย่างไม่รีบร้อน คงจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเหลิ่งชิงฮวน ยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าสีเขียวแดงเต็มไปด้วยรอยช้ำยังคงบวมเป่ง โฉมหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ทำไมเป็นเจ้าล่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนมองนางอย่างเย็นชาเช่นเดียวกัน “มิฉะนั้นล่ะ เจ้าคิดว่ามู่หรงฉีอยากจะเจอเจ้าหรือ หน้าตาของเจ้าในตอนนี้ ขอแนะนำเจ้าว่า อย่าพบคนเลยจะดีกว่า มิฉะนั้นอาจจะทำคนตกใจกลัวสักสองสามคนโดยไม่ระวัง”

แก้มของจิ่นอวี๋ตึงเปรี๊ยะ “เจ้าเป็นสตรีที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา”

“ข้าก็เช่นกัน” เหลิ่งชิงฮวนยกริมฝีปากเล็กน้อย “ทุกครั้งที่มู่หรงฉีเอ่ยถึงเจ้าก็คิดเห็นเช่นนี้”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายุยง ท่านพี่ไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้”

เหลิ่งชิงฮวน ‘แจะปาก’ ด้วยความประหลาดใจ “ท่านพี่ของเจ้ายอมวิ่งไปผ่าอันตรายที่ด่านชายแดน กินนอนกับพวกบุรุษเลวทราม ดีกว่ากว่าอยู่ฟังคำพูดสนิทสนมของเจ้าที่เมืองหลวง เขารังเกียจเจ้ามากเพียงใด เจ้าเอาความกล้าจากไหนมาจากไหนถึงพูดออกมาเช่นนี้”

“ท่านพี่เป็นบุรุษที่ดีมีความทะเยอทะยานสูง สร้างคุณงามความดีวิสัยทัศน์กว้างไกล เจ้าจะรู้อะไร”

เหลิ่งชิงฮวนทำเสียง ‘ชิ’ เป็นการถากถาง “หากเจ้าไม่มีคำสั่งเสียอะไรจะบอก เช่นนั้นข้าก็จะกลับ ไม่ว่างมาฟังเจ้าบ่น เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในความฝันของตนเองไปเถอะ”

“ข้าอยากเจอท่านพี่!”

“เข้าไม่อยากเจอเจ้า บอกว่าเห็นเจ้าแล้วอยากอาเจียน”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ ‘เหอะเหอะ’ “ตอนแรกเจ้าใสเหมือนน้ำสะอาดเหมือนหยก ตอนหน้าตาสะสวย เขาไม่สงสารเจ้าเลยสักนิด เจ้าในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ถูกขอทานเร่ร่อนหยามเกียรติ ยังกลายเป็นเครื่องมือของน่าเยี่ยไป๋ สกปรกเช่นนี้ คนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง เจ้าคิดว่ามู่หรงฉียังจะมองเจ้าอีกหรือ”

จิ่นอวี๋นิ่งอึ้งราวกับโดนสายฟ้าฟาด “พวกเจ้ารู้ได้อย่างไร”

“เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้มานานแล้ว!” เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองท่าทีตอบโต้ของนาง แล้วจึงเอามีดแทงหัวใจของนางอีกครั้ง “ห้าปีก่อนฝ่าบาทระดมกำลังทหารไปปราบปรามมั่วเป่ย คนมั่วเป่ยเลยส่งขอทานที่หยามเกียรติเจ้ามายังฉางอัน ตอนนั้นหลายคนเห็นเข้าล้วนรู้สึกคลื่นไส้”

จิ่นอวี๋หน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง นางดูหวั่นไหวมาก ฝันร้ายในคืนนั้น ตราตรึงอยู่ในใจ หลายปีผ่านไป ความทรงจำของนางยังคงใหม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะท่าทางมอมแมมของขอทานคนนั้น พอนางนึกถึง กระเพาะอาหารก็ปั่นป่วนหนักมาก

นางรอดมาโดยตลอดเพราะความโชคดี คิดว่ามู่หรงฉีไม่มีทางรู้

ภาพลักษณ์ของตนเองภายในใจของเขา พังทลายลงแล้ว ภาพลวงตาที่ตนสร้างขึ้น สลายหายไปแล้ว

นางกัดขากรรไกรแน่น จ้องมองเหลิ่งชิงฮวนอย่างโกรธเคือง แม้ว่าจะไม่เห็นอะไรเลย ตรงหน้ามีแต่ความมืดมิด

“เป็นเพราะเจ้า ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าวางแผนส่งข้าแต่งงานไปมั่วเป่ย ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น!”

เหลิ่งชิงฮวนยักไหล่ “เจ้าก่อเรื่องทุกอย่างขึ้นเอง อีกอย่าง เรื่องนี้ท่าพี่ของเจ้าก็มีความดีครึ่งหนึ่ง เขาเป็นคนช่วยข้าวางแผน มิฉะนั้น แค่กำลังของข้าคนเดียว จะสร้างฟองคลื่นปั่นป่วนภายในวังหลวงได้อย่างไร”

ริมฝีปากของจิ่นอวี๋สั่นระริก “ข้าไม่เชื่อ”

“หากเจ้าแค่อยากแต่งงานกับมู่หรงฉี เจ้าไม่ผิด ความผิดคือเจ้าไม่ควรวางแผนลอบทำร้ายข้าทุกวิถีทาง พวกเราไม่มีทางนั่งรอความตายอย่างแน่นอน เหลิ่งชิงฮวนอย่างข้าก็ไม่ใช่คนดีอะไร ข้าไม่เคยให้อภัยกับคนที่คิดจะเอาชีวิตข้า ส่งเจ้าแต่งงานไปมั่วเป่ย เป็นความกรุณาของพระสนมฮุ่ยเฟยที่มีต่อเจ้า”

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าถูกความคิดครอบงำจิตใจลึกซึ้งเกินไป อยากย้อนกลับมาฉางอันเพื่อเอาชีวิตข้า ทำไมถึงมีวันนี้เล่า หากไม่ใช่เพราะเจ้าร่วมมือกับเหลิ่งชิงหลางทำร้ายข้า จะโดนคนหนานจ้าวจับตัวไปได้อย่างไร เจ้าแบกรับความทุกข์ยากมามากจริงๆ แต่ว่าทำให้เกิดทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับเหลิ่งชิงฮวนอย่างข้า”

“เจ้าฆ่าข้าตอนนั้นเสียยังดีกว่า!” จิ่นอวี๋หวั่นไหวมากขึ้น ดวงตาจ้องมองอย่างโกรธแค้น “แบบนั้นข้ายังสามารถเก็บความบริสุทธิ์กับความคิดถึงสุดท้ายไว้ในใจของท่านพี่ได้ ไม่ใช่ได้รับความอัปยศอดสู และเสื่อมเสียชื่อเสียงเหมือนกับตอนนี้!”

“เจ้าไม่รู้เลยสักนิดว่าองค์รัชทายาทหนานจ้าวกับองค์หญิงวิปริตมากแค่ไหน! ตกอยู่ในกำมือของพวกเขา ตายเสียยังดีกว่าจริงๆ ทำไมเจ้าต้องบอกเรื่องพวกนี้กับท่านพี่ด้วย นังอสรพิษ!”

แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนรู้กลอุบายของน่าเยี่ยไป๋กับน่าจาอี๋นั่ว และยังรู้ว่าจิ่นอวี๋ผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบกลัวอะไรมากที่สุด

ทัศนคติของมู่หรงฉีที่มีต่อนาง ก็คือทำลายฟางเส้นสุดท้ายของนาง

“กลอุบายวิปริตของพวกเขา ข้ารู้อยู่แล้ว เพราะว่าองค์รัชทายาทหนานจ้าวพักฟื้นในจวนของข้า พูดคุยกับมู่หรงฉีอยู่บ่อยๆ เจ้าคงจะไม่ได้กระโถนของเขาเหมือนกับที่เขาพูดจริงๆ กระมัง ยังมีจานหยกขาว? ฉากเนื้อกันลม? บ่อสุราป่าเนื้อ?….”

“หยุดพูดได้แล้ว!” จิ่นอวี๋พูดขัดนางด้วยอารมณ์รุนแรง น้ำตาไหลอาบดวงหน้า “น่าจาอี๋นั่วบอกข้าว่า เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายท่านพี่อีกครั้ง นางบอกว่านางจะให้โอกาสข้าแก้แค้นเจ้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าด้วยมือของตนเอง”

“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นวิธีการเช่นนี้ ข้าไม่ควรกลับมาสร้างความอัปยศให้กับตนเอง! ไม่สิ ข้าไม่ควรมีชีวิตอยู่ ฮ่าฮ่า! ข้ายังจะขออะไรได้อีก ข้ามีชีวิตต่อไปด้วยความอับอาย ข้าคิดว่า ขอเพียงเจ้าตาย ท่านพี่จะเปลี่ยนความคิดเดิมๆ แต่ภาพลักษณ์ของข้าที่อยู่ภายในใจของท่านพี่น่ารังเกียจมาก ข้ายังจะเหลือความโชคดีอะไร ฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม!”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจเบาๆ และโปรยเกลือลงบนส่วนปลายของหัวใจจิ่นอวี๋อีกครั้ง

“ทางด้านมั่วเป่ย เกรงว่าคงจะปิดไม่ได้ ตอนนี้เจ้ากลายเป็นชาหลังอาหารของทุกคน พูดคุยฆ่าเวลาด้วยความสนุกสนาน เฮ้อ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปไกล คงจะเป็นเช่นนั้นกระมัง”

นางหันหลังเดินจากไป จิ่นอวี๋ทางด้านหลังร้องไห้อย่างหมดอาลัยตายอยาก

เพิ่งจะออกมาจากตำหนักเย็น ก็ได้ยินองครักษ์ทางด้านหลังร้องด้วยความตกใจว่า “รีบไปกราบทูลฝ่าบาทเร็ว!”

นางหันหน้าไปมอง เห็นเพียงแมลงหลากสีสันคล้ายกับผีเสื้อยักษ์หลายตัวบินออกมาจากหน้าต่างของจิ่นอวี๋ ร่วงลงบนชายคา จากนั้นกระพือปีกบินออกไป

พวกองครักษ์วิ่งอย่างรวดเร็ว เหลิ่งชิงฮวนไม่ต้องถาม ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ฝันกลางวันที่ประคับประคองให้จิ่นอวี๋มีชีวิตอยู่ต่อไปได้แตกสลายแล้ว ในที่สุดนางก็ทนต่อไปไม่ไหว ความหวังทุกอย่างดับสูญ และสิ้นใจภายใต้วาจาคมกริบอันอำมหิตและป่าเถื่อนของเหลิ่งชิงฮวนอย่างนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา