ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 61

เหลิ่งชิงเฮ่อได้พักผ่อนอย่างสบายใจในสองสามวันนี้ สีหน้าดูดีขึ้นมาก เมื่อเห็นนางมา จึงมีความแดงระเรื่อบนใบหน้าที่ซีดขาว นำมาด้วยความตื่นเต้น

เหลิ่งชิงฮวนให้โตวโตวอยู่บนรถดูแลทหารอารักขาสองคน ตัวเองหอบของบำรุงเข้าไปในกระท่อมของเขา

ขั้นแรกต้องตรวจร่างกายของเขาใหม่ ให้แน่ใจว่าสารพิษโดนกำจัดออกหมด ตอนนี้เหลือแค่พักฟื้นบำรุงร่างกาย ก็จะหายดีเป็นปกติ ของบำรุงที่ตัวเองเอามาพวกนี้จะเป็นตัวช่วยในยามนี้ได้ทันที

ดวงตาของเหลิ่งชิงเฮ่อเป็นประกาย เต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นของการเกิดใหม่ เขาพูดกระซิบกับเหลิ่งชิงฮวนว่า “เมื่อวานซืน รัชทายาทเสิ่นผ่านมาพบ ก็เข้ามาหาพี่และได้บอกข่าวดีเรื่องหนึ่งให้พี่”

“ข่าวดีอะไร”

“ได้ยินว่าการสอบในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ คำถามในการสอบรั่วไหล เจ้าหน้าที่กรมขุนนางถึงกรมพิธีการ และวัดต้าหลี่จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด มีคำสั่งจากฮ่องเต้ ให้เปิดการทดสอบขึ้นมาใหม่ เพื่อเลือกผู้ที่มีความสามารถ คำสั่งได้ประกาศไปยังหัวเมืองต่างๆ แล้ว วันที่กำหนดคือกลางเดือนหน้า”

แม้เขาจะลดเสียงลง แต่ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้น

เหลิ่งชิงฮวนใจเต้นแรง “ท่านพี่อยากเข้าร่วมหรือ”

เหลิ่งชิงเฮ่อพยักหน้า “ฤดูสอบใบไม้ผลิครั้งที่แล้ว พี่นอนป่วยอยู่บนเตียง ไม่สามารถเข้าร่วมได้ พี่รู้สึกเสียดายมาก ครั้งต่อไปต้องอีกถึงสามปี ดังนั้น พี่จึงไม่อยากปล่อยโอกาสครั้งนี้ไป พี่วางแผนว่าเมื่อถึงเวลานั้นร่างกายของพี่น่าจะไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรแล้ว สามารถเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่นี้ได้”

เหลิ่งชิงฮวนคิดกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ยังกังวลในใจถึงวิธีการพาพี่ชายกลับไปจวนมหาเสนาบดี ต้องตั้งหลักอย่างมั่นคง และแข่งขันกับตระกูลจิน ถ้าหากในการสอบคราวนี้พี่ชายสามารถโดดเด่นและได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้ ท่านพ่อก็จะมองเขาด้วยความชื่นชอบ พี่ชายก็กลับไปจวนมหาเสนาบดีได้ง่ายและสะดวกอีกครั้ง

“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ ท่านพี่จะส่งคนไปบอกท่านพ่อไหม”

เหลิ่งชิงเฮ่อส่ายหน้า “พี่ไม่อยากบอกให้ท่านพ่อรู้!”

“ทำไมละ”

“ในการสอบฤดูใบไม้ผลิครั้งที่แล้วพี่ไม่ได้เข้าร่วม หากคราวนี้จะเข้าร่วม ก็ต้องมีคนแนะนำ พี่กังวลว่าหากตระกูลจินรู้ จะสร้างปัญหาให้ อีกทั้งการสอบใหญ่ก็อีกตั้งนาน ตระกูลจินอาจลงมือโหดเหี้ยม ใครจะไปรู้ว่าจะสมคบคิดวางอุบายอะไร

ท่านพ่อเป็นคนหูเบาไม่ฟังเจ้า จึงคิดว่าแอบไปสอบแบบลับๆ หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หากประสบความสำเร็จขึ้นมา ตระกูลจินก็ไม่สามารถเตรียมรับมือทัน”

ที่พูดมาก็มีเหตุผล ท่านพี่เป็นคนที่คิดถึงปัญหาได้รอบคอบกว่าตนมากมากหลายเท่านัก

“แต่ว่า หากท่านพี่ไม่บอกให้ท่านพ่อรู้ แล้วจะให้ใครแนะนำเล่า”

เหลิ่งชิงเฮ่อมองนางอย่างกระตือรือล้น “ในเมื่อรัชทายาทเสิ่นยังไม่มีคุณสมบัติที่จะแนะนำ จะรบกวนให้น้องไปพูดกับท่านอ๋องสักคำ เชิญท่านเป็นคนแนะนำได้หรือไม่”

มู่หรงฉี? เหลิ่งชิงฮวนเอาแต่บ่นอยู่ในใจไม่รู้จบ ครั้งก่อนที่เขาแสดงต่อหน้าพี่ชาย พี่ยังคิดว่าตนเองและมู่หรงฉีมีความปรองดองกันฉันท์สามีภรรยา

เหลิ่งชิงเฮ่อสังเกตุเห็นร่องรอยความลำบากใจบนใบหน้าของนาง “ถ้ามันเอ่ยปากลำบาก พี่คิดหาวิธีอื่นก็ได้”

เหลิ่งชิงฮวนเค้นยิ้มเล็กน้อย “จะลำบากได้อย่างไรกัน ข้าแค่กำลังคิดว่าจะกำชับให้ท่านอ๋องปิดเหลิ่งชิงหลางอย่างไรดี”

เหลิ่งชิงเฮ่อค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ครั้งก่อนที่เจอท่านอ๋อง แม้ว่าท่านจะดูจริงจังและเย็นชา แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา ท่านไม่ได้วางท่าต่อหน้าพี่ ท่านดูเป็นคนทนุถนอมคน น้องสามารถฝากชีวิตที่เหลือไว้กับท่านได้ พี่ชายก็วางใจแล้ว หากพี่สอบติดในคราวนี้จริงๆ ก็ยินดีช่วยท่านอ๋องสุดความสามารถ”

หลิ่งชิงฮวนพูดจาใหญ่โตออกไปแล้วก็คงไม่สามารถเรียกกลับมาได้ จึงทำได้เพียงกัดฟันตอบ “งั้นสองสามวันนี้ถ้าหากท่านพี่ต้องการทบทวนวิชาอะไร ต้องการตำราอะไร พรุ่งนี้ข้าจะส่งมาให้ท่านพี่”

เหลิ่งชิงเฮ่อยิ้มอย่างมั่นใจ “การบ้านพี่ทำอยู่เสมอ ความรู้ทั้งหมดอยู่กับตัว เจ้าจงวางใจ ร่างกายของพี่ดีขึ้นมากแล้ว เราสองพี่น้องจะสู้ลูกน้องที่ตระกูลจินส่งมาไม่ได้เชียวหรือ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้”

เหลิ่งชิงฮวนมีความมั่นใจในความสามารถของพี่ชายเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กเขาก็มีพรสวรรค์ในด้านการจำ ท่านปู่และท่านแม่ได้เลี้ยงดูมาอย่างปลูกฝัง ทั้งการเรียนรู้ที่มากมาย และกลอนเจ็ดก้าว ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา