ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 62

สองวันต่อมา ก็ถึงกำหนดเวลาที่มู่หรงฉีต้องย้ายออกจากตำหนักฉาวเทียน

นางมาหามู่หรงฉีถึงห้องตำราเอง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางมาที่นี่ นึกๆ ดูว่าตนเองเป็นคนบังคับให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องมานอนที่นี่เป็นเวลานาน จริงๆ ก็รู้สึกหดหู่ใจ

แต่เมื่อเดินมาถึงด้านใน นางก็ไม่คิดเช่นนี้แล้ว เพราะ ในห้องตำราประดับด้วยเครื่องเรือนสไตล์ไม้พระยูงเหลือง ของเก่าหายาก ภาพเขียนและภาพวาดที่มีชื่อเสียง ความหรูหราแบบเรียบง่าย สง่างามและเงียบสงบ ดูน่าสบายกว่าเรือนใหญ่นั้นของนางหลายเท่า

เตียงนอนในห้องตำราแน่นอนว่าเทียบเรือนใหญ่ไม่ติด แต่ในห้องตำรามีลมพัดเอื่อยๆ ผ้าโปร่งพริ้วไหว จากสภาพอากาศปัจจุบันระดับความสบายนั้นเรือนใหญ่คงเทียบไม่ติด

ในมือของมู่หรงฉีถือตำราอยู่ เขาแสร้งทำเป็นหมกมุ่นอยู่กับการอ่าน ดวงตามองตามนางที่ดินไปรอบๆ ห้อง สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหวต้องออกเสียง “ดูพอหรือยัง”

เหลิ่งชิงฮวนจุ๊ๆ ติดๆ กัน “หม่อมฉันรู้สึกว่า ในห้องตำราของท่านกว้างขวางมาก ตรงนี้ยังสามารถเพิ่มชั้นวางตำราได้อีกสองอัน รับรองว่าสามารถย้ายตำราในเรือนใหญ่มานี่ได้ เพิ่มพื้นที่ว่างให้ห้องนั้น หม่อมฉันจะปรับปรุงเป็นห้องอาบน้ำแยกออกมาต่างหากน่าจะดีทีเดียว”

มู่หรงฉีจ้องตำราในมืออย่างเฉยเมยด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เจ้าอย่าลืมล่ะ นั่นเป็นห้องของข้า เจ้าแค่มายืมอาศัย วันนี้เจ้าก็ต้องย้ายกลับห้องเก็บฟืน”

เหลิ่งชิงฮวนยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะตำรา และนำตำราในมือยื่นไปให้เขาตรงหน้า “ตำราของท่าน กลับมาอย่างสมบูรณ์”

มู่หรงฉีพูดอย่างดูถูกเหยียดหยาม “คิดว่าหยิบอะไรมาส่งๆ ให้ข้าก็ได้หรือ คิดว่าข้าไม่รู้ตำราหรือไง”

เหลิ่งชิงฮวนเปิดหน้าที่หนึ่งอย่างภูมิใจ ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ในเมื่อท่านอ๋องเคยอ่านมาแล้ว ก็ขอเชิญดูสักหน่อย รับรองไม่ขาดแม้แต่อักษรเดียว”

“วันนี้กิริยาของเจ้าทำให้ข้าคิดถึงคำๆ หนึ่ง”

“คำอะไร”

“ทำดีหวังผล”

“นี้่ไม่ใช่คำเพคะ นี่เป็นประโยค” เหลิ่งชิงฮวนยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “หม่อมฉันเผาตำราของท่าน ในใจก็ให้รู้สึกละอายใจไงละเพคะ”

“แต่น่าเสียดายเจ้าไม่ใช่คนที่รู้ผิดแล้วแก้ไข” มู่หรงฉีกกวาดตามองนางอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นยกมือขึ้นสุ่มพลิกดูสองหน้าแล้วให้ประหลาดใจ “สามารถหาฉบับคัดลอกที่แทบจะเหมือนจริงได้ภายในสามวัน ก็นับว่าเจ้ามีความสามารถ”

เหลิ่งชิงฮวนไม่พูดจา มู่หรงฉีจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เพิ่งคัดลอกเสร็จ รอยหมึกยังเป็นของใหม่”

ตอนนี้เหลิ่งชิงฮวนถึงหัวเราะหึหึ “หม่อมฉันตามหาในร้านขายตำราทั้งหมดทั่วเมืองหลวงก็ไม่มีสักร้าน หมดจนหนทาง จึงไปขอร้องบัณฑิตท่านหนึ่ง ให้คัดลอกลายมือของนักบวชเต้าหลินและได้เขียนจากความทรงจำขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพคะ”

มู่หรงฉีถึงเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างพินิจ “เขียนจากความทรงจำ?ใครนะถึงมีความสามารถถึงเช่นนี้”

“ท่านอ๋องชื่นชมในความสามารถหรือเพคะ”

มู่หรงฉีมองนางอย่างครุ่นคิด “ทำไมทหารอารักขาสองคนข้างกายเจ้าถึงไม่มารายงานที่อยู่ของเจ้าให้ข้ารู้ล่ะ ข้าจึงไม่รู้ว่าเจ้าไปหาผู้มีฝีมือมาจากที่ใด”

ในดวงตาทั้งคู่ของเหลิ่งชิงฮวนมีแสงส่องระยิบระยับ “ท่างอ๋องประเมินเสน่ห์ของหม่อมฉันต่ำไป ตอนนี้พวกเขาเป็นคนของหม่อมฉันแล้ว”

“เจ้าพูดเช่นนี้ พวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย แม้กระทั่งชีวิตก็น่ากังวล”

เหลิ่งชิงฮวนหุบยิ้ม “เอาเถอะ หม่อมฉันวางยาสลบสองคนนั้น พวกนั้นจึงหลับไป”

มู่หรงฉีส่งเสียงหึเบาๆ “พูดมาสิ เขาเป็นใคร หากเป็นคนที่มีความสามารถจริง ข้าก็จะเลิกยุ่งกับเจ้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา