ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 568

นางไม่สามารถไว้ชีวิตจิ่นอวี๋ได้อีกต่อไป

การทรมานอย่างไม่ใช่คนของหนานจ้าว จิ่นอวี๋เหมือนกับแมลงสาบ มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง ความลุ่มหลงแสนลึกซึ้งภายในใจของนาง ประคับประคองนางให้มีชีวิตอยู่ต่อ และไม่เสียดายที่จะแลกทุกอย่าง เพื่อฆ่าตนเอง ทำให้ตนเองเจ็บปวด

สมมติว่า คนจากมั่วเป่ยมาด้วยเจตนาแอบแฝง และให้พื้นที่เพื่อความอยู่รอดกับจิ่นอวี๋ ก็ยากที่จะรับรองว่าจะไม่หวนกลับมาคุกคามตนเองและคนในครอบครัวอีก

นางไม่สามารถใจอ่อนได้อีกต่อไป สมมติว่าตนเองลงมือแล้วคนจับผิดได้ คงไม่ง่ายที่จะอธิบายกับมั่วเป่ย บีบให้จิ่นอวี๋ฆ่าตัวตาย คงจะไม่กลายเป็นขี้ปากคนกระมัง

ส่วนคำสารภาพอะไรนั่น มันไม่สำคัญแล้ว

ตนเองเคยถามรายละเอียดจากพระสนมฮุ่ยเฟย สามารถยืนยันได้ว่าก่อนเกิดเรื่องจิ่นอวี๋ไม่รู้สถานะของอวิ๋นเช่อ ดังนั้นอวิ๋นเช่อกับพระสนมฮุ่ยเฟยถูกคนล่อลวงไปยังตำหนักเย็นโดยเจตนาจริงๆ แต่จิ่นอวี๋ทำร้ายคน กลับเป็นเรื่องกะทันหัน

พูดอีกอย่างว่า จิ่นอวี๋ไม่รู้เรื่อง

พอฮ่องเต้ได้ยินองครักษ์กราบทูล เขาไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่ถลึงตามองเหลิ่งชิงฮวนอย่างดุร้าย แต่ไม่ได้ระเบิดพลังออกมา โบกมือสั่งให้คนหามศพของจิ่นอวี๋ออกไปเผานอกวังหลวง ขจัดหายนะที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าทิ้งไป

น่าจาอี๋นั่วออกไปจากวังแล้ว ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ขู่ขวัญสาวน้อยได้อย่างไร

มู่หรงฉีกับเหลิ่งชิงฮวนเห็นว่าค่ำแล้ว อีกอย่างเหมือนว่าวันนี้เสี่ยวอวิ๋นเช่อจะตกใจกลัว ต้องการให้ตนเองปลอบโยนความรู้สึก จึงกล่าวลาและกลับจวนไป

ฮ่องเต้ผ่านอันตรายคราวนี้ เลยไม่บังคับให้อวิ๋นเช่ออยู่ต่อ เพียงแต่กำชับครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่วางใจ บอกให้มู่หรงฉีจัดเตรียมองครักษ์ลับมาคุ้มกันยามเยอะๆ อย่าประมาทโดยเด็ดขาด

เรื่องในวันนี้เป็นระฆังเตือนภัย ฮ่องเต้ไม่ต้องเตือนสติ มู่หรงฉีเองก็รู้เช่นกัน

ไม่เพียงแต่ต้องปกป้องเสี่ยวอวิ๋นเช่อให้ดี ทางด้านน่าจาอี๋นั่ว ก็ไม่อาจหละหลวมได้

เพราะว่า เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นความบังเอิญ แต่มีความเกี่ยวข้องกันนับไม่ถ้วน

อย่างน้อยที่สุด คนวางแผนอยู่เบื้องหลังรู้ได้อย่างไรว่าจิ่นอวี๋รู้วิชากู่ วันนั้นน่าจาอี๋นั่วกับเหลิ่งชิงฮวนพูดเดิมพันภายในผ้าม่าน คนภายนอกไม่น่าจะรู้เรื่อง

ดังนั้น คนอยู่เบื้องหลัง ต้องสมคบคิดกับหนานจ้าวอย่างแน่นอน

เหลิ่งชิงฮวนนึกถึงคนชุดดำลึกลับที่แอบติดต่อกับน่าจาอี๋นั่ว จึงสั่งให้คนขององครักษ์อินทรีเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพื่อจับตาดูการเปลี่ยนแปลง

ผลสุดท้ายวันถัดมา คนขององครักษ์อินทรีมารายงานเหลิ่งชิงฮวน บอกว่าน่าจาอี๋นั่วไปยังสวนดอกไม้ขององค์หญิงหรูอี้

นึกไม่ถึงว่าน่าจาอี๋นั่วกับหรูอี้จะร่วมมือกัน อีกทั้งยังไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม นี่ทำให้เหลิ่งชิงฮวนประหลาดใจมาก

แท้จริงแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮองเฮาหรือไม่

นางกับมู่หรงฉีปรึกษากันครู่ใหญ่ แต่ยังคงไร้เบาะแสเช่นเดิม

ว่ากันตามเหตุผล มองว่าเสี่ยวอวิ๋นเช่อเป็นหนามยอกอก คงจะหนีไม่พ้นจากการช่วงชิงตำแหน่งกษัตริย์ การมีอยู่ของเสี่ยวอวิ๋นเช่อ สำหรับคนอื่นแล้ว นั่นเป็นการคุกคาม

คิดว่าต้องเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร คนแรกที่นึกถึงล้วนเป็นฮองเฮา

หากไม่ใช่เพราะชิงฮวนกับเสี่ยวอวิ๋นเช่อกลับมา ตำแหน่งกษัตริย์นี้ ก็น่าจะเป็นของอ๋องเซวียนอย่างไม่ต้องสงสัย

องค์ชายห้าอ๋องหวังสถานะต่ำต้อย อีกทั้งยังพูดน้อย อุปนิสัยชอบเก็บตัว จากมุมมองทางการแพทย์ของเหลิ่งชิงฮวน เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมเล็กน้อย พูดคุยกับผู้คนมักจะหน้าแดง มือและเท้ากระสับกระส่าย

ส่วนอ๋องเฮ่าหลล่มหลงกับวิชาความรู้ ไม่สนใจเรื่องราวบนราชสำนัก ไม่มีความปรารถนาที่จะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเมือง อีกอย่าง เป็นเรื่องไม่น่าฟังนัก เขาแต่งภรรยาสองคนต่อเนื่องกัน ผ่านมาหลายปียังไม่มีทายาท จึงยากจะหลบเลี่ยงข่าวเล่าลือจากโลกภายนอก

สมมติว่าเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้จริงๆ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถทางด้านการปกครองอย่างยอดเยี่ยม ฮ่องเต้ยังต้องใคร่ครวญถึงการสืบถอดราชบัลลังก์จากรุ่นสู่รุ่นด้วย ดังนั้นจึงไม่พิจารณาเขา

ส่วนอ๋องรุ่ยกับมู่หรงฉีสนิทกันมาก ความสัมพันธ์ของทั้งสองจวนค่อนข้างดี คงจะไม่มีทางวางแผนทำร้ายอวิ๋นเช่อ

สมมติว่าหรูอี้กับน่าจาอี๋นั่วคุ้นเคยกัน จึงไม่แปลกเลยสักนิดถ้าฮองเฮาจะรู้ว่าจิ่นอวี๋รู้จักการใช้กู่

แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฮองเฮาจะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นที่ต้องสงสัยคงจะสายเกินไปแล้ว หรูอี้กับน่าจาอี๋นั่วไปมาหาสู่กันอย่างเปิดเผยได้อย่างไร นี่เป็นการสาดน้ำสกปรกใส่ฮองเฮาอย่างเห็นได้ชัดมิใช่หรือ

เหลิ่งชิงฮวนอยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขาสองคนร่วมมือกันได้อย่างไร ภายในนั้นมีผลประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องกัน

ณ สวนดอกไม้ขององค์หญิงหรูอี้

น่าจาอี๋นั่วแปลกใจเล็กน้อย

ชุดของสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหรูอี้ล้วนโปร่งใสทุกคน แต่งตัวสวยงามมาก อีกทั้งยังรูปร่างอ้วนผอมต่างกันตามลักษณะของแต่ละคน

ทุกๆ จวน แท้จริงแล้วนายหญิงห้ามมีเจตนาร้ายต่อคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติเด็ดขาด สำหรับการแต่งกายของสาวรับใช้ รวมถึงเครื่องประดับศีรษะล้วนมีข้อบังคับอย่างเข้มงวด ต้องสง่างามและเรียบง่าย จะปล่อยให้พวกนางไม่รู้จักประมาณตนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

หรูอี้กลับปฏิบัติแตกต่างออกไป นางรวบรวมสาวงามทุกประเภทมาเลี้ยงดูอยู่ข้างกาย หวังว่าจินอู่จะมองพวกนางมากขึ้น และละสายตาจากข้ารับใช้ซึ่งมีกลิ่นเหงื่อเหม็นพวกนั้น

ผลสุดท้าย ดูเหมือนจะล้มเหลว เมื่อเผชิญกับการล่อลวงของสตรีหยาบโล้นมากมาย จินอู่กลับนั่งนิ่งตลอด ตรงกันข้าม เขารู้สึกรังเกียจเล็กน้อย และย่างเท้าเข้ามาในห้องนอนของหรูอี้น้อยมาก

น่าจาอี๋นั่วถูกห้อมล้อมด้วยกองสตรี กลิ่นหอมแสนสะอิดสะเอียนโชยเข้าจมูกจนหายใจไม่ออก พอโบกมือ หรูอี้ก็สั่งให้พวกนางออกไป

“ถ้าอยากรักษาโรคของพระราชบุตรเขยให้หาย เจ้าต้องหาต้นตอของปัญหาให้ได้ สมมติว่าเขามีความรู้สึกขัดแย้งกับสตรีจากก้นบึ้งของหัวใจ เจ้าทำเช่นนี้ คงจะได้แต่ผลลัพธ์ตรงกันข้าม”

มีกันแค่สองคน หรูอี้จึงเล่าความคับแค้นใจออกมาโดยไม่อาย “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีบุรุษเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย เกิดมาแข็งแกร่ง รูปลักษณ์ภายนอกเป็นชายหนุ่ม แต่กลับไม่ชอบสตรีสวยหยาดเยิ้ม ดันชอบใส่ชุดของสตรี ดัดเสียงเวลาพูด โดนชายอื่นกอดรัด ย่ำยีอย่างไม่ใช่คน ข้าเห็นภาพแบบนี้ครั้งแรก แทบจะอาเจียนจริงๆ”

“หรือว่าเจ้าไม่เคยถามเขาว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ชอบเป็นสตรีมาตั้งแต่เล็ก หรือว่าไม่ชอบสตรี”

“ข้าเคยถามฮูหยินจินโดยเฉพาะ ตอนเด็กจินอู่ปกติมาก ไม่เคยเห็นเขาชอบแต่งตัวเป็นสตรีมาก่อน เจอเด็กผู้หญิงก็หน้าแดงและใจเต้น มีความรู้สึกรักใคร่ ต่อมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ อุปนิสัยก็เปลี่ยนไป”

“ตอนแรกนางไม่รู้เรื่อง คิดว่าลูกชายของตนเองกำหนดขอบเขตกับสตรีอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับจินเอ้อร์ซึ่งทำเรื่องไม่ดีอย่างไร้กังวล อ้อยอิ่งอยู่ในดินแดนแห่งดอกไม้ไฟทั้งวันทั้งคืน ซื่อตรง ไร้กังวล และภูมิในกับสิ่งเหล่านี้

พอถึงวัยแต่งงาน พูดอะไรเขาก็ไม่ยอม แม้แต่พวกสาวรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายล้วนเปลี่ยนเป็นเด็กรับใช้ชาย คำพูดไม่น่าฟังค่อยๆ แพร่ออกมาจากลานบ้านของเขา ฮูหยินจินเพิ่งจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเรียกคนรับใช้สองสามคนนั้นมาถามต่อหน้า ถึงรู้ว่าลูกชายของตนมีความชอบแบบนี้

ตอนนั้นนางโกรธมาก จึงไล่เด็กรับใช้ชายพวกนั้นไปในคืนเดียวกัน จินอู่สำรวมตัวขึ้น แต่กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้

อยู่ภายในจวนไม่กล้าบุ่มบ่าม จึงวิ่งออกไปแอบกินข้างนอกอย่างเงียบๆ ไม่ถือว่าตนเองเป็นมนุษย์ ปล่อยให้คนย่ำยี ข้าตาบอดเอง ทำไมถึงได้ชอบบุรุษที่เป็นชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิงแบบนี้!

หากไม่ใช่เพราะตนเองเป็นองค์หญิงแสนสูงส่ง คำนึงถึงหน้าตาของราชวงศ์ นางคงจะประชดด้วยการเลี้ยงหนุ่มรูปงาม และให้จินอู่มองดูสีสันสักเล็กน้อยไปนานแล้ว

น่าจาอี๋นั่วไตร่ตรองเล็กน้อย “ข้าต้องพบเขา และหาปมภายในใจของเขาให้เจอ ถึงจะสั่งยารักษาโรคได้อย่างเหมาะสม”

“ต้องการวินิจฉัยโรคหรือ เขาไม่ถูกกับสิ่งเหล่านี้มาแต่ไหนแต่ไร พวกเราทะเลาะกันหลายครั้งเพราะเรื่องนี้”

น่าจาอี๋นั่วส่ายหน้า “เจ้าอย่างฟังความในใจของเขาหรือไม่ อย่างรู้ความลับภายในนั้นหรือไม่”

หรูอี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอน”

“องค์หญิงโปรดจุดธูปหอมสงบอารมณ์ ข้าต้องการให้อารมณ์ของเขาสงบลง เพื่อไม่ให้เขาระแวดระวังข้า”

หรูอี้เชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย สั่งให้คนไปเอาธูปหอมสงบอารมณ์ ทำการจุดด้วยมือตนเอง และวางไว้ในกระถางธูป จากนั้นสั่งให้คนไปเรียกจินอู่มา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา