ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 63

“คิดได้ดีมาก” มู่หรงฉีพยักหน้า “แต่ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย”

ประโยคเดียวทำเอาเหลิ่งชิงฮวนสำลัก

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะอย่างประจบ “ถึงแม้หม่อมฉันกับท่านจะจากกัน เหลิ่งชิงหลางก็ยังเป็นพระชายารองของท่าน พี่ชายของหม่อมฉันก็ยังคงเป็นพี่ชายของภรรยาของท่านมิใช่หรือ พูดอีกก็คือ เป็นสามีภรรยาเพียงวันเดียว ความสัมพันธ์ยังคงลึกซึ้งตลอดไป บ่มเพาะสิบปีจึงจะสามารถลงเรือลำเดียวกันได้ บ่มเพาะร้อยปีจึงจะมีวาสนาเป็นสามีภรรยากันได้”

มู่หรงฉีหัวเราะเยาะ “พวกเราไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกัน จะนับว่าเป็นสามีภรรยากันได้ไง”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะท้องแข็ง “ท่านอ๋องคงไม่ได้จะเอาเปรียบคนไม่พร้อมใช่ไหม”

มู่หรงฉีหัวเราะเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น แม้แต่คำพูดที่ลอดออกมาจากปากยังเย็นชา “ข้าสนใจแต่สตรี”

เมื่อเผชิญหน้ากับความอัปยศอดสูและแดกดันอีกครั้ง เหลิ่งชิงฮวนต้องอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก ตอนนี้ความพยายามเกือบสูญเปล่า

“บังเอิญจริง คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องกับหม่อมฉันจะมีความสนใจเหมือนกัน หม่อมฉันก็สนใจแต่สตรี”

ใบหน้าของมู่หรงฉีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว ราวกับกิ้งก่า และยังมองที่ท้องน้อยของนางอย่างชวนให้ขบคิด ให้นางเข้าใจสายตาของเขา

“ดังนั้น ทำไมข้าต้องช่วยเจ้า”

“หม่อมฉันไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ไม่มีความใคร่ให้ท่านได้ แต่หม่อมฉันมียา หากวันใดวันหนึ่ง ท่านอ๋องต้องการใช้ หม่อมฉันจะไม่ลังเลที่จะเพิ่มให้ท่านเป็นสองเท่าเลย”

“ออกไป!”

“ท่านอ๋องรับปากแล้วใช่ไหม”

“ออกไป!”

“วัฒนธรรมจีนนั้นกว้างขวางและลึกซึ้ง หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของท่านอ๋อง หมายถึงตกลงเป็นที่แน่นอน หม่อมฉันไปได้แล้วใช่หรือไม่”

“เหลิ่งชิงฮวน อย่าให้ข้าต้องลงไม้ลงมือ”

เหลิ่งชิงฮวนคาดเดาไม่ได้จริงๆ ว่า ที่แท้มู่หรงฉีรับปากหรือไม่รับปาก จึงก้าวถอยหลังอย่างคนรู้จักเอาตัวรอด และพยายามอย่างสุดชีวิต “คนต้องกินธัญพืชอาหารแห้งหลายชนิด ก็ต้องกินยา ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงโรคไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงยา ต่อให้ปวดหัวตัวร้อน ไม่มีแรง ไตบกพร่อง ตับบกพร่อง หม่อมฉันสามารถใช้ยารักษาได้ทั้งนั้น ท่านอ๋องให้น้องสาวของหม่อมฉันคนนั้นนอนในห้องว่างเปล่าทุกๆ วัน จนคอยื่นคอยาวแล้วน้า”

ตำราเล่มหนึ่งลอยมาจากด้านใน กระแทกบนหัวของเหลิ่งชิงฮวนตรงๆ

เหลิ่งชิงฮวนถือเอาไว้ในมือและเหลือบมอง “เดาว่าน่าจะเป็นฉบับหายากของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ซึ่งประเมินค่ามิได้ พรุ่งนี้เอาไปถามราคาที่ร้านตำราดีกว่า”

ไม่รีบไม่ร้อนก็หยิบตำราเดินส่ายอาดๆ จากไป

มู่หรงฉียังนั่งอยู่ที่เดิม ตะลึงด้วยความมึนงงไปนานไม่มีปฎิกิริยาตอบสนอง รอยยิ้มได้ปรากฏบนริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่เหมือนคนเดิมที่ป่าเถื่อนและโหดร้าย ดื้อรั้นเหมือนลา ตรงกันข้ามกับท่าทางที่พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อประจบประแจงของนาง ช่างเหมือนกับสุนัขตัวน้อยที่กระดิกหางขอความเมตตา จนทำให้บุรุษที่นับถือตัวเองและหยิ่งจนสามารถยกหางขึ้นฟ้าได้อย่างเขาต้องแตกสลาย

ทว่าน่าเสียดายพฤติกรรมช่างทรามนัก!

“ทหาร!”

ทหารอารักขาที่เฝ้าอยู่หน้าห้องรีบเข้ามาทันที “ท่านอ๋องมีคำสั่งอันใด”

“แจ้งตี้ทิงเว่ยให้ไปตรวจสอบคุณชายของจวนมหาเสนาบดีเหลิ่งชิงเฮ่อ”

“เหลิ่งชิงเฮ่อ?”

ทหารอารักขาประหลาดใจเล็กน้อย นั้นไม่ใช่ท่านพี่เมียของท่านอ๋องหรือ ตรวจสอบลับหลังคิดจะทำอะไรกัน

“ถูกต้อง เกี่ยวกับอุปนิสัย ความสามารถ ยังมีบทความที่เขาเขียนตอนเข้าร่วมสอบฤดูใบไม้ร่วง ตรวจสอบทั้งหมดมาให้ข้าอย่างละเอียด”

ลานหลักตำหนักฉาวเทียน

เหลิ่งชิงฮวนยังดูถูกตัวเองอยู่ ถึงตายก็จะรักษาหน้าไว้แม้จะมีชีวิตอยู่เพื่อรับกรรมก็ตาม ที่พูดมาก็คือตัวเอง

ต่อหน้าพี่ชายแสร้งทำเป็นหางหมาป่า วันนี้เป็นยังไงล่ะ ต่อหน้ามู่หรงฉีต้องแสร้งทำเป็นหมาน้อยกระดิกหางน่าสงสาร ที่น่าเกลียดสุดคือ เมื่อวานขอร้องตั้งนานสองนาน แต่สุดท้ายเขารับปากหรือไม่ ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอน

นี่ก็แสดงว่า ตนเองต้องไปขอร้องเขาอีกครั้ง

แม่หวังเข้ามารายงานว่า “คุณหนูรองมาเจ้าค่ะ”

นกเค้าแมวเข้าบ้านยามค่ำคืน ไม่มีเรื่องคงไม่มา เหลิ่งชิงหลางมาถึงประตู ไม่มีทางมีเรื่องดี ดังนั้นเหลิ่งชิงฮวนจึงปฏิเสธไปโดยที่ไม่ได้ลืมตา “บอกนาง ข้าไม่ว่าง”

แม่หวังยืนนิ่งไม่ขยับ

“ทำไม ยังมีธุระอันใดอีก”

“คุณหนูรองบอกว่ามาขอโทษเจ้าค่ะ”

“ขอโทษ?” เหลิ่งชิงฮวนคิดถึงเรื่องที่เสิ่นหลินเฟิงมาเยียนเมื่อหลายวันก่อนก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็น”

แม่หวังเห็นท่าทีที่เย็นชาของนาง ไม่มีช่องว่างให้จึงหันหลังกลับออกไปตอบ

หน้าต่างเปิดอยู่ เสียงร้องไห้ของเหลิ่งชิงหลางร้องไห้สะอึกสะอื้นและคับข้องใจลอยเข้ามา “ท่านพี่ ชิงหลางผิดไปแล้ว ชิงหลางรู้ตัวว่าผิด ขอท่านพี่โปรดให้อภัย”

นี่มันจัดเวทีร้องเพลงที่หน้าประตูของตัวเอง?

เหลิ่งชิงฮวนลุกขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง เหลิ่งชิงหลางก็ไม่เข้ามา ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของลานหลัก สวมชุดขาว ยืนอย่างสวยงาม เมื่อเห็นนางมองออกไป ก็ยิ่งสะอื้นไห้มากขึ้น

“ท่านพี่ไม่ยอมพบข้า เป็นเพราะไม่เต็มใจให้อภัยชิงหลางใช่หรือไม่ น้องรู้ว่าผิดแล้วจริงๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ทำให้พี่ได้รับความอยุติธรรม เชื่อว่าท่านพี่คงเห็นแก่ความเป็นพี่น้องของพวกเรา จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับน้องใช่หรือไม่

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเยาะเบาๆ “ช่างเป็นคำพูดที่ไร้เดียงสา ช่างเป็นประโยคของความเป็นพี่น้อง เหลิ่งชิงหลาง เจ้ายังมีหน้ามาพูดว่าขอโทษ คำขอโทษของเจ้าข้าขอไม่รับ เจ้าก็อย่ามาทำท่าทางเสแสร้งอยู่ตรงนี้”

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้น้ำตาไหลพูดอย่างเสียอกเสียใจ “ท่านพี่ไม่ยอมให้อภัยข้า คงคิดว่าชิงหลางยังไม่จริงใจพอ ชิงหลางจะคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่อขอโทษท่านพี่ ขอแค่ท่านพี่ไม่ให้อภัย ข้าก็จะไม่ลุกขึ้นมา”

แล้วยกกระโปรงคุกเข่าไปยังทิศทางของเหลิ่งชิงฮวนจริงๆ

ให้ตายเถอะ นี่มันกลยุทธ์ทนทุกข์กาย นังสารเลวนี่ กล้าใช้ตำราพิชัยยุทธ์มาเล่น สุภาษิตกล่าวไว้ว่าคนที่ถูกบีบบังคับให้ลุกขึ้นมาสู้ย่อมได้รับชัยชนะ ถ้าหากเจ้าหมูมู่หรงฉีมีตาแต่ไม่มีสมองเห็นเข้า ต้องคิดว่าตนเองไม่มีเหตุผลแน่ และกำลังบีบบังคับคนรักของเขา

อยากคุกเข่าก็คุกเข่า ก็อยากร้องเพลงโศกอยู่แล้วนี่? น้อมรับคำท้า

เหลิ่งชิงฮวนนั่งที่โต๊ะ รินน้ำชาให้ตัวเอง คว้าเมล็ดแตงโมหยิบมือหนึ่ง เคาะโต๊ะรอดูความตื่นเต้น

จวนอ๋องจะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก ในไม่ช้าก็มีคนรับใช้ที่อยู่ห่างๆ รอดูความตื่นเต้น และพูดคุยกันกระซิบกระซาบ

จือชิวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้ “พวกเรากลับกันเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูร่างกายเดิมก็ไม่แข็งแรง คุณหนูใหญ่เข้าใจท่านผิดอย่างมากขนาดนี้ จะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางกล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้าอย่ามากล่อมข้า ขอแค่ท่านพี่ให้อภัยข้า ต่อให้ข้าคุกเข่าที่นี่จนตายก็เต็มใจ”

ทั้งคู่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ภาพลักษณ์ของเหลิ่งชิงฮวนพี่สาวและนายหญิงผู้ชั่วร้ายก็ถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์

โตวโตวโกรธจนหลายครั้งอยากออกไปต่อว่าต่อขาน เหลิ่งชิงฮวนดูสบายๆ

“พวกเขาไม่บรรลุประสงค์ย่อมไม่ยอมเลิกลา ก่อนที่มู่หรงฉีจะหวั่นไหว ไม่ว่าเจ้าจะพูดมากเพียงใดก็ตามก็ไม่มีประโยชน์ บางทีถ้าหากเจ้าพูดรุนแรงกว่านี้อีกนิด นางก็จะกรอกตาด้วยความโกรธและหมดสติไป แล้วมากล่าวหาเราล่ะ มิสู้ปล่อยให้นางอยู่ข้างนอกร้องเพลงเดี่ยวไป อีกสองประโยคนางก็หุบปากแล้ว ในที่สุดเวลานี้นางก็อับอาย”

เป็นจริงดังกล่าว เหลิ่งชิงหลางและคนรับใช้เห็นเหลิ่งชิงฮวนไม่มีปฎิกิริยาตอบโต้อะไรที่นี่ จึงร้องไห้คร่ำครวญสองครั้ง แล้วหยุดการกระทำ จะเดินกลับไป ช่างขายหน้า คุกเข่าก็คุกเข่าจนขาชา ตอนนี้แทบทนไม่ไหว

สิ่งสำคัญที่สุดคือ สถานที่เดิมที่ร่มเย็นโดนแสงแดดแผดเผามาแทนที่ ตากแดดจนเธอเวียนหัวและตาลาย ร่างกายโคลงเคลง จากนั้นไม่นาน เหลิ่งชิงหลางก็กลอกตาและสลบไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา